ตอนที่ 247 หัวอกแม่
“อ๊า~”
“เบาๆ หน่อย มันเจ็บ”
“ตอนนี้ขอแรงๆ อีกหน่อย อื้ม”
“สบายจังเลย!”
เสียงแปลกประหลาดดังขึ้นภายในห้อง เสียงยั่วยวนทำให้ชีพจรของคนพลุ่งพล่าน
เฉินเฟยเอ๋อร์นอนเอนกายอยู่บนเก้าอี้นุ่ม นัยน์ตาเป็นประกายหน้าแดงระเรื่อ เหงื่อเม็ดละเอียดจำนวนมากผุดขึ้นมาบนหน้าผากที่ใสราวกับหยก เปล่งประกายละลานตาท่ามกลางแสงไฟสว่างจ้าภายในห้อง
เธอกัดริมฝีปากแน่น ขยับร่างกายอรชรสะโอดสะองอย่างไม่เป็นธรรมชาติ เหมือนฝืนทนอะไรบางอย่าง
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นมา และยิ้มพลางถามว่า “ฝีมือของผมใช้ได้ไหมครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ลืมตา นัยน์ตาแฝงไปด้วยความเขินอายและหวานซึ้งเล็กน้อย พยักหน้าและพูดว่า “นายเก่งมาก!”
เธอเอ่ยชมออกมาจากใจ ทำให้ลู่เฉินรู้สึกว่าตัวเองไม่เสียแรงเปล่า
เขาวางเท้าเล็กของเฉินเฟยเอ๋อร์ แล้วกล่าวว่า “ความจริงอวัยวะภายในของพี่ไม่มีปัญหาอะไร มีแค่กระเพาะอาหารเท่านั้นที่ไม่ค่อยดี ทางที่ดีที่สุดพี่ควรไปหาแพทย์แผนจีนแล้วเอายาจีนมาบำรุงกระเพาะจะดีกว่า แล้วก็อย่าลืมรับประทานอาหารให้ตรงเวลาด้วยนะครับ”
ตอนที่เฉินเฟยเอ๋อร์มา เธอรู้สึกเหนื่อยไม่ค่อยมีชีวิตชีวาเท่าไร ด้วยความรักและสงสาร ลู่เฉินจึงนวดเท้าให้เธอด้วยตัวเอง ผลก็คือเขาพบว่าจุดที่เชื่อมโยงกับกระเพาะของเธอมีการตอบสนองที่รุนแรงมาก
ความจริงกระเพาะอาหารของศิลปินดาราไม่ค่อยดีเป็นเรื่องปกติ อย่าเห็นว่าพวกเขามีหน้าตาสวยงามสดใส แต่เบื้องหลังกลับลำบากมาก ถ้าหากเจอบริษัทบันเทิงเอเจนซี่ที่เขี้ยวหน่อย จะต้องสู้ด้วยชีวิต
การรับประทานอาหารไม่ตรงเวลานั้นเป็นเรื่องเด็กๆ แม้แต่การวิ่งรอกออกรายการอย่างต่อเนื่องจนเป็นลมก็ยังมี!
ถึงแม้เฉินเฟยเอ๋อร์จะเปิดสตูดิโอเป็นของตัวเอง เธอเป็นนายของตัวเองก็จริง แต่ตัวของเธออยู่ในวงการบันเทิงมีหลายครั้งที่ทำตามใจตัวเองไม่ได้ ต้องเหนื่อยต้องลำบากเป็นสิ่งที่เลี่ยงไม่ได้
เฉินเฟยเอ๋อร์พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ปกติฉันจะฝึกโยคะ…เดี๋ยวกลับปักกิ่งแล้วจะลองไปที่ร้านยาจีนถงเหรินถัง”
เธอขยับตัวอย่างขี้เกียจเนือยๆ แล้วเอ่ยว่า “ง่วงนอนจังเลย”
“งั้นพี่นอนกับผมที่นี่ก็ได้ครับ…”
ลู่เฉินลุกขึ้น ยื่นสองมืออุ้มเธอ เพื่อพาเธอไปนอนในห้องนอนของตัวเอง
อุ้มแบบเจ้าหญิง
เฉินเฟยเอ๋อร์เผยรอยยิ้มมีเสน่ห์ชวนหลงใหล เอ่ยพูดเบาๆ ว่า “ฉันกลับดีกว่า”
ถึงแม้จะพูดแบบนี้แล้ว แต่เธอก็ยังซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของลู่เฉิน เหมือนแมวน้อยน่ารักที่ปรารถนาความรัก ยากที่ใครจะทอดทิ้ง
ลู่เฉินก้มหน้าหอมแก้มเธออย่างอดใจไม่ได้ แล้วเอ่ยว่า “นอนเถอะครับ ผมจะบอกพี่จางเอง”
“อื้อ…”
เฉินเฟยเอ๋อร์หลับตา ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้ม
เธอรีบเดินทางจากปักกิ่งมาถึงจินหลิง กินข้าวเย็นแบบง่ายๆ ตอนนี้เธอเหนื่อยมากจริงๆ อยากจะซบอยู่ในอ้อมกอดของลู่เฉินนอนหลับอย่างสบายใจ ไม่ต้องคิดอะไร
ขี้เกียจแม้กระทั่งอาบน้ำ
กริ๊ง~
ลู่เฉินเพิ่งจะวางเฉินเฟยเอ๋อร์ลงบนเตียงของตัวเอง โทรศัพท์ที่วางอยู่บนตู้ข้างเตียงก็พลันดังขึ้น
เขารีบกดรับสาย “ฮัลโหล”
สายที่โทรมาคือแผนกต้อนรับของโรงแรม
ลู่เฉินพูดกับฝั่งนั้นสองประโยค จากนั้นก็วางสาย
เฉินเฟยเอ๋อร์ถามว่า “เป็นอะไรเหรอ”
เธอลืมตาที่แทบจะลืมไม่ขึ้นอย่างสะลึมสะลือ และไม่ได้ฟังให้ชัดเจนว่าลู่เฉินพูดอะไรกับคนอื่น
ลู่เฉินยิ้มเจื่อนๆ และเอ่ยว่า “พี่หลีครับ เธอพาจางจวิ้นจื้อมาด้วย อยากจะมาเจอผม”
โรงแรมใหญ่ห้าดาวที่ต้อนรับดาราหลายสาขาอาชีพบ่อยๆ มีการจัดการที่เข้มงวดมาก อย่างชั้นที่เขาพักอยู่ก็มีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย แขกที่มาเยือนจะต้องได้รับการอนุญาตก่อนถึงจะขึ้นมาได้ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกแฟนคลับและปาปารัสซี่มารบกวน
“อ๋า!”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตกใจ ลุกขึ้นนั่งไม่ง่วงอีกต่อไป “พี่หลีจะมาเหรอ!”
พี่หลีก็คือหลีเจินเจิน ผู้จัดการใหญ่บริษัทเรนโบว์เอเจนซี่ จางจวิ้นจื้อคือลูกชายคนเดียวของเธอ แสดงบทอิ่นจวิ้นซีตอนวัยรุ่น…นักแสดงนำในช่วงสามตอนแรกของละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’
แต่ก็มีแค่เธอเท่านั้น หากเป็นคนอื่นมาหา ลู่เฉินจะปฏิเสธอย่างนุ่มนวลก็ไม่เป็นไร
อย่างไรเสียก็ต้องไว้หน้าพี่หลี
เฉินเฟยเอ๋อร์กับพี่หลีมีความสัมพันธ์ที่ดีมาก ถึงแม้จะไม่ใช่เพื่อนที่สนิทสนมกันมากจนแยกจากกันไม่ได้ แต่ก็เป็นเพื่อนแท้
ดังนั้นพอได้ยินว่าพี่หลีจะมา เธอจึงรู้สึกใจฝ่อ
จริงๆ แล้วเป็นไปไม่ได้ที่พี่หลีจะไม่รู้ความสัมพันธ์ของเฉินเฟยเอ๋อร์กับลู่เฉิน เพียงแต่เธอไม่รู้ว่าตอนนี้เฉินเฟยเอ๋อร์กำลังนอนอยู่บนเตียงของลู่เฉิน ไม่อย่างนั้นเธอจะไม่มาเป็นก้างขวางคอเด็ดขาด
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดอย่างลนลาน “ฉันกลับก่อนนะ”
หากเธอถูกพี่หลีเห็นในสภาพนี้ จะเป็นเรื่องที่น่าอายมาก
ลู่เฉินส่ายหน้า สวมกอดเฉินเฟยเอ๋อร์ไว้ในอ้อมอก “กลับทำไมครับ พี่หลีไม่ใช่คนนอกเสียหน่อย พวกเราไม่ต้องทำตัวหลบๆ ซ่อนๆ ต่อหน้าพี่หลีหรอก เจอเธอด้วยกันไปเลย”
ความเอาใจใส่ของลู่เฉินทำให้เฉินเฟยเอ๋อร์รู้สึกประทับใจและหวานซึ้งอีกครั้ง เธอเอ่ยว่า “งั้นก็ได้…”
เธอกับลู่เฉินรักกัน ความจริงเธอมีปมที่อยู่ในใจมาตลอด นั่นก็คืออายุของเธอเยอะกว่าลู่เฉินไม่น้อย เป็นห่วงว่าหลังจากเปิดเผยความรักแล้วจะเป็นที่นินทาของคนอื่น
ตัวเธอเองไม่มีปัญหา แต่ลู่เฉินจะมีแรงกดดันเยอะมาก
คำพูดของลู่เฉินคลายปมที่อยู่ในใจของเธอพอดี แม้ว่าเธอไม่คิดที่จะเปิดเผยความรักเป็นการชั่วคราว แต่อย่างน้อยยามที่อยู่ต่อหน้าคนคุ้นเคย ก็ไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรอีก สามารถพูดออกมาได้อย่างเปิดเผย
เมื่อเป็นเช่นนี้ เธอจึงผลักลู่เฉินออกไป “นายไปต้อนรับพี่หลีก่อน ฉันขอล้างหน้าหวีผมแป๊บหนึ่ง”
ลู่เฉินหัวเราะ
เขาเดินมาหน้าห้องรับแขก ไม่ช้าก็ได้ยินเสียงกริ่งประตู
ลู่เฉินเปิดประตู ทักทายทั้งสองคนอย่างกระตือรือร้น “สวัสดีตอนเย็นครับพี่หลี สวัสดีเสี่ยวจื้อ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar