(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 312

สรุปบท ตอนที่ 312 ปาร์คชงโฮ: (นิยายแปล) Perfect Superstar

สรุปตอน ตอนที่ 312 ปาร์คชงโฮ – จากเรื่อง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet

ตอน ตอนที่ 312 ปาร์คชงโฮ ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง

ตอนที่ 312 ปาร์คชงโฮ

การเจรจาทางธุรกิจไม่ใช่เด็กเล่นขายของ โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับผลประโยชน์จำนวนมหาศาล มักต้องผ่านการต่อสู้ชิงไหวชิงพริบกันก่อนถึงจะตกลงกันได้ในที่สุด หรือไม่ก็ละทิ้งไป

บริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์หรือจะพูดว่าตัวปาร์คชงโฮเองอยากนำเข้าละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ อย่างจริงใจ แต่เขาละโมบเกินไป ลู่เฉินรับไม่ได้

ทว่าเงื่อนไขรายละเอียดยังพอเจรจากันต่อได้ ตอนแรกที่ปาร์คชงโฮเข้ามาเยี่ยมเยียนเห็นได้ชัดว่ามาลองเชิงมากกว่า แน่นอนว่าหากเจรจาสำเร็จทันทีเขาจะต้องพอใจมาก เพียงแต่ท่าทีที่ลู่เฉินยืนหยัดในผลประโยชน์ของตัวเองนั้นทำให้เขาจนปัญญา

ถ้าเปลี่ยนเป็นผู้บริหารคนอื่นของบริษัทเกาหลีและญี่ปุ่นอาจจะไม่พอใจ พวกเขาเคยชินกับการอยู่เหนือคนอื่น กับวงการบันเทิงของประเทศจีนก็วางท่าทีว่าตัวเองสูงส่งกว่า คิดว่าแค่พวกเขาโยนอะไรออกไปสักอย่าง ก็จะมีผู้คนเข้ามาแก่งแย่งกันมากมาย

แต่ปาร์คชงโฮนั้นแตกต่าง เขาทำงานในประเทศจีนมาสิบกว่าปี เข้าใจวัฒนธรรมจีนอย่างลึกซึ้ง รู้จักอุตสาหกรรมบันเทิงของประเทศจีนเป็นอย่างดี จึงเข้าใจในความเก่งกล้าสามารถของลู่เฉิน

ในสายตาของตัวแทนบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศจีนคนนี้ ลู่เฉินเป็นเหมือนคิมฮยอนบินของประเทศจีน

คิมฮยอนบินเป็นศิลปินชื่อดังของเกาหลีตั้งแต่ปี 2000-2010 เขามีความสามารถที่น่าตื่นตะลึง สร้างผลงานเพลงอันเป็นตำนานมากมาย ทั้งยังหน้าตาหล่อเหลารูปร่างสูงใหญ่ ละครและภาพยนตร์ที่เขาแสดงเคยสร้างกระแสอยู่ช่วงหนึ่ง มีอิทธิพลอย่างกว้างขวางไปทั่วทั้งเอเชีย

เพียงแต่เมื่อหกปีก่อนคิมฮยอนบินไม่พอใจที่จะวนเวียนอยู่ในวงการบันเทิงเกาหลี และดูถูกตลาดประเทศจีน จึงเข้าสู่วงการฮอลลีวูดด้วยความทะเยอทะยาน สุดท้ายหลังจากโลดโผนอยู่หลายปีก็ยังไม่ประสบความสำเร็จ บทบาทที่บริษัทภาพยนตร์อเมริกันกำหนดไว้ให้เขาเป็นพิเศษเพื่อตีตลาดเอเชียถูกลดลง สูญเสียความนิยมในเกาหลีลงไปมาก

ลู่เฉินเหมือนกับคิมฮยอนบินเมื่อตอนเข้าวงการใหม่ๆ โด่งดังขึ้นมาจากเวทีประกวด รูปร่างสูงใหญ่หล่อเหลