ซูเฟยสีหน้าเปลี่ยนทันที รีบร้อนพูดขึ้นว่า “ฝ่าบาทเพคะ แม้ว่าลี่เออร์จะไม่เป็นไรมาก แต่…”
“หุบปาก!”
จักรพรรดิเหวินเบิกพระเนตรจ้องไปที่ซูเฟย “เจ้าหกนิสัยเช่นไร ขุนนางบู๊บุ๋นทั่วทั้งราชสำนักต่างรู้ดี! หากวันนี้ไม่ใช่ว่าเกิดเรื่อง เจ้าหกจะกล้าทำเช่นนี้กับเจ้าสามหรือ ข้าก็ไม่อยากไล่ถามถึงต้นสายปลายเหตุของเรื่องนี้แล้ว เรื่องนี้จบเพียงเท่านี้!”
ซูเฟยชะงักงัน ตอนนี้นางยิ้มไม่ออกแล้ว
จักรพรรดิเหวินปรามซูเฟยแล้วก็โบกพระหัตถ์ไปยังหยุนเจิงอย่างเหนื่อยล้า “แล้วเจ้าก็กลับไปขอโทษที่สามของเจ้าด้วย เรื่องนี้ก็ให้มันผ่านไปเช่นนี้เถอะ!”
ซวยแล้ว!
แสดงเกินบทบาท!
หยุนเจิงค่อยๆ มองไปทางสวีสือฝู่กับซูเฟย หวังเป็นอย่างยิ่งว่าสองพี่น้องนี้จะกระโดดขึ้นมาคัดค้าน
แม้ว่าสวีสือฝู่กับซูเฟยไม่กล้าดื้อดึงสุดขีดอีก แต่คำพูดของจักรพรรดิเหวินเมื่อครู่นี้ได้ตัดความคิดที่จะเรียกร้องให้จักรพรรดิเหวินลดหยุนเจิงเป็นเพียงสามัญชนแล้ว
จากนี้ย่อมมีโอกาสจัดการหยุนเจิง!
พอหยุนเจิงเห็นว่าคาดหวังอะไรจากคนตัวดีสองคนนี้ไม่ได้เลย เขาจึงคุกเข่าลง “ตุ้บ
“ขอบพระทัยเสด็จพ่อที่มีพระทัยกว้างขวาง!”
หยุนเจิงพูดอย่างเด็ดเดี่ยวว่า “แต่วันนี้ลูกเพียงอยากตายในสมรภูมิรบอย่างภาคภูมิพ่ะย่ะค่ะ! ขอเสด็จพ่อโปรดเมตตาด้วย!”
“เจ้า…”
จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงทำให้โกรธจนแทบจะพ่นไฟ “พี่ใหญ่ของเจ้า ก่อนหน้านี้เพิ่งจะชักกระบี่สังหารตนเพราะล้มเหลวในการก่อกบฏ! มาวันนี้ เจ้าก็ยังคิดจะไปสังเวยชีวิตอีก? นี่ไม่ใช่การแก้แค้นกับข้าหรือไง?”
“ฝ่าบาท โปรดรักษาพระวรกายด้วยเพคะ!”
ซูเฟยปลอบพระทัยจักรพรรดิเหวิน แล้วก็รีบเสแสร้งพูดกับหยุนเจิงขึ้นอีกว่า “หยุนเจิง เรื่องของพี่สามเจ้านั้น ข้าจะไม่เอาเรื่องกับเจ้าอีก! เจ้ารีบลุกขึ้นยืนเร็ว อย่าให้เสด็จพ่อของเจ้าต้องกังวลพระทัย!”
ถุย!
บิดาไม่ให้เจ้ามีโอกาสใช้มีดมาแทงข้างหลังหรอก!
หยุนเจิงลอบด่าในใจไปคำหนึ่ง จากนั้นก็พูดขึ้นอย่างดื้อรั้นว่า “ความหวังดีของพระสนมซูเฟยกับเสด็จพ่อลูกขอรับไว้ด้วยใจแล้วพ่ะย่ะค่ะ! แต่ลูกอยู่อย่างอ้อนแอดมาหลายปี ควรจะใช้ชีวิตอย่างเต็มภาคภูมิสักครั้งแล้ว!”
คำพูดของคนทั้งสอง ทำให้ขุนนางบู๊บุ๋นทั้งราชสำนักไปไม่เป็นกันเลยทีเดียว
แม้กระทั่งซูเฟยที่เมื่อครู่ร้องไห้คร่ำครวญขอจักรพรรดิเหวินให้ความเป็นธรรมแก่องค์ชายสามเมื่อครู่ มาถึงตอนนี้กลับรับปากว่าจะไม่เอาเรื่องกับองค์ชายหกเรื่องนี้อีก?
แต่หยุนเจิงก็ตั้งมั่นใจเด็ดเดี่ยว ไม่ว่าอย่างไรก็จะไปสังเวยชีวิต?
สิ้นเสียงของหยุนเจิง ทันใดนั้นในท้องพระโรงก็ไม่มีแม้แต่เสียงนกกา
ทุกคนจับจ้องไปที่หยุนเจิงอย่างเหม่อลอย คิดไม่ถึงว่าเขาจะรั้นเพียงนี้
จักรพรรดิเหวินถูกคำพูดของหยุนเจิงกระตุ้นจนบันดาลโทสะ สีพระพักตร์เขียวคล้ำ ตะโกนเสียงทุ้มว่า “ได้! ในเมื่อเจ้าจะไปตายให้ได้ ข้าก็จะส่งเสริมเจ้า! ประกาศพระราชโองการ: แต่งตั้งองค์ชายหกหยุนเจิงเป็นแม่ทัพพยัคฆ์ และจะเลือกวันพิธีสมรสกับเสิ่นลั่วเยี่ยนบุตรีของท่านแม่ทัพเสิ่นหนานเจิง ภายในครึ่งเดือนหลังสมรส ให้เดินทางไปยังซั่วเป่ย…”
หยุนเจิงเพียงได้ยินคำพูดประโยคแรกของจักรพรรดิเหวินก็ดีใจจนจะเสียสติแล้ว
หากได้เป็นตำแหน่งเสี้ยวเว่ยในกองทหารก็นับว่าไม่เลวแล้ว!
คิดไม่ถึงว่า บิดาจำเป็นของเขาจะน้ำใจกว้างขวาง แถมยังแต่งตั้งให้เขาป็นแม่ทัพพยัคฆ์ด้วย!
แต่ว่า พอได้ยินประโยคหลัง หยุนเจิงก็สับสนแล้ว
ท่านพระราชทานกระบี่วิเศษมาให้ไม่ดีกว่าหรือไงเล่า!
พระราชทานพิธีสมรสทำไมเล่า?
โคตรบิดามารดาเจ้าสิ!
สตรีจะส่งผลต่อความเร็วในการชักกระบี่ของข้านะรู้ไหม!

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: องค์ชายหกผู้ไร้เทียมทาน