(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 249

ตอนที่ 249 เหมาะสมกันมาก!

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป เหมือนกับเด็กวิ่งท่ามกลางสายลม สัมผัสสายรุ้งแห่งความเยาว์วัย ไกลยิ่งกว่าท้องทะเลสูงยิ่งกว่าท้องฟ้า”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป บินไปสู่ปราสาทแห่งอนาคต เปิดหน้าต่างแห่งความฝัน ปล่อยให้เติบโตรวดเร็วและสวยงามยิ่งขึ้น!”

“เจ้าผีเสื้อจงบินไป~”

ลู่เฉินกรีดนิ้วเล่นโน้ตดนตรีตัวสุดท้าย จากนั้นก็ถามผู้ชมทั้งสามคนที่อยู่ตรงหน้า “เพลงนี้เป็นยังไงบ้างครับ”

พี่หลี เฉินเฟยเอ๋อร์ และจางจวิ้นจื้อปรบมืออย่างพร้อมเพรียงกัน!

ลู่เฉินหัวเราะ ยกมือขวาขึ้นมาทาบหน้าอก โน้มตัวและกล่าวว่า “ขอบคุณครับ!”

พี่หลีอดถามไม่ได้ “ลู่เฉิน เพลงนี้ของนายมีชื่อว่าอะไร”

เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “น่าจะเรียกว่าเจ้าผีเสื้อจงบินไปละมั้ง!”

ลู่เฉินชูนิ้วโป้งให้เธอ “ฉลาดมาก!”

เฉินเฟยเอ๋อร์กลอกตาใส่เขาอย่างไม่สบอารมณ์…ฉลาดไม่ฉลาดอะไรเล่า แค่วิเคราะห์ไปตามปกติเท่านั้น

สิ่งที่ทำให้เธอตกใจ อย่างแรกเลยคือสไตล์ของเพลงนี้แตกต่างจากผลงานเพลงที่ลู่เฉินเคยแต่งก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก มันไม่ใช่เพลงบัลลาดหรือเพลงรัก แต่ใกล้เคียงกับเพลงกล่อมเด็กมากกว่า

ผลงานเพลงประเภทนี้แต่ก่อนก็มีไม่น้อย แต่จะถูกจัดอยู่ในประเภทเพลงธีม ส่วนใหญ่จะเป็นทรัพย์สินของสถาบันการศึกษาของประเทศ ปัจจุบันหลังจากปรับเปลี่ยนมาทำการตลาดแบบภาคเอกชนเต็มรูปแบบแล้ว ผลงานเพลงใหม่ๆ ก็มีน้อยมาก

เฉินเฟยเอ๋อร์เคยร้องผลงานเพลงธีมมาก่อน จึงมีความรู้ส่วนนี้ค่อนข้างลึกซึ้ง

บริษัทแผ่นเสียงที่เป็นกิจการของเอกชนหรือบริษัทสื่อบันเทิงต่างจ้องมองกลุ่มตลาดที่มีอายุสูงขึ้น เด็กอายุสิบกว่าขวบไม่มีเงินทุนซื้อแม้กระทั่งบัตรคอนเสิร์ต แล้วจะดึงดูดความสนใจของบริษัทเหล่านี้ให้ตอบสนองความต้องการของคนพวกนี้โดยเฉพาะได้อย่างไร

อีกทั้งเพลงเด็กทั้งในประเทศและต่างประเทศก็มีอยู่ในตลาดเป็นจำนวนมาก ไม่จำเป็นต้องสร้างสรรค์ผลงานใหม่ก็มีบุญเก่าให้เก็บกิน

ดังนั้นตลาดของกลุ่มอายุนี้จึงถูกคนมองข้ามทั้งแบบตั้งใจและไม่ตั้งใจ ความจริงในอดีตที่ผ่านมาก็เคยมีสองสามบริษัทเคยทดลองตลาดนี้ ผลสรุปคือขาดทุน แล้วก็ไม่มีผลงานอะไรดีๆ ออกมาอีก

เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป[1]’ ของลู่เฉิน คือการเปิดหูเปิดตาผู้คนอย่างไม่ต้องสงสัย!

เพลงนี้มีทำนองเพลงที่มีชีวิตชีวา เนื้อเพลงกระตือรือร้นทะเยอะทะยาน ขณะเดียวกันก็รักษาสไตล์ของเพลงป็อปเอาไว้ เหมาะสมกับเด็กวัยรุ่นทั้งชายและหญิงช่วงอายุสิบกว่าปีมาก เข้ากับชื่อวง ‘เสียวหู่ถวน’ ที่เสนอโดยลู่เฉินเป็นอย่างมาก

อายุแบบนี้ก็ควรฟังเพลงและร้องเพลงแบบนี้!

ด้วยเหตุนี้ เพลง ‘เจ้าผีเสื้อจงบินไป’ ไม่น่าจะเป็นเพลงสำรองของลู่เฉิน แต่ถ้าหากเขาคิดออกมากะทันหันจะมีความสมบูรณ์ขนาดนี้ได้อย่างไร

ถ้าหากไม่ใช่เพราะพี่หลีกับจางจวิ้นจื้อ เฉินเฟยเอ๋อร์อยากจะเปิดกะโหลกของลู่เฉินออกมาดูจริงๆ ว่าใส่ความคิดอัศจรรย์ไว้ข้างในเท่าไร ถึงได้ทำให้คนรู้สึกตกตะลึงและนับถือ!

ลู่เฉินพูดกับพี่หลีว่า “โน้ตเพลงนี้ผมจะให้พี่วันพรุ่งนี้นะครับ ถือว่าเป็นผลงานเพลงเพลงหนึ่งในอัลบั้มของเสียวหู่ถวน พี่หลีคิดว่ายังไงครับ”

พี่หลียิ้มแล้วกล่าวว่า “ฉันพอใจมาก เพลงนี้สามารถทำเป็นเพลงหลักของอัลบั้มได้เลย ต่อไปนายคงต้องลำบากเขียนเพลงให้พวกเขาอีกสักสองเพลง แบบนี้ถึงจะรับประกันยอดขายของอัลบั้มได้!”

คืนนี้เธอพาลูกชายมาด้วย เดิมทีตั้งใจอยากจะให้จางจวิ้นจื้อสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลู่เฉิน หวังว่าคนหลังจะช่วยแนะนำจางจวิ้นจื้อทางด้านดนตรีสักเล็กน้อย เพื่อให้เขาเดินบนเส้นทางในอนาคตได้อย่างราบรื่นและเร็วขึ้น

การทำงานหนักในวงการมาหลายปี ทำให้พี่หลีเข้าใจความสำคัญของสายสัมพันธ์อย่างลึกซึ้ง

แท้จริงแล้วพี่หลีไม่อยากให้จางจวิ้นจื้อทำงานด้านการแสดง แต่ในเมื่อลูกชายชอบ งั้นเธอก็จะช่วยสร้างโอกาสให้จางจวิ้นจื้ออย่างเต็มที่ อย่างเช่นก่อนหน้านี้ที่เธอติดต่อผ่านเฉินเฟยเอ๋อร์ให้เขาได้รับบทในละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ก็เพื่อปูทางให้กับจางจวิ้นจื้อนี่แหละ

เหมือนอย่างที่จางอ้ายหลิง[2]เคยกล่าวไว้ มีชื่อเสียงให้เร็วที่สุด เริ่มต้นตอนอายุสิบห้าปีไม่ถือว่าสายไป

แต่สิ่งที่ทำให้พี่หลีคาดไม่ถึงคือ เธออยากจะได้น้ำสักแก้ว แต่ลู่เฉินกลับให้เธอมาทั้งมหาสมุทร

ไอเดียของวงเสียวหู่ถวนสุดยอดจริงๆ ถ้าหากคนอื่นอยากจะทำวงบอยแบนด์แบบนี้ กว่าแปดเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ต้องผิดหวัง แต่มีลู่เฉินสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง สถานการณ์จึงไม่เหมือนกันอย่างสิ้นเชิง

ความสำเร็จของวงเอ็มเอสเอ็นก็คือตัวอย่างที่ดีที่สุด!

และพอสร้างวงบอยแบนด์ จางจวิ้นจื้อก็มีเพื่อนแล้ว เขาจะไม่เหงาอีกต่อไป

พี่หลีรู้สึกซาบซึ้งในตัวลู่เฉินมาก เกินที่จะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได้!

ลู่เฉินพยักหน้า แล้วเอ่ยว่า “เรื่องของอัลบั้มยังไม่ต้องรีบร้อนนะครับ อย่างแรกสร้างวงให้ได้ก่อน และจำเป็นต้องฝึกอบรมการเต้น การร้อง และพัฒนารูปลักษณ์ รอให้ผมถ่ายละครเรื่องนี้จบก่อน กลับไปค่อยพิจารณาเรื่องอัลบั้มอีกทีครับ”

การสร้างวงบอยแบนด์และวงเกิร์ลกรุ๊ป ใช่ว่าจะหาใครก็ได้มาสองสามคนแล้วก็เดบิวต์ทันที โดยทั่วไปแล้วจำเป็นต้องใช้เวลาฝึกฝนและเรียนรู้เป็นระยะเวลาที่นานมาก หลังจากบรรลุระดับที่ต้องการแล้วถึงจะปรากฏตัวอย่างเป็นทางการได้

วงที่เหมือนกับวงเกิร์ลกรุ๊ปอย่างเอ็มเอสเอ็นมีให้เห็นน้อยมาก พวกเธอเดบิวต์ได้เร็วเพราะมีทักษะพื้นฐานที่ไม่เลวและพยายามอย่างยากลำบาก บวกกับเงินลงทุนก้อนโตและทรัพยากรของเฟยสือเรคคอร์ด ถึงสามารถโดดเด่นไม่เหมือนใครได้ในระยะเวลาอันสั้น

ตัวอย่างแบบนี้ยากที่จะลอกเลียนแบบได้

จางจวิ้นจื้อเพิ่งอายุสิบห้าปีเต็ม ไม่จำเป็นต้องสู้สุดชีวิตขนาดนั้น เขายังต้องสนใจเรื่องการเรียนในชีวิตประจำวัน

พี่หลีเข้าใจเหตุผลเป็นอย่างดี “อืม งั้นพวกเราจะอยู่ที่ปักกิ่งรอนายกับเฟยเอ๋อร์กลับมานะ”

เธอยื่นมือตบลูกชายของตัวเองเบาๆ “ยังไม่รีบขอบคุณพี่ลู่เฉินของลูกอีก!”

จางจวิ้นจื้อหัวเราะคิกคักดีใจแล้วเอ่ยว่า “ขอบคุณพี่ลู่เฉินครับ ต่อไปผมฝากตัวกับพี่และพี่เฟยเอ๋อร์ด้วยนะครับ!”

ลู่เฉินกลั้นหัวเราะไม่อยู่

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar