ตอนที่ 312 ปาร์คชงโฮ
การเจรจาทางธุรกิจไม่ใช่เด็กเล่นขายของ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาล มักต้องผ่านการต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันก่อนถึงจะตกลงกันได้ในที่สุด หรือไม่ก็ละทิ้งไป
บริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์หรือจะพูดว่าตัวปาร์คชงโฮเองอยากนำเข้าละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ อย่างจริงใจ แต่เขาละโมบเกินไป ลู่เฉินรับไม่ได้
ทว่าเงื่อนไขรายละเอียดยังพอเจรจากันต่อได้ ตอนแรกที่ปาร์คชงโฮเข้ามาเยี่ยมเยียนเห็นได้ชัดว่ามาลองเชิงมากกว่า แน่นอนว่าหากเจรจาสำเร็จทันทีเขาจะต้องพอใจมาก เพียงแต่ท่าทีที่ลู่เฉินยืนหยัดในผลประโยชน์ของตัวเองนั้นทำให้เขาจนปัญญา
ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้บริหารคนอื่นของบริษัทเกาหลีและญี่ปุ่นอาจจะไม่พอใจ พวกเขาเคยชินกับการอยู่เหนือคนอื่น กับวงการบันเทิงของประเทศจีนก็วางท่าทีว่าตัวเองสูงส่งกว่า คิดว่าแค่พวกเขาโยนอะไรออกไปสักอย่าง ก็จะมีผู้คนเข้ามาแก่งแย่งกันมากมาย
แต่ปาร์คชงโฮนั้นแตกต่าง เขาทำงานในประเทศจีนมาสิบกว่าปี เข้าใจวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง รู้จักอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศจีนเป็นอย่างดี จึงเข้าใจในความเก่งกล้าสามารถของลู่เฉิน
ในสายตาของตัวแทนบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศจีนคนนี้ ลู่เฉินเป็นเหมือนคิมฮยอนบินของประเทศจีน
คิมฮยอนบินเป็นศิลปินชื่อดังของเกาหลีตั้งแต่ปี 2000-2010 เขามีความสามารถที่น่าตื่นตะลึง สร้างผลงานเพลงอันเป็นตำนานมากมาย ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ ละครและภาพยนตร์ที่เขาแสดงเคยสร้างกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางไปทั่วทั้งเอเชีย
เพียงแต่เมื่อหกปีก่อนคิมฮยอนบินไม่พอใจที่จะวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงเกาหลี และดูถูกตลาดประเทศจีน จึงเข้าสู่วงการฮอลลีวูดด้วยความทะเยอทะยาน สุดท้ายหลังจากโลดโผนอยู่หลายปีก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ บทบาทที่บริษัทภาพยนตร์อเมริกันกำหนดไว้ให้เขาเป็นพิเศษเพื่อตีตลาดเอเชียถูกลดลง สูญเสียความนิยมในเกาหลีลงไปมาก
ลู่เฉินเหมือนกับคิมฮยอนบินเมื่อตอนเข้าวงการใหม่ๆ โด่งดังขึ้นมาจากเวทีประกวด รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา มีความสามารถเหลือล้น เป็นนักดนตรีที่โดดเด่น และหนุ่มแน่นเลือดร้อน…เหมือนกัน
แต่เมื่อเทียบกับความคับแคบของประเทศเกาหลี และตลาดที่ต้องต่อสู้อย่างดุเดือด ตลาดบันเทิงในประเทศจีนใหญ่โตราวกับมหาสมุทร สามารถรองรับมังกรตัวใหญ่ให้เติบโตก้าวหน้าได้อยู่แล้ว
ดังนั้นขอแค่ลู่เฉินไม่รนหาที่ตายเอง การเติบโตของเขาจะไม่มีที่สิ้นสุด!
หากบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์เชื่อมสัมพันธ์อันดีกับคนแบบนี้ได้ ก็เท่ากับลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพไปแล้วส่วนหนึ่ง
ปาร์คชงโฮจึงตั้งราคาซื้อเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไว้สูงถึงแปดร้อยล้านวอนตั้งแต่ตอนแรกเพื่อแสดงถึงความจริงใจของตัวเอง เงื่อนไขที่ตามมานั้นเป็นเพียงการทดสอบลองเชิง
เจรจาไม่สำเร็จไม่เป็นไร แค่อย่าให้ถึงขั้นฉีกหน้ากันเป็นพอ ทุกคนจะได้เจรจากันต่อ
สิ่งที่เรียกว่าเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ต้องค่อยๆ ล้วงออกมาทีละนิด
เมื่อมีจุดยืนแบบนี้ การเจรจาของทั้งสองฝ่ายจึงค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดเหตุการณ์ชักดาบสู้กัน ปาร์คชงโฮนั่งอยู่ในสตูดิโอลู่เฉินสองชั่วโมงเต็มถึงจะกลับไป
หลังส่งตัวแทนบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์กลับไปแล้ว ลู่เฉินรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งทำสงครามเสร็จ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า
เฉินเฟยเอ๋อร์ประเมินปาร์คชงโฮธรรมดาเกินไป จิ้งจอกตัวนี้รับมือยากจริงๆ
นิสัยของเขาเข้มแข็ง แต่ไม่ถึงกับแข็งกร้าว ในความโอนอ่อนภายนอกมีเข็มพิษซ่อนอยู่ภายใน
ลู่เฉินพูดกับลู่ซีว่า “ต่อไปถ้ามีโอกาส ผมจะดึงตัวเขามา!”
ลู่ซีพูดไม่ออก
เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ลู่เฉินมากว่าครึ่งปี เข้าใจเรื่องราวในวงการบันเทิงมากขึ้น จึงรู้ดีว่าคนอย่างปาร์คชงโฮไม่ใช่คนที่สตูดิโอของตัวเองจะไปดึงตัวมาได้
อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศจีนได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีสูงมาก บริษัทใหญ่หลายแห่งชอบดึงตัวคนมาจากบริษัทประเภทเดียวกันในประเทศเกาหลี เช่น นักเรียบเรียงเพลง นักออกแบบท่าเต้น โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับรายการ เป็นต้น ยังมีที่ดึงตัวศิลปินมาเลยตรงๆ
แต่โดยสรุปแล้ว คนที่ดึงตัวมาได้ล้วนเป็นพวกระดับรองๆ ลงมา
ปาร์คชงโฮเป็นตัวแทนของบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศจีน เป็นคนระดับสูงอย่างแท้จริง ถ้าเขาอยากย้ายถิ่น ต้องเลือกบริษัทใหญ่อย่างบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด มีหรือจะเลือกเข้ามาทำงานกับสตูดิโอลู่เฉินเล็กๆ นี่?
ความคิดของลู่เฉินช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน
ลู่เฉินมองออกว่าลู่ซีไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา
ปาร์คชงโฮเป็นผู้บริหารระดับสูงของเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ก็จริง แต่ผู้บริหารของเอสพีจีคนนี้ถูกกันมาอยู่ชายขอบ ทั้งที่เขาเป็นคนก่อตั้งรากฐานของตลาดในประเทศขึ้นมาอย่างยากลำบาก ไม่มีความดีก็ต้องมีความชอบ แต่ตำแหน่งกลับยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง
เพราะปาร์คชงโฮไม่ใช่สายตรงของประธานบริษัทเอสพีจีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในตอนนี้ แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของประธานคนก่อน!
ระบบธุรกิจแบบแชโบล[1]ของเกาหลีนั้นเรียนรู้มาจากญี่ปุ่น ในยุค 80-90 เป็นยุคที่เศรษฐกิจของเกาหลีรุ่งเรือง เคยมีบทบาทสำคัญมาก และมีการก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่สิบกว่าราย เช่น บริษัทซัมซุงที่มีชื่อเสียง
แต่หลังจากเข้าสู่ศตวรรษใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมเกิดใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบธุรกิจแบบแชโบลของเกาหลีถูกโจมตีจากวัฒนธรรมยุคใหม่ เพราะการบริหารภายในองค์กรที่เข้มงวดไม่ยืดหยุ่นและการเลื่อนตำแหน่งตามระดับอาวุโส อีกทั้งยังมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของบุคคลระดับสูง ทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลงหรือไม่ก็ต้องเผชิญกับความยากเข็ญ
เอสพีจีเป็นบริษัทบันเทิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี ก่อตั้งมาได้ไม่นาน เป็นกิจการที่เป็นธุรกิจครอบครัวเช่นกัน เดิมทีหลังจากประธานคนก่อนผู้ซึ่งสนับสนุนปาร์คชงโฮลงจากตำแหน่งไป เขาก็ถูกกดไว้โดยให้ทำงานให้กับเอสพีจีในประเทศจีน
หากถามถึงคุณงามความดี ปาร์คชงโฮมีสิทธิ์ที่จะกลับเกาหลีเพื่อรับตำแหน่งที่สูงขึ้น
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar