เช่นนั้น ให้เริ่มที่หยุนเจิงเป็นคนแรกเลยก็แล้วกัน!
คำพูดของหยุนเจิงทรงพลัง ดังก้องไปทั้งตำหนัก
เมื่อได้ยินคำพูดของหยุนเจิง ความเป็นวีรบุรุษก็ถูกปลุกให้ตื่นขึ้นในใจของคนหลายคน
แม่ทัพหลายคนไม่ได้สนิทมักคุ้นกับหยุนเจิง ยากมากที่จะได้รับความชื่นชมจากพวกเขา
ไม่นานนักหลายคนต่างเอ่ยปากกล่าวออกมาว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่า มีความเป็นไปได้สูงว่าเรากับเป่ยหวนจะเปิดศึกรบกัน! หากองค์ชายหกลงสนามออกรบด้วยตัวเอง จะเป็นการเพิ่มขวัญกำลังใจให้กองทัพได้อย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ!”
“กระหม่อมเห็นด้วยพ่ะย่ะค่ะ ฝ่าบาท! องค์ชายหกมีฐานะสูงศักดิ์ แต่ยังใจกล้าออกรบไม่กลัวตาย กระหม่อมเป็นชาวต้าเฉียน จะเสียดายชีวิตได้อย่างไรกันพ่ะย่ะค่ะ?”
“ได้โปรดฝ่าบาทอนุญาตองค์ชายหกด้วยพ่ะย่ะค่ะ เพื่อเป็นการเพิ่มขวัญกำลังให้ให้เหล่าทหาร!”
ในขณะที่แม่ทัพกล่าวนั้น ก็มีเสียงสนับสนุนปรากฏขึ้นไม่น้อย
โดยเฉพาะฝ่ายบู๊
พวกเขาไม่ได้หวังว่าหยุนเจิงจะฆ่าศัตรูในสนาม แต่หยุนเจิงสามารถทำให้ขวัญกำลังของกองทัพแข็งแกร่งขึ้นได้จริงๆ
สำหรับทางเหนือที่อาจเปิดศึกสงครามได้ตลอดเวลานั้น เรื่องนี้เป็นข่าวดีอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ของมุกคน จักรพรรดิเหวินก็พยักหน้าเบาๆ
ไม่นานนัก สายตาของจักรพรรดิเหวินมองไปที่หยุนเจิงอีกครั้ง “หากเจ้ามีความตั้งใจนี้ ข้าก็ดีใจ! ข้าจะถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าอยากไปชายแดนหรือไม่?”
หยุนเจิงกำลังจะเอ่ยปากกล่าว แต่สวีสือฝู่ก็ไม่ยอม จึงเอ่ยออกมาว่า
“ฝ่าบาท กระหม่อมคิดว่าเรื่องนี้จะยอมไม่ได้นะพ่ะย่ะค่ะ”
สวีสือฝู่โน้มตัวพลางกล่าว
“เหตุใดถึงยอมไม่ได้?”
จักรพรรดิเหวินขมวดพระขนงแล้วถาม
สวีสือฝู่กล่าว “องค์ชายหกกล้าหาญเป็นเรื่องที่น่ายกย่อง แต่สถานการณ์ในสนามรบมีการผันเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว หากองค์ชายหกถูกจับตัว เช่นนั้นจะไม่เป็นการทำให้แคว้นต้าเฉียนอับอายขายหน้าหรือพ่ะย่ะค่ะ?”
“นี่เจ้า...”
จักรพรรดิเหวินตกใจเล็กน้อย และขมวดคิ้วครุ่นคิดอีกครั้ง
ความเป็นห่วงของสวีสือฝู่ใช่ว่าจะไร้เหตุผล
หากองค์ชายถูกจับ คงเป็นเรื่องขบขันไปทั่วทั้งใต้หล้า
เมื่อเห็นว่าเรื่องนี้ไม่ได้ผล หยุนเจิงจึงรีบคิดหาวิธีรับมือ
ไม่นานนักหยุนเจิงก็เอ่ยปากกล่าวออกมาอีกครั้งว่า “ลูกกล้าสู้รบ เสด็จพ่อได้โปรดประทานกระบี่วิเศษให้ลูกสักเล่ม!”
“โลกมนุษย์และยมโลกไม่ต่างกัน เพียงแค่ล่องลอยไปต่างถิ่นก็เท่านั้น…”
จักรพรรดิเหวินพึมพำเสียงเบา
ทันใดนั้นเองจักรพรรดิเหวินก็คิดขึ้นได้ว่าตนเองนั้นไม่เคยเป็นห่วงเป็นใยโอรสคนนี้เลย
จู่ๆ น้ำพระเนตรก็คลอเบ้าของจักรพรรดิเหวิน
จักรพรรดิเหวินรีบหันพระเกศาไปทางอื่น ไม่ให้ผู้ใดเห็นน้ำพระเนตรของพระองค์
เขาไม่รู้เลยว่าโอรสที่ถูกเขาเมินเฉยมาตลอดผู้นี้ได้รับความทุกข์ใจมามากเพียงใดถึงได้กล่าววาจาเช่นนี้ออกมา
ในขณะที่จักรพรรดิเหวินกำลังเสียใจอยู่กับตัวเอง ทันใดนั้นหมอหลวงก็เข้ามารายงาน
จักรพรรดิเหวินหันหลังให้เหล่าขุนนาง กล่าวถามอาการชาดเจ็บของหยุนลี่
หมอหลวงโค้งคำนับพลางรายงานว่า “องค์ชายสามไม่ได้เป็นอันใดมากพ่ะย่ะค่ะ หลังจากได้รับโอสถ อาการก็ดีขึ้นมากแล้วพ่ะย่ะค่ะ รักษาตัวอีกสามวันห้าวันก็จะหายดีพ่ะย่ะค่ะ”
“ข้ารู้แล้ว กลับไปเถอะ!” จักรพรรดิเหวินโบกมือพลางตรัส
หมอหลวงรีบโค้งคำนับกล่าวทูลลา
จักรพรรดิเหวินปรับอารมณ์แล้วหันกลับมาอย่างช้าๆ พลางกล่าว “เอาล่ะ ในเมื่อพี่สามของเจ้า...”

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน