ตอนที่ 141 ไปตายเอาดาบหน้า
ยังไม่จบอีกหรือไง!
เวินจื้อหย่วนเกือบจะเขวี้ยงขวดน้ำในมือไปที่ประตูแล้ว…ปล่อยให้เขาอยู่เงียบๆ บ้างได้ไหม
เขาสูดลมหายลึกๆ แล้วพูดเสียงหนักว่า “เชิญเข้ามาได้”
นับตั้งแต่ที่นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ เวินจื้อหย่วนรู้สึกว่าตัวเองอดทนจนกลายเป็นเต่านินจาไปแล้ว ข้างบนก็คือลุงๆ ป้าๆ ที่คอยชี้มือชี้ไม้สั่งงาน ข้างล่างก็มีลูกน้องเย่อหยิ่งทำตามแนวคิดของตัวเองโดยไม่สนใจใคร เขาเสียบอยู่ตรงกลางโดนกดขี่จากทั้งสองฝ่าย
สามารถมีชีวิตรอดมาถึงป่านนี้ เส้นเลือดไม่ระเบิด ชาติที่แล้วคงจุดธูปไปสามหมื่นดอก!
ประตูถูกคนผลักออกเบาๆ ผู้ชายวัยกลางคนผอมแห้งคนหนึ่งพาเด็กผู้หญิงมัดผมหางม้าคนหนึ่งเดินเข้ามา
“สวัสดีครับ หัวหน้าเวิน…”
ผู้ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาก็ผงกศีรษะโน้มตัวทักทาย และมีรอยยิ้มเอาใจบนใบหน้าที่มีสีดำผิวย่นเหมือนเปลือกส้ม
เด็กผู้หญิงที่เดินตามเข้ามาด้วยก็โน้มตัวคำนับ “หัวหน้าเวิน รบกวนคุณแล้วค่ะ”
เมื่อเห็นสองคนนี้ที่ไม่ใช่สองคนเดิม เวินจื้อหย่วนจึงโล่งอกทันที
เขายื่นมือออกไปโบกลงสองครั้งเบาๆ แล้วยิ้มพูดว่า “ไม่ต้องเกรงใจ พวกคุณนั่งสิ น้ำเย็นอยู่ในตู้เย็นหยิบเองได้เลยนะ”
ผู้ชายวัยกลางคนรีบพูด “ขอบคุณครับ!”
เขารีบเดินไปเปิดตู้เย็นที่วางอยู่ตรงมุมห้อง หยิบน้ำแร่เย็นๆ ออกมาสองขวด
ขวดหนึ่งวางบนโต๊ะของเวินจื้อหย่วน อีกขวดหนึ่งยื่นให้เด็กผู้หญิงมัดผมหางม้าที่เพิ่งนั่งลง
เรื่องที่เวินจื้อหย่วนชอบดื่มน้ำแร่เย็นๆ ใครๆ ก็รู้ และขวดน้ำที่อยู่ในมือของเขาก็ดื่มหมดแล้ว
การแสดงความเคารพของอีกฝ่ายทำให้เวินจื้อหย่วนเผยรอยยิ้มจริงใจออกมา
ผู้ชายวัยกลางคนคนนี้มีชื่อว่าหลี่จื้อเกา เป็นผู้จัดการส่วนตัวที่เพิ่งทำอาชีพนี้ภายหลัง
ในบรรดาผู้จัดการส่วนตัวมากมายของบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอ หลี่จื้อเกาอยู่ในระดับต่ำมากที่สุด เขาเข้าทำงานสายนี้ได้ไม่นาน เส้นสายในวงการจึงไม่ค่อยมี ดังนั้นจึงดูแลแต่ศิลปินที่ธรรมดามากๆ
เขาพาเด็กผู้หญิงมัดผมหางม้าเข้ามา เธอมีชื่อว่าถังเฉียวเฉี่ยว ปีนี้อายุสิบเก้าปี สูงหนึ่งร้อยหกสิบห้าเซ็นติเมตร ใบหน้ารูปไข่ดวงตาโต รูปโฉมภายนอกถือว่าไม่เลว ถูกคัดเลือกเป็นผู้เข้าแข่งขันสิบคนแข็งแกร่งในรายการประกวดแห่งหนึ่งในปีที่แล้ว
หลังจากบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอเซ็นสัญญากับเธอก็ได้ฝึกหัดเธอเพียงครึ่งปีก็เดบิวต์ได้ ตอนนี้ยังเป็นแค่ศิลปินตัวเล็กๆ วิ่งโชว์ตามรายการเท่านั้น เวลาที่เดินบนถนนมีคนรู้จักและตะโกนเรียกชื่อเธอไม่กี่คน
หลายปีที่ผ่านมานี้ ศิลปินที่ผ่านรายการประกวดมีเยอะจริงๆ นอกจากผู้โชคดีจำนวนน้อย คนส่วนใหญ่ก็ไม่ต่างจากถังเฉียวเฉี่ยว กระทั่งมีจำนวนไม่น้อยที่ออกจากวงการบันเทิงกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม
การแข่งขันในสายอาชีพนี้ดุเดือดรุนแรงมากจริงๆ!
ถังเฉียวเฉี่ยวเป็นศิลปินเดบิวต์ที่มีบทบาทน้อยมากในบริษัท ดังนั้นจึงมอบให้หลี่จื้อเกาดูแล
เวินจื้อหย่วนมีความรู้สึกที่ดีต่อหลี่จื้อเกาพอสมควร ถึงแม้ความสามารถของอีกฝ่ายจะไม่เก่งเท่าไร แต่ก็ให้ความเคารพตัวเองเป็นอย่างมาก และไม่ว่างานหนักงานเหนื่อยงานลำบากอะไรเขาก็ยินดีทำด้วยความสมัครใจ
ถ้าหากลูกน้องของเขามีคนแบบหลี่จื้อเกาทั้งหมด ตำแหน่งของเขาก็คงนั่งสบายไปแล้ว
และด้วยเหตุนี้ เวินจื้อหย่วนจึงยินดีดูแลอีกฝ่ายตามสถานการณ์ที่เหมาะสม
เขาถามด้วยใบหน้ายิ้มแย้มว่า “เหล่าหลี่ คุณพาเฉียวเฉี่ยวมามีเรื่องอะไรเหรอ”
หลี่จื้อเกาที่เพิ่งหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟาได้แค่ครึ่งเดียวยืดตัวตรงขึ้นแล้วถามอย่างระมัดระวังว่า “หัวหน้าเวินครับ ได้ยินว่าคุณจะให้ลู่เฉินแชมป์รายการ ‘ขับร้องให้ก้องจีน’ แต่งเพลงให้ใช่ไหมครับ”
หืม
เวินจื้อหย่วนตกตะลึง คนที่รู้เรื่องนี้มีไม่กี่คน แล้วหลี่จื้อเกาไปได้ยินมาจากที่ไหน
พอเห็นอีกฝ่ายเผยสีหน้าออกมา เขาจึงเข้าใจแล้ว
จะต้องเป็นจางฉงผู้หญิงปากร้ายคนนั้นที่เพิ่งเดินออกไปเอาเรื่องไปโพนทะนากับคนข้างนอกเพื่ออยากจะตบหน้าตัวเองแน่ กระทั่งหลี่จื้อเกาก็รู้!
ในใจของเวินจื้อหย่วนเกิดไฟลุกบางอย่าง แต่ก็ไม่อยากโมโหใส่หลี่จื้อเกา
เขาจึงถอนหายใจพูดว่า “ใช่แล้ว ตอนนี้ลู่เฉินกำลังรออยู่ที่ห้องรับแขกข้างนอก ผลสรุปคือจางฉงอยากจะเปลี่ยนคนลูกเดียว ผมยังไม่รู้เลยว่าจะอธิบายกับเขายังไง”
หลี่จื้อเกาถือว่าปากหนักอยู่ อยากจะบ่นอะไรนิดหน่อยก็ไม่เป็นปัญหา
คิดไม่ถึงว่าหลี่จื้อเกากลับเผยรอยยิ้มดีใจออกมา
“คนก็มาแล้ว หัวหน้าเวิน เฉียวเฉี่ยว พอจะ เอ่อ…”
เขาพูดติดอ่างสะเปะสะปะ เวินจื้อหย่วนฟังเข้าใจ จึงส่ายหน้าพูดว่า “เหล่าหลี่ ไม่ใช่ผมไม่อยากช่วยคุณนะ แต่เพลงของลู่เฉินหนึ่งเพลงเขาขอราคาถึงสองแสนห้าหมื่น ผมขอเงินก้อนนี้มาเพื่อช่วยจางซูฮุ่ย ถ้าเป็นเฉียวเฉี่ยวช่วยไม่ได้จริงๆ”
ไม่ว่าจะเป็นบริษัทจัดหานักแสดงที่ไหนรวมทั้งบริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอ ศิลปินที่เซ็นสัญญาในสังกัดต่างก็มีลำดับขั้นภายในแผนก ระดับยิ่งสูงก็ยิ่งได้แหล่งงานเยอะขึ้น นี่คือกฎเกณฑ์ที่ชัดเจน
บริษัทแผ่นเสียงอีเอ็มไอ ศิลปินที่อยู่ในมือของเวินจื้อหย่วนก็เช่นกัน ถ้าหากลำดับของจางซูฮุ่ยคือ B อย่างนั้นลำดับของถังเฉียวเฉี่ยวก็คือ D ความแตกต่างระหว่างทั้งสองคนห่างกันมากเหลือเกิน
ดังนั้นเวินจื้อหย่วนสามารถยื่นเสนอค่าใช้จ่ายซื้อเพลงมาให้จางซูฮุ่ยในราคาสองแสนห้าหมื่น มากสุดถังเฉียวเฉี่ยวจะได้แค่ห้าหมื่นเท่านั้น
เวินจื้อหย่วนจึงไม่อาจช่วยเหลือได้จริงๆ
ประเด็นสำคัญคือลู่เฉินขอราคาสูงเกินไป ไม่มีคนใหม่ที่ไหนที่กล้าขอราคาสูงขนาดนี้
การคัดค้านของจางฉงใช่ว่าจะไม่มีเหตุผลทั้งหมด
ในใจของเวินจื้อหย่วนขมขื่นเหลือเกิน
เวลานี้ถังเฉียวเฉี่ยวที่นั่งอยู่บนโซฟากัดริมฝีปาก พูดโพล่งขึ้นมาว่า “ลุงเวินคะ ถ้าหากหนูยอมออกเงินของหนูครึ่งหนึ่ง จะได้ไหมคะ”
เวินจื้อหย่วนตกใจมาก “เธอ…เธอจะออกเงินเองเหรอ”
นักร้องควักเงินตัวเองซื้อเพลงเป็นเรื่องธรรมดามาก แต่ถังเฉียวเฉี่ยวเป็นศิลปินใหม่เพิ่งเข้าวงการไม่นาน เวินจื้อหย่วนรู้ว่าฐานะทางบ้านของเธอธรรมดามาก เงินที่หามาได้จากบริษัทแค่อยากจะซื้อเสื้อผ้ากินให้อิ่ม ใช้ชีวิตในเมืองหลวงก็ยังลำบาก
ตอนนี้เธอจะควักเงินหลายแสนมาซื้อเพลง ทำให้เวินจิ้อหย่วนรู้สึกสั่นสะเทือนมากจริงๆ
นี่คือการไปตายเอาดาบหน้า!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar