ตอนที่ 30 อุณหภูมิสูงขึ้น
“บางทีอาจจะรอเธอ”
“บางทีอาจจะรอเธอ”
“บางทีอาจ…”
เสียงท้ายเพลงที่ร้องซ้ำกันค่อยๆ หายไปตามเสียงดีดกีตาร์ และเพลง ‘ซินเดอเรลล่า’ ก็ร้องจบแล้ว
บาร์ที่นั่งเกือบเต็มทุกที่นั่งต่างเงียบไปครู่หนึ่ง จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังขึ้นไปทั่ว ถึงแม้จะไม่ดังทะลุเพดาน แต่ก็เป็นความคึกคักที่นานพอสมควร!
ต่อมาจึงร้องเพลงรักอีกหนึ่งเพลง วิธีการดีดและพลังการร้องเพลงของลู่เฉินดีไร้ที่ติ ความรู้สึกหลอมรวมไปกับเสียงเพลงอย่างแท้จริง ทำให้เสมือนจริงและจริงใจ ดึงดูดเสียงขานรับจากทุกคน
ได้รับการชื่นชมและเสียงปรบมือ เขารู้สึกเป็นเกียรติมาก!
“พวกคุณรู้สึกว่าเป็นอย่างไรบ้าง”
โต๊ะที่จองไว้ชั้นบนของบาร์เดย์ลิลลี่คือโซนของแขกพิเศษที่นั่งอยู่หกคน เฉินเจี้ยนหาวก็เป็นหนึ่งคนในนั้น
เขายิ้มถามว่า “เถ้าแก่ฉาง เด็กของผมคนนี้พอจะเข้าตาคุณไหมครับ”
ถึงแม้จะเป็นน้ำเสียงที่ถ่อมตัวมาก แต่ไม่ว่าจะฟังอย่างไรก็มีเจตนาของการโอ้อวดและได้ใจ
แน่นอนว่าเฉินเจี้ยนหาวไม่ใช่คนที่มีความคิดตื้นเขิน คนที่เขาล้อเล่นด้วยเป็นผู้ชายวัยกลางคนอายุสี่สิบกว่า
ฉางเหว่ย เถ้าแก่บาร์บลูโลตัส
ฉางเหว่ยหมือนจะเป็นคนผอม แต่ไม่ได้ผอมกระหร่องกระแหร่ง และเป็นคนฉลาดมีความสามารถ
เขาตัดทรงผมสั้นสกินเฮดสไตล์บัส ตาคมทั้งสองข้าง แต่งตัวมีระดับและภูมิฐาน นอกจากกำไลข้อมือที่ทำมาจากไม้จื่อถาน[1]ใบเล็กที่คล้องอยู่ข้อมือซ้ายแล้ว ก็ไม่มีเครื่องประดับอย่างอื่น
ในแวดวงของโฮ่วไห่นี้ ฉางเหว่ยเป็นบุคคลชั้นยอดอย่างไม่ต้องสงสัย เส้นสายของเขามีมากและลึกซึ้ง รู้จักคนทุกแบบ บริหารบาร์บลูโลตัสมาสิบกว่าปีจนมีชื่อเสียง กลายเป็นอันดับหนึ่งของวงการ
สิ่งที่ทำให้คนรู้สึกนับถือมากที่สุดก็คือวิสัยทัศน์ของฉางเหว่ย ตอนแรกที่ดินของโฮ่วไห่ก็มีราคาสูงอยู่แล้ว แต่เขายอมทุ่มเงินจำนวนมหาศาล ใช้สิทธิ์ที่มีอยู่ทั้งหมดซื้อที่ดินของบาร์อย่างไม่เสียดาย จนกระทั่งที่ดินในตอนนี้ทำกำไรเป็นสิบเท่า!
สิบกว่าปีที่ผ่านมา นักร้องที่มีชื่อเสียงเดินออกไปจากบาร์บลูโลตัสก็มีจำนวนไม่น้อย มีชื่อเสียงโด่งดังในวงการไปแล้ว
การสนับสนุนของฉางเหว่ยมีความดีความชอบเป็นอย่างมาก แต่เขาไม่เคยพูดเรื่องนี้ออกมา
ฉางเหว่ยกับเฉินเจี้ยนหาวรู้จักกันมาสิบปีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนจึงสามารถพูดล้อเล่นกันได้ไม่กระทบกระทั่งกัน แต่สำหรับการล้อเล่นครั้งล่าสุดนี้ เขายังคงพยักหน้าอย่างจริงจังแล้วพูดว่า “ไม่เลว”
เฉินเจี้ยนหาวรู้ว่า ‘ไม่เลว’ สองคำนี้ของฉางเหว่ยถือว่าเป็นคำวิจารณ์ที่สูงมาก มีครั้งหนึ่งนักร้องที่มีชื่อเสียงคนหนึ่งได้มาร้องเล่นเพลงที่บาร์บลูโลตัส ถึงจะได้รับเสียงปรบมือทั่วทั้งบาร์เหมือนกัน แต่คำวิจารณ์ของฉางเหว่ยกลับมีเพียงคำว่า ‘พอได้’
และคนที่เฉลียวฉลาดอย่างเขาก็ยังมีใบหน้ายิ้มพรายด้วยความดีอกดีใจ…ครั้งนี้มีความสุขมากจริงๆ
“ไม่เลวจริงๆ!”
ผู้หญิงวัยกลางคนคนหนึ่งที่นั่งถัดไปทางด้านซ้ายของฉางเหว่ยก็พูดแสดงความชื่นชม “ทั้งสองเพลงมีเอกลักษณ์มาก ทำให้คิดถึงแบบฉบับของเพลงสไตล์พื้นบ้าน ไม่ได้ฟังเพลงแบบนี้มานานแล้ว ทำให้รู้สึกนึกถึงวันเก่าๆ จริงๆ”
ผู้หญิงคนนี้อายุประมาณสี่สิบปีเช่นกัน รูปร่างใบหน้าอ้วนกลมมีฐานะ ผิวขาวนวลเนียนมีการบำรุงเป็นอย่างดี เพียงแต่รอยตีนกาเผยอายุที่แท้จริงของเธอออกมา บุคลิกท่าทางเป็นสง่าไม่ธรรมดา
“พี่ฉางกับพี่เฉินต่างก็พูดว่าไม่เลว อย่างนั้นก็ต้องดีจริงๆ!”
นอกจากนี้ยังมีผู้ชายยิ้มกริ่มคนหนึ่งพูดร่วมสนุกด้วย
“ผู้อำนวยการซู คุณกับเถ้าแก่เจี้ยนหาวสนิทกันขนาดนี้ รีบจับพ่อหนุ่มคนนี้มาเซ็นสัญญาเร็วๆ สิ ให้เขาได้เจ็บปวดใจเสียหน่อย!”
คนที่เขาแซวก็คือซูชิงเหมย
เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าเมื่อสองวันก่อนซูชิงเหมยพ่ายแพ้ให้กับลู่เฉินไปแล้ว ตอนนี้มาพูดแบบนี้กับเธอ จึงเป็นการพูดประเด็นที่ไม่ควรพูด เกือบโดนตบหน้าแล้ว!
ซูชิงเหมยทำเสียง ‘เชอะ’ หนึ่งที แล้วพูดว่า “เด็กของพี่เจี้ยนหาวคนนี้หยิ่งเกินไป พวกเราเชิญไม่ไหวหรอก”
ผู้ชายที่มีดวงตาแลดูเจ้าชู้คนนั้นก็เป็นเพื่อนของฉางเหว่ย และก็เป็นบุคคลที่อยู่ในวงการเหมือนกัน พูดจาล้อเล่นโดยไม่รู้เรื่อง จนทำให้เธอเกือบวีนแตก หากเป็นเช่นนั้นต่อไปเธอก็คงไม่สามารถคลุกคลีอยู่ในวงการนี้ได้อีกแล้ว
ดังนั้นซูชิงเหมยจึงได้แต่อดทน แต่สีหน้าที่อาฆาตแค้นของเธอลึกล้ำมากจริงๆ
ทุกคนที่นั่งอยู่ในนี้ล้วนเป็นคนฉลาด แค่ฟังน้ำเสียงที่หงุดหงิดของเธอก็เข้าใจแล้ว
ผู้ชายตาเจ้าชู้คนนั้นจึงรู้ทันทีว่าตัวเองพูดผิด รีบพูดเสริมอีกหนึ่งประโยคว่า “ไม่ใช่มั้ง แม้แต่ชิงอวี่มีเดียของพวกคุณเขาก็ไม่สนใจเหรอ”
เขาตั้งใจอยากชดเชยเพื่อเอาใจอีกฝ่าย และก็รู้สึกตกใจจริงๆ เหมือนกัน
ถึงแม้ชิงอวี่มีเดียจะเป็นกิจการที่เพิ่งเริ่มตอนหลัง ก่อตั้งบริษัทขึ้นในเมืองหลวงได้ไม่นาน แต่ไม่ว่าจะเป็นภูมิหลังหรือว่าความสามารถก็มีความแข็งแกร่งมาก ดึงดูดบุคคลที่มีความสามารถให้มาร่วมงานได้มากมาย และกำลังเตรียมตัวแสดงความสามารถอย่างเต็มที่
บริษัทน้องใหม่แบบนี้มีอนาคตที่สดใสไร้ขีดจำกัด ช่วงนี้ชิงอวี่มีเดียกับบาร์บลูโลตัสก็ยังร่วมกันจัดเทศกาลดนตรีคาร์นิวัลไนท์ ไม่รู้ว่ามีคนจำนวนเท่าไรที่อยากเบียดเสียดโผล่หน้าเข้ามาร่วมงาน
คนอื่นต่างแห่ชิงกันเข้ามา แต่ลู่เฉินกลับปฏิเสธการเชื้อเชิญของซูชิงเหมย เกินความคาดหมายจริงๆ!
การประเมินลู่เฉินที่อยู่ในใจของเขาจึงลดลงฮวบฮาบทันที…เพลงร้องดีไม่เลว หน้าตาก็หล่อ แต่สมองใช้ไม่ได้!
เฉินเจี้ยนหาวรู้สึกเก้ๆ กังๆ เล็กน้อย กระแอมสองทีพลางพูดว่า “นิสัยของเสี่ยวลู่ไม่ค่อยมีระเบียบวินัย ไม่อยากมีสัญญาผูกมัด คนหนุ่มก็แบบนี้แหละ ความคิดไม่เหมือนกับคนแก่อย่างพวกเรา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar