อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 11

มู่เสี่ยวไม่เคยให้ความสนใจกับงานเลี้ยงประเภทนี้มากนัก จึงไม่ค่อยได้เข้าร่วม

แต่เมื่อวานนี้เมื่อเขาได้ยินว่าคุณหนูสองแห่งตระกูลซูที่มีพันธะสัญญาต้องมาแต่งงานกับเขาจะเข้าร่วมงานเลี้ยงนี้ เขาก็ไม่พอใจทันที

จุดประสงค์ดั้งเดิมของงานเลี้ยงประเภทนี้คือการจับคู่ชายหญิง ขณะที่ซูเมิ่งเยียนไม่มีพันธะสัญญาแต่งงาน นางไม่เคยเข้าร่วม แต่คราวนี้จู่ ๆ นางดันมาเข้าร่วม ไม่ใช่ว่าอยากให้คนอื่นมองเขาเป็นตัวตลกงั้นหรือ?

เขาไม่ยอมให้เรื่องน่าอับอายเช่นนี้เกิดขึ้นแน่ เขาจึงมาที่นี่

ใช่ นั่นคือเหตุผล

มู่เสี่ยวพูดให้ตัวเองยอมรับเช่นนั้น

หลังจากเดินเข้าไปในลานด้านหลังบ้าน เขารู้สึกว่าเขาถูกจ้องมอง เขาหันศีรษะกลับไปมอง ขณะที่เห็นอีกฝ่าย เขาก็ชะงักไปชั่วครู่

ถ้าจำไม่ผิด คน ๆ นั้นชื่อเสิ่นเนี่ยนหย้วน?

เขายังจำได้ว่าตกใจเมื่อเห็นนางครั้งแรก

ผู้หญิงคนนี้ค่อนข้างคล้ายกับคน ๆ นั้น ถ้าไม่ใช่เพราะความแตกต่างของปากและจมูก เขาคงเกือบจะคิดว่าเป็นนางจริง ๆ

“หึ” เสียงเย้ยหยันที่ไม่เปิดเผยของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น ทำให้คิ้วของมู่เสี่ยวย่นเล็กน้อย และหันไปมอง

แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายก็ผงะไปชั่วขณะ

วันนี้ซูเมิ่งเยียนแต่งตัวเป็นพิเศษ นางไม่ได้แต่งตัวจืด ๆ เหมือนเมื่อก่อน ทว่ากลับดูบอบบางและมีเสน่ห์ กลับไม่น่ารังเกียจ

หลังจากที่เขาตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจทันทีว่านางแต่งตัวแบบนี้เพื่อดึงดูดผู้ชายคนอื่นหรือเปล่า?

ช่างไร้ยางอายยิ่งนัก!

ซูเมิ่งเยียนไม่รู้ว่ามู่เสี่ยวกำลังคิดอะไรอยู่ แต่เมื่อนางเห็นมู่เสี่ยวจ้องมองที่เสิ่นเนี่ยนหย้วน นางก็รู้สึกหนาวสั่นในใจ

ไม่ว่าชาติที่แล้วหรือชาตินี้ก็มีผู้หญิงคนเดียวเท่านั้นที่ทำให้เขาหวั่นไหวได้เสมอ

ความบ้าคลั่ง ความทุ่มเท และความรักของนางคือเรื่องตลกทั้งเพ!

ซูเมิ่งเยียนไม่ต้องการเสียเวลากับคน ๆ นี้อีกต่อไป ดังนั้นนางจึงหันไปมองที่กลุ่มคุณชายพวกนั้น

ผู้คนกลุ่มนั้นก็กำลังพูดถึนางเช่นกัน

"คิดไม่ถึงเลยว่า ซูเมิ่งเยียนแต่งตัวแล้วจะดูดีขนาดนี้"

“เมื่อก่อนคิดว่านางไม่คู่ควรกับท่านอ๋องหย่งอันเลย แต่พอมาตอนนี้มองดูแล้วเป็นคู่ที่เหมาะสมกันมาก”

“จะว่าไปก็แปลกยิ่งนัก ฝ่าบาทไม่ใช่ว่าให้นางกับท่านอ๋องแต่งงานกันหรอกหรือ? แล้วนางมาทำอะไรที่นี่?”

"จะอะไรกันเล่า ก็คงจะเห็นว่าท่านอ๋องหย่งอันมา คงเกรงว่าหญิงนางอื่นมายั่วยวนท่านอ๋องไปล่ะสิไม่ว่า นางจึงตามมาด้วย นางหลงท่านอ๋องยังกับอะไรดีเจ้าไม่รู้หรือไง ถ้าไม่ใช่เพราะสถานะที่แตกต่างกัน เกรงว่านางคงจะชิงตัวท่านอ๋อง จากนั้นก็ขังนางไว้ที่บ้านตนเอง"

หลายคนพูดคุยกันไปต่าง ๆ นา ๆ เฉียวฉู่ที่อยู่ด้านข้างได้ยินพวกเขาอย่างชัดเจน

เขาลดสายตาลงและมองไปที่หญิงสาวที่สดใสอยู่ไม่ไกล

บังเอิญว่าซูเมิ่งเยียนก็มองมาทางนี้เช่นกัน เมื่อทั้งสองคนสบสายตากันซูเมิ่งเยียนก็ยิ้ม ซึ่งแตกต่างจากความสุภาพที่มีต่อผู้อื่น แต่เต็มไปด้วยความจริงใจ

หัวใจของเฉียวฉู่เต้นไม่เป็นจังหวะ นางรีบพยักหน้าตอบรับ

เมื่อเห็นเช่นนี้ มู่เสี่ยวซึ่งยืนพิงราวบันไดอยู่ด้านข้าง ก็เดินนำหน้าเฉียวฉู่ไปอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจ แต่ก็บดบังสายตาของเฉียวฉู่และซูเมิ่งเยียนที่มองกัน

ในเวลานี้ ท่านหญิงฉางติ้งออกมาเป็นประธานในงานเลี้ยง "ข้าได้ยินมาว่าแม่นางเสิ่นเต้นรำได้ดีมาก ทุกคนที่อยู่ที่นี่ถือว่ามีบุญตาเป็นอย่างมาก"

ทันทีที่คำพูดเหล่านี้ออกมา ทุกคนที่คุยกันก็เงียบลงและมองไปที่เสิ่นเนี่ยนหย้วน

ส่วนอีกคนที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าของเฉียวฉู๋เต็มไปด้วยความกังวล

เขารู้จักซูเมิ่งเยียนเป็นอย่างดี เขารู้ว่านางเป็นผู้เชี่ยวชาญในการปีนต้นไม้และชิมอาหารอร่อย แต่เมื่อพูดถึงพิณ หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพ นางไม่ถนัดเลย

เมื่อเขานึกถึงเรื่องนี้ คิ้วที่เป็นกังวลของเขาก็ขมวดแน่นยิ่งขึ้น

ซูเมิ่งเยียนที่ถือจอกสุราอยู่นั้นก็หยุดชั่วครู่และวางแก้วลงในที่สุด

พ่อและพี่ชายตามใจน่งตั้งแต่ยังเด็ก และไม่เคยบังคับให้นางเรียนในสิ่งที่นางไม่สนใจเลย ชาติที่แล้วนางแยกความแตกต่างระหว่างของใช้ในชีวิตประจำวันอย่าง ข้าว น้ำมัน และเกลือยังไม่ออกเลย นับประสาอะไรกับพิณ หมากรุก เขียนพู่กัน และวาดภาพ เล่า

คำพูดของเสิ่นเนี่ยนหย้วนนั้น เหมือนกับชาติที่แล้วไใ่ผิดเลย แถมยังหลอกใช้ท่านหญิงให้มาบังคับนางไม่รู้ว่าควรเช่นไรต่อไปด้วย

“แม่นางซูก็มีความสามารถด้านศิลปะด้วยหรือ” ท่านหญิงเชื่อคำพูดของเสิ่นเนี่ยนหย้วน พร้อมกับมองมาที่ซูเมิ่งเยียน “งั้นก็เชิญเร็วเข้า”

ซูเมิ่งเยียนลุกขึ้นและยิ้มโดยไม่ตื่นตระหนก "ข้าเพิ่งเรียนพิณโบราณเมื่อไม่กี่วันก่อน คิดไม่ถึงเลยว่าแม่นางเสิ่นจะทราบดีและรู้อย่างรวดเร็วถึงเพียงนี้ อยากจะหลบก็คงหลบไม่ได้"

คำพูดของเธอฟังดูเหมือนล้อเล่น แต่จริง ๆ แล้วเป็นการเสียดสี รอยยิ้มบนใบหน้าของเสิ่นเนี่ยนหย้วนเกือบจะแข็ง

"ในเมื่อแม่นางเสิ่นพูดถึงเรื่องนี้ และท่านหญิงก็อยากจะฟังด้วย หม่อมฉันก็ลองดู เพียงแค่อยากจะบอกไว้ก่อนว่า ความสามารถในการเล่นพิณของหม่อมฉันนั้นธรรมดามาก หากทุกท่านฟังแล้วรู้สึกว่าปวดหู ก็ให้เอามืออุดหูเสีย อย่าปล่อยให้ตนเองต้องทรมาน " ซูเมิ่งเยียนพูดอย่างขี้เล่น

คำพูดติดตลกของนางทำให้หลายคนหัวเราะ

ท่านหญิงก็ทรงขบขันเช่นกัน “เจ้ายิ่งพูดเช่นนั้น ข้ายิ่งสงสัย ยกพิณมานี่หน่อย”

ในความเป็นจริง ซูเมิ่งเยียนไม่เพิ่งเรียนพิณเมื่อไม่กี่วันก่อน แต่นางเรียนรู้มันในชาติที่แล้ว ขณะที่เฝ้ารอมู่เสี่ยวกลับบ้านนางเล่นเพื่อฆ่าเวลา และเมื่อใดก็ตามที่นางคิดถึงเขานางก็จะบรรเลงเพลงหนึ่ง

เพราะเขาไม่ย่อยกลับมาบ่อยนัก น้อยครั้งที่นางได้พบกับเขา นานไปเข้า ความสามารถในการเล่นพิณก็ดีขึ้นเรื่อย ๆ

ไม่นานพิณโบราณก็ถูกยกขึ้นมา และซูเมิ่งเยียนก็นั่งที่หน้าพิณ ความสง่าทั้งหมดของนางแตกต่างไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง ปราศจากความเย่อหยิ่งตามปกติของนาง แสดงถึงความห่างเหินและอ้างว้างเล็กน้อย

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน