หากไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง สือฮว่าก็ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านั่นคือถังจิงกราน
ถางจิงหรานชอบสวี่ฉางอันและชอบจนถึงขั้นที่หวาดระแวง ไม่คิดว่าจะทำเรื่องแบบนี้กับลับหลังสวี่ฉางอัน
"เธอทำแบบนี้ สวี่ฉางอันรู้หรือเปล่า?"
เสียงของเธอนั้นเบาบางพลางกอดอกเล็กน้อยและมองไปที่ถางจิงหราน
ถางจิงหรานเลิกคิ้วขึ้น ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าที่วางอยู่ด้านข้าง "คุณสือ นี่ต้องสนใจเรื่องของครอบครัวแฟนเก่าด้วยเหรอ?"
เธอเน้นย้ำว่าแฟนเก่าและคำพูดก็เต็มไปด้วยการประชดประชัน
สือฮว่าเลิกคิ้วและหัวเราะเบาๆ "นั้นก็ไม่ใช่ ได้ยินมาว่าก่อนหน้านี้บริษัทตระกูลถางเจอวิกฤตครั้งใหญ่หนิ พอเห็นแล้วฉันถึงรู้ว่าวิกฤตนี้ได้รุนแรงมาถึงขึ้นนี้แล้ว เป็นถึงคุณหนูในตระกูลถางกลับต้องออกมารับแขก ก็แค่ประหลาดใจนิดหน่อยเท่านั้นเอง"
เดิมทีใบหน้าของถางจิงหรานนั้นยังมีชีวิตชีวาอยู่ แต่เมื่อเธอพูดแบบนี้ สีหน้าก็เปลี่ยนไปในทันทีแล้วหรี่ตาลงเล็กน้อย
"สือฮว่า ถ้าไม่ใช่เพราะเธอ คิดว่าฉันจะกลายเป็นอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ไหม?"
เธอไม่อยากไปนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น และเตือนตัวเองเสมอว่าให้อดทนและอดกลั้น
แต่เมื่อได้ยินสือฮว่าพูดอย่างนี้ ความโกรธนั้นก็ปะทุออกมา
"คุณถางก็พูดติดตลกไปนะ เธอกับประธานฟางทำต่อเถอะ งั้นฉันก็จะไม่กวนแล้ว"
เธอก้าวไปข้างหน้าสองสามก้าวและคิดอะไรบางอย่างได้ แล้วจู่ๆก็หันกลับมา "อ้อ เมื่อกี้ที่ฉันประชุมที่บริษัทนี้ ได้ยินคนพูดว่าคุณฟางก็มีภรรยาแล้วสิน่ะ?ประธานถางเล่นสนุกได้ แต่ก็อย่าไปหาสามีคนอื่น ไปทำลายครอบครัวคนอื่น แต่เดี๋ยวจะกรรมตามสนองเอานะ"
ใบหน้าของฟางหลินโกรธจนซีด ทำท่าทางกำลังจะพูด แต่กลับถูกสายตาของถางจิงหรานจับจ้อง จึงทำได้เพียงมองดูสือฮว่าเดินจากไป
"สือฮว่าคนนี้ทำเกินไปแล้ว! ได้ยินมาว่าเธอเป็นผู้หญิงที่มีคนตำแหน่งสูงในตี้เซิ่งเลี้ยงอยู่ แต่กลับเย่อหยิ่งถึงจุดนี้!"
ฟางหลิงเป็นเจ้าหน้าที่เพิ่งขึ้นมาใหม่และไม่ได้สนใจแวดวงในจิงตู ยิ่งไปกว่านั้นในสถานะของเขาก็เข้าร่วมไม่ได้อยู่แล้ว
รอยยิ้มผุดขึ้นในดวงตาของถางจิงหรานและแตะแตะลงบนหน้าอกของเขา
"ก็อย่างที่คุณพูด ก็เป็นแค่ผู้หญิงที่ถูกเลี้ยง ไม่มีฐานะอะไร ถ้าคุณอยากจัดการเธอก็ใช้เวลาแค่ไม่กี่นาที สองสามวันนี้เหมือนว่าเธอก็จะมาที่บริษัทของคุณอยู่นะ ประธานฟาง นี่น่าจะเป็นโอกาสของคุณ"
บริษัทที่ฟางหลินอยู่คือเจิ้งเว่ยเทคโนโลยี ติดอันดับใน 20 อันดับแรกของประเทศ และถ้าเทียบกับตี้เซิ่งนั้นก็ยังอีกไกลหลัง ไม่เช่นนั้นตี้เซิ่งคงจะไม่ส่งแค่พนักงานจากแผนกกฎหมายมาเท่านั้น
ตั้งแต่บริษัทถางถูกโจมตีอย่างหนัก จึงพยายามดึงลูกค้าตัวเองมาเป็นพวกและบวกกับถางจิงหรานเพิ่งได้รับตำแหน่งนี้ และใส่ใจกับลูกค้าเก่าที่ให้ความร่วมมือกับถางมากขึ้น ดังนั้นสัญญาที่สำคัญทั้งหมดนั้น จึงได้ออกตัวเอง
ฟางหลิงเข้าใจความหมายของเธอทันที และสายตาเยาะเย้ยก็ปรากฏขึ้นในดวงตา "ผมเข้าใจแล้ว ครั้งหน้าจะโชว์สีสันให้เธอดูสักหน่อย"
ถางจิงหรานจูบริมฝีปากของเขา "งั้นก็แล้วแต่คุณเลย"
หลังจากออกจากเจิ้งเว่ยเทคโนโลยี เธอก็หยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาเช็ดที่ปากของตัวเองและคิ้วก็เต็มไปด้วยความรังเกียจ
ถ้าไม่ใช่เพราะจุดชนวนไฟระหว่างฟางหลินและสือฮว่า เธอนั้นจะไม่มีวันปล่อยให้ฟางหลินมีโอกาสจับต้องเธอ
ผู้ชายคนนี้นอกจากประจบประแจงเก่งและฉลาดอยู่เล็กน้อยแล้ว ก็แทบจะทำอะไรไม่เป็นเลย ที่สามารถนั่งในตำแหน่งรองประธานได้ มันไม่มีอะไรมากไปกว่าใช้ช่องทางความสัมพันธ์เท่านั้น
แต่ฟางหลิงมีอย่างหนึ่งที่ทำให้เธอพอใจมาก นั่นคือความไม่มีสมอง
ตอนนี้เขากำลังเล็งไปที่สือฮว่า ส่วนสือฮว่านั้นก็ต้องเสียเปรียบแน่นอน
ถางจิงหรานยิ้มในดวงตา หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วโทรหาหนิงหยู่ "แม่ หนูเอง คืนนี้หนูจะกลับบ้านไปทานอาหารค่ำนะ"
ฝั่งทางหนิงหยู่ก็ไม่รู้ว่าพูดอะไร จนทำให้ถางจิงหรานหัวเราะออกมา
วันรุ่งขึ้น สือฮว่ามาที่เจิ้งเว่ยเทคโนโลยีแต่เช้า
ชั้นล่างนั้นไม่มีใครต้อนรับแล้ว ดูเหมือนว่าเมื่อวานนี้ฟางหลินแค่จะต้อนรับถางจิงหรานเท่านั้น
เธอยิ้มเยาะและเดินไปที่ประตูลิฟต์
แต่ทันทีที่เขาเดินถึงหน้าประตู ในนั้นก็ผู้ชายสองสามคนออกมาและชนกระแทกเธออย่างแรง ซึ่งชนจนเธอหันไปด้านข้าง
เธอหันไปจะไปถกเถียง แต่คนพวกนั้นก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว
เธอขมวดคิ้วพลางลูบไหล่ตัวเอง แล้วกดปุ่มลิฟต์
หลังจากที่ประตูลิฟต์ปิดลง เธอก็กดปุ่มเพื่อขึ้นไปชั้นบนสุด อารมณ์ที่ดีนั้นถูกทำลายไปเกือบครึ่ง
อย่างไรก็ตามสิ่งที่แย่กว่านั้นยังอยู่ข้างหลัง ลิฟต์เพิ่งขึ้นไปได้ครึ่งทาง จู่ๆข้างในก็มืดมิดและเริ่มขึ้นสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
"โครมคราม!!"
