อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน นิยาย บท 23

ดาบยาวแทงเข้าที่หัวไหล่

ซูเมิ่งเยียนยังได้ยินเสียงของปลายดาบที่แทงเข้าไปในเนื้อ เห็นได้ชัดว่ามันเล็กมาก ทว่ากลับกระทบหูของนางราวกับสายฟ้าฟาดจากท้องฟ้า

ตอนแรกกลับไม่รู้สึกเจ็บเลย เพียงแค่รู้สึกเจ็บแปล๊บ ๆ ที่หัวใจเท่านั้น

จากนั้น ความเจ็บปวดแสบร้อนก็เริ่มแผ่กระจายไปที่หัวไหล่ เลือดก็เปื้อนชุดแต่งงานสีแดงจึงทำให้เห็นไม่ชัด

บาดแผลนั้นไม่ใช่บาดแผลที่ร้ายแรง นางรู้ดีกว่าใครว่าชายชุดดำมุ่งเป้าไปที่หัวใจของมู่เสี่ยว เขาเป็นคนร่างสูง ไหล่ของนางแค่ไปถึงหัวใจของเขา ดาบที่ทะลุหัวไหล่ของนางไป

แต่ถึงกระนั้น นางกลับยังรู้สึกว่า...ตัวเองหายใจลำบาก หากแต่ไม่ใช่เพราะบาดแผล แต่เป็นเพราะสัญชาตญาณของร่างกายที่ทำให้นางตกใจ

ทุกคนต่างอึ้ง

"ซวนหยวน" มู่เสี่ยวเป็นคนแรกที่ได้สติ เสียงของเขายังคงเย็นชาเหมือนก่อน ทว่าเพิ่มความดุดันเล็กน้อย

ซวนหยวนรับคำสั่ง โดยอาศัยจังหวะที่ชายในชุดดำจะทำการเคลื่อนไหวใด เขาก็ก้าวไปข้างหน้าและปลิดชีพด้วยดาบของเขา

ร่างของซูเมิ่งเยียนล้มลงไปข้างหลังด้วยความแรง แทนที่จะรู้สึกเจ็บปวด กลับมีคนรับเอวนางไว้เบาๆ

นางเงยหน้าขึ้นช้า ๆ มองเห็นกรามที่แทบจะสมบูรณ์แบบของชายคนนั้น ริมฝีปากบางแน่น ดวงตาที่เฉียบคม และสายตาที่จับจ้องไปที่ไหล่ของนาง เลือดก็เปื้อนเสื้อผ้าของเขาเช่นกัน

"ขอโทษด้วย" ซูเมิ่งเยียนละสายตาลงและพูดว่า "ที่ทำชุดเจ้าสกปรก"

มู่เสี่ยวไม่ชอบให้นางสัมผัสเขา

ชาติก่อนก็เป็นเช่นนี้ เพราะความเพิกเฉยของเขา นางจึงดื่มสุราคนเดียวที่สวนหลังบ้าน กลิ่นเหล้าคละคลุ้ง จากนั้นเห็นมู่เสี่ยวที่เดินมาจากโถงหน้าบ้านอย่างโกรธเกรี้ยว

นางเดินเข้ามาหาเขาทีละนิดอย่างระมัดระวัง อยากจะถามว่าเขากลับมาเมื่อไหร่? อยากบอกเขาเหลือเกินว่านางเตรียมน้ำร้อนให้เขาอาบน้ำ แต่ยังไม่ทันที่นางจะอ้าปากพูด เขาก้าวถอยหลัง หลีกเลี่ยงการสัมผัสของนาง และพูดอย่างเย็นชาว่า "สกปรก"

ณ ขณะนั้น นางก็ได้สติขึ้นในพลันใด

"ในเมื่อเจ้ารู้ว่าเจ้าทำเสื้อผ้าข้าเปื้อน ก็คืนมาให้ข้าอีกชุด" มู่เสี่ยวหลุบตาลง พร้อมกับมองดูสตรีในอ้อมแขน ด้วยเหตุผลบางประการ สายตาของนางที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวาก่อนหน้านี้กลับหายไป ความคิดของเขารำคาญอย่างหาที่สุดมิได้

เมื่อครู่...นางคือคนที่ปกป้องเขา

เขารู้ดีกว่าใครว่า ถ้านางไม่ปรากฏตัว เขาจะเปิดเผยความลับการที่เขานัดศิลปะการต่อสู้ สถานการณ์ในเมืองหลวงใกล้จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ ไม่ควรจะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเห็นร่างของนางค่อย ๆ ร่วงหล่นลงมาราวกับใบไม้ร่วง เขายังคงหวาดกลัวต่อเจตนาฆ่าอันชั่วร้ายที่อยู่ในใจของเขา ซึ่งก็คือ... เจตนาฆ่าที่กระหายเลือดต่อชายชุดดำเหล่านั้น

"ท่านอ๋อง คนเหล่านี้ดื่มพิษไปแล้ว จึงปลิดชีพคนพวกนั้นไปทันที ไม่มีใครรอดชีวิต" ซวนหยวนคุกเข่าลงต่อหน้ามู่เสี่ยว งานมงคลกลับต้องกลายเป็นฉากเช่นนี้

"อืม" มู่เสี่ยวตอบเสียงต่ำ พร้อมเหลือบมองหญิงสาวหน้าขาวซีด "ไม่ต้องพิธีมาก ต้อนรับหวางเฟยเข้าจวน" หลังจากพูดจบ เขาก็ก้มลงกอดหญิงสาวตรงหน้า หันกลับขึ้นหลังม้าเดินไปทางจวนอ๋อง

ข้างหลังเขา ซวนหยวนมองไปที่ด้านหลังของท่านอ๋องของเขาด้วยสีหน้าที่ซับซ้อน ไม่รู้ว่าท่านอ๋องเองสังเกตเห็นหรือไม่ว่าเมื่อครู่เขา...ดูเหมือนจะ... มีความเจ็บปวดซ่อนอยู่ในดวงตาของท่านอ๋อง?

ซูเมิ่งเยียนยังคงมีสติอยู่เสมอ

บาดแผลกระทบนางซ้ำแล้วซ้ำอีกจากการกระแทกบนหลังม้า ทำให้เหงื่อเย็นผุดขึ้นบนหน้าผากของนาง

นางกัดฟันและไม่พูดอะไรสักคำโดยไม่รู้ตัว เมื่อม้ากระทุ้งอีกครั้ง ร่างกายของนางก็อดไม่ได้ที่จะสั่นเล็กน้อย

มู่เสี่ยวดูเหมือนจะสังเกตเห็นว่านางสั่นเทา จึงกระชากบังเหียนและม้าก็ช้าลงเล็กน้อย ทั้งสองข้างทาง มีประชาชนมองมาทางด้านนี้ โดยสงสัยว่าเหตุใดทั้งเจ้าสาวและเจ้าบ่าวที่สวมชุดแต่งงานทำไมทำเช่นนี้

ทันใดนั้นหัวใจของมู่เสี่ยวก็ไม่พอใจ เขากระชากมืออย่างรวดเร็ว และแขนเสื้อกว้าง ๆ ก็คลุมร่างกายท่อนบนของผู้หญิงในอ้อมแขนของเขาได้อย่างง่ายดาย

ระหว่างเสียงลมหายใจ กลิ่นหอมของชายที่คุ้นเคยก็ลอยเข้ามา ความดื้อรั้นในการกัดฟันของซูเมิ่งเยียนก็แตก นางตกตะลึง และน้ำตาที่หางตาก็ไหลลงมาอย่างไม่ตั้งใจ แถมรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ...

การช่วยมู่เสี่ยว ดูเหมือนจะเป็นสัญชาตญาณของร่างกาย ครั้งหนึ่งนางเคยสลักชื่อคน ๆ หนึ่งไว้ที่หัวใจ การสลักลงไปในเลือดเนื้อที่แสนจะเลือนลาง เมื่อนางอยากจะลืมในภายหลัง จึงได้แต่ควักชื่อของเขาออกจากหัวใจของนางทีละนิดทีละนิด

ทั้ง ๆ ที่บอกไปแล้วว่าจะไม่ยุ่งกับอีกฝ่ายอีก แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในวันนี้มันกระทันหัน นางไม่ทันตั้งตัว ทั้ง ๆ ที่ควรจะลืมมันเสีย...

ดังนั้นนางจึงกลัว ด้วยบทเรียนที่ได้รับจากชาติที่แล้ว นางจึงไม่กล้ามีอารมณ์พัวพันกับมู่เสี่ยวอีกต่อไป กลัวว่าจะต้องมีจุดจบเหมือนชาติที่แล้ว ถูกเย็นชา ถูกทอดทิ้ง ถูกเกลียดชัง จนกระทั่งต้องอยู่คนเดียวอย่างโดดเดี่ยวในหลิงหย้วนอันหนาวเหน็บนั่นคนเดียว...

น่ากลัวเหลือเกิน

หมอกำลังทำความสะอาดแผลให้นาง และเนื้อและกระดูกข้างในถูกสัมผัสเป็นครั้งคราว ดวงตาของซูเมิ่งเยียนเบลอ และใบหน้าของนางก็ซีดราวกับกระดาษ

มู่เสี่ยวขมวดคิ้วและเฝ้าดูอย่างตั้งใจ เขามองว่านางเป็นผู้หญิงที่ไล่ตามเขามาตลอดก็เท่านั้น บางทีอาจะเป็นเพราะชาติตระกูลของนาง ทำให้นางยังพอมีค่าอยู่บ้าง

แต่วันนี้ ดูเหมือนว่านี่จะเป็นครั้งแรกที่เขาสบตากับนางอย่างจริงจัง สบตากับหวางเฟย สบตากับการมีอยู่ของนาง

บางที เขาอาจต้องการหวางเฟยที่มีค่าและจริงใจต่อเขาเช่นนี้

"ท่านอ๋อง พันบาดแผลไเรียบร้อยแล้ว พักอีกสองสามวันก็จะดีขึ้น" ท่านหมอหันศีรษะของเขาและกล่าวด้วยความเคารพ

"อืม ให้รางวัล" มู่เสี่ยวโบกมือ ทว่าไม่ก้าวไปข้างหน้าเลยแม้แต่ก้าวเดียว ยังคงยืนอยู่ที่เดิม พร้อมมองไปยังผู้หญิงบนเตียงคนป่วย

นานพอสมควร

"เจ้าอย่ากังวล" ซูเมิ่งเยียนมองไปที่ผ้าม่านเหนือหัว น้ำตาหยุดไหลแล้ว นางก็สงบลงเช่นกัน

มู่เสี่ยวเหล่ตาของเขา มองไปยังท่าทางที่ไม่แยแสของหญิงสาว ในใจของเขาไม่พอใจเล็กน้อย

"ที่ช่วยเจ้า เพราะตอนนี้ข้าแต่งงานกับเจ้า เจ้าตายไปแล้วก็ไม่มีผลดีกับข้า"

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: อ๋องเฟยเกิดใหม่ ท่านอ๋อง ขอหย่ากัน