หลิวเสี่ยวหนิงรีบเดินเข้าไปในโถงโรงพยาบาล เธอยืนอยู่ที่ระเบียงด้วยจิตใจที่กระวนกระวาย มองห้องผู้ป่วยของจินจิ่นหรานที่อยู่ห่างไปไม่ไกล สุดท้ายก็กำฝ่ามือแน่น
เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ผลักประตูออกแล้วเดินเข้าไป
ในห้องพักผู้ป่วย เซวียโหรวนั่งปอกผลแอปเปิลอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย และจินจิ่นหรานที่ฟื้นแล้วกำลังนั่งอยู่บนเตียง ราวกับคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ จะมีคนเข้ามา สีหน้าจึงฉายแววตกตะลึงเล็กน้อย
โดยเฉพาะหลังจากที่เห็นว่าเป็นหลิวเสี่ยวหนิง
อย่างไรก็ตามเวลานี้หลิวเสี่ยวหนิงก็ไม่ได้ใจเย็นมากนัก เธอมองจินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงนิ่ง ทันใดนั้นก็รู้มีอะไรมาจุกอยู่ในลำคอ
เขานั่งอยู่ตรงนั้นอย่างเงียบสงบ สีหน้ายังคงซีดขาวอยู่เล็กน้อย ในดวงตาทั้งสองข้างซ่อนอารมณ์ที่มืดครึ้มเอาไว้ ก็ทิ่มแทงเข้าไปในใจของหลิวเสี่ยวหนิงอย่างจัง
เซวียโหรวเห็นดังนั้นก็นำผลแอปเปิลที่ปอกเสร็จแล้ววางไว้ในมือจินจิ่นหราน หันกายมาหาหลิวเสี่ยวหนิง บังจินจิ่นหรานไว้ข้างหลังอย่างสมบูรณ์แบบ
“คุณหลิว คุณมาเยี่ยมไข้จินจิ่นหรานเหรอ?” เซวียโหรวพูดด้วน้ำเสียงแผ่วเบานุ่มนวล
“ฉัน......” ฉับพลัน ในใจของหลิวเสี่ยวหนิงก็เกิดหวาดกลัวขึ้นมา เธอลังเลครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ก้มศีรษะลง
“ขอโทษ......”
ยังคงเป็นคำพูดนั้น แต่ไม่ใช่สภาพจิตใจก่อนหน้านี้
“เธอไม่ได้พูดว่าขอโทษไปแล้วเหรอ? แล้วฉันก็พูดไปแล้ว เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันนี้ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องกับคุณมากนัก
เซวียโหรวเม้มริมฝีปากเบาๆ เธอไม่เข้าใจการกระทำของหลิวเสี่ยวหนิงอยู่บ้าง
หรือว่ายายหนูคนนี้จะมาพูดขอโทษทุกวันวันละรอบหรือ?
จินจิ่นหรานที่อยู่บนเตียงหันศีรษะกลับไป หลุบตาลงเพื่อปกปิดความอ้างว้างในดวงตา
“ไม่ใช่ค่ะคุณน้า ฉัน...” หลิวเสี่ยวหนิงส่ายศีรษะ ฝ่ามือมีเหงื่อเย็น “ครั้งนี้ฉันมาขอโทษคุณค่ะ”
“ขอโทษฉัน? เธอมีเรื่องที่ทำผิดต่อฉันเหรอ?” เซวียโหรวถามอย่างมีน้ำอดน้ำทน
หลิวเสี่ยวหนิงขบริมฝีปากเบาๆ จู่ๆ ก็เปิดปากพูดอย่างเอาจริงเอาจัง “เรื่องที่รับปากคุณไปก่อนหน้านี้ ฉันเสียใจแล้วค่ะ”
เซวียโหรวหันหน้ากลับไปเหลือบมองจินจิ่นหรานบนเตียง จากนั้นก็หัวเราะออกมา “ดังนั้นเธออยากจะพูดอะไร?”
“ฉันคิดได้แล้วค่ะ ฉันชอบจินจิ่นหราน” หลิวเสี่ยวหนิงพูดอย่างแทบจะไม่ลังเล
ได้ยินประโยคนี้มือของจินจิ่นหรานที่วางบนผ้าห่มก็กำแน่น แต่ยังคงไม่หันหน้ามา
“อ้อ?” นัยน์ตาของเซวียโหรวสว่างวาบ “ถ้าเธอได้ยินมาว่าจินจิ่นหรานฟื้นแล้วจึงมาพูดให้เขายกโทษให้เธอล่ะก็ เชิญออกไปเถอะ”
“ไม่ใช่นะคะ!” หลิวเสี่ยวหนิงรีบพูดขึ้นอย่างร้อนใจ
“ฉันไม่ได้คิดอย่างนี้......ฉันรู้ว่าตอนนี้ตนเองมาพูดเรื่องมันน่าตลก ฉันคิดว่าในใจฉันคือความละอายใจและความไม่สบายใจ แต่ไม่ใช่เลย......ฉันชอบเขาค่ะ เพียงแค่ไม่กล้ายอมรับหัวใจตนเองมาตลอดเท่านั้น......”
-ขณะที่พูด น้ำเสียงของหลิวเสี่ยวหนิงก็ยิ่งแหบหนักขึ้นไปอีก ถึงขนาดฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเล็กน้อย
“ฉันรู้ว่าฉันมาพูดเรื่องพวกนี้อาจจะสายไปแล้ว แต่ฉันก็ยังอยากให้เขาได้รู้......ฉันช่างเห็นแก่ตัวเสียจริง......”
หลิวเสี่ยวหนิงกุมหลังมือของตน เธอสูดลมหายใจเข้าลึก ทว่าหลังจากพูดเรื่องพวกนี้จบก็รู้สึกว่าตนเองน่าขันยิ่งนัก
ปากพูดว่าไม่ได้อยากได้รับการยกโทษให้ แต่เธอคิดอย่างนี้จริงหรือ?
คิดมาถึงตรงนี้ หลิวเสี่ยวหนิงก็อยากตบหน้าตนเองสักฉาด
“ฉันอยากฟังเขาพูดด้วยตัวเขาเอง แม้จะกลัวถูกเขาปฏิเสธก็ตามที” ที่จริงแล้วหลิวเสี่ยวหนิงอยากแสร้งจะฉีกยิ้มอย่างโล่งใจ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดขอบตาจึงแดงระเรื่อ
เธออยากฟังเสียงของจินจิ่นหราน อยากเจอเขา
ใบหน้าของเซวียโหรวปรากฏร่องรอยความโกรธ เธออดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ “คุณหลิว คุณไม่คิดว่าคุณทำแบบนี้เป็นการเห็นแก่ตัวอย่างมากเหรอ? คุณคิดว่าตนเองเป็นใคร?”
ถ้าเธอไม่สืบเรื่องของหลิวเสี่ยวหนิงมาก่อนหน้านี้ น่ากลัวว่าคงสงสัยว่าใจเธออาจจะสิ่งที่ซ่อนเร้นเป็นแน่
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น