หลังจากมีเสียงอ้อแอ้ ลิฟต์ดูเหมือนจะลอยอยู่ที่ไหนสักแห่ง
ในเวลานี้ จู่ๆ ประตูลิฟต์ก็เปิดออก แต่สิ่งที่ปรากฏที่ประตูนั้นเป็นกำแพง กำแพงสีดำซึ่งไม่มีทางออก
สือฮว่าติดอยู่ในพื้นที่ที่อึดอัดนี้ เธอหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและต้องการโทรหาฮ่อฉวนสือ แต่ในกระเป๋านั้นว่างเปล่า
ทันใดนั้นเธอนึกถึงผู้ชายพวกนั้นที่ชนเธอที่ชั้น 1 น่าจะเป็นพวกเขาที่เอาโทรศัพท์มือถือของเธอไป
เธอบังคับตัวเองให้สงบสติและมิอยากให้ตัวเองตื่นตระหนกเกินไป
อย่างไรก็ตามกำแพงสีดำนี้ทำให้เธอตื่นตระหนกอย่างบอกไม่ถูก และเธอก็นึกถึงที่เคยอ่านก่อนหน้านี้
ชายชราคนหนึ่งก็ถูกติดอยู่ในกำแพงเช่นกัน และต่อมาก็อดตายในช่องแคบ
หากไม่มีโทรศัพท์มือถือ ก็ไม่มีทางติดต่อกับโลกภายนอกได้ หากคนในเจิ้งเว่ยเทคโนโลยีไม่ได้ซ่อมแซมลิฟต์ เธอก็จะไม่สามารถออกไปได้ตลอดชีวิต
"ฮือออ~"
ทั้งๆที่มีเพียงเธอคนเดียวในลิฟต์ แต่ในขณะนี้กลับมีเสียงร้องของเด็กดังขึ้น
หนังศีรษะของสือฮว่ารู้สึกชาเล็กน้อย และเขานั่งยองๆ กับพื้นแทบจะในทันที
และในห้องควบคุมของเจิ้งเว่ยเทคโนโลยี ฟางหลินมองดูฉากนี้และรู้สึกโล่งใจมาก
"ผู้หญิงคนนี้คิดว่าตัวเองเป็นมนุษย์จริงๆสินะ งั้นปล่อยให้เธอหิวในนี้สักอสองสาม อย่าหยุดเสียงนี้ ทำให้เธอตกใจก็ดี เผื่อกฏเกณฑ์ซะบ้าง"
ทุกคนในห้องควบคุมไม่กล้าต่อต้านเขา แต่ทุกคนนั้นก็คิดว่าพฤติกรรมนี้แย่มาก
ท้ายที่สุดสือฮว่าเป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง ขังเธอไว้ในพื้นที่เล็กๆแบบนี้ และยังใช้เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยหลอกเธอ หากตกใจจนเกิดเรื่องไม่ดีขึ้น นี่จะเป็นความรับผิดชอบของเจิ้งเว่ย
แต่ฟางหลินเป็นรองประธานของเจิ้งเว่ย ไม่มีใครกล้ารุกรานเขา
หลังจากฟางหลินออกจากห้องควบคุม ก็ได้รีบโทรหาถางจิงหราน เดิมทีเขาต้องการรายงานข่าวดีให้ถางจิงหราน แต่ถางจิงหรานกลับไม่รับสายเขา
ถางจิงหรานมองไปที่ชื่อที่กระพริบบนหน้าจอและรู้ว่าฟางหลินน่าจะทำสำเร็จ ปากของเธอโค้งงอและดึงหมายเลขฟางหลินเข้าบัญชีดำโดยตรง
หากสือฮว่าตายไป เจิ้งเว่ยเทคโนโลยีจะเป็นคนแรกที่ถูกฮ่อฉวนสือไล่ตรวจสอบ ถึงตอนนั้นฟางหลินจะไม่สามารถรอดไปได้อย่างแน่นอน เขาจึงจะต้องวาดแบ่งเส้นกับชายคนนี้ให้เร็วถึงจะดี
ฟางหลิงโทรเข้าโทรศัพท์ของเธอ ไม่มีใครรับสาย จึงหยุดโทร คิดว่าเจอกันครั้งหน้า ค่อยเล่าถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าของสือฮว่าให้อีกฝ่าย
สือฮว่ากลัวห้องที่อึดอัดแบบนี้มาโดยตลอด ในตอนนี้ในหัวของเธอเต็มไปด้วยเสียงเด็กร้องไห้ เธอจับหัวตัวเองพลางหลับตาแน่น
เห็นได้ชัดว่าไม่มีสิ่งใดในความมืด แต่เสียงร้องของเด็กนั้นยังคงดังก้องอยู่ในหูของเธอ
"อย่าโผล่มา อย่าโผล่มาให้เห็นอีก!!"
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: นายฮ่อ คุณคือความลับที่ฉันบอกไม่ได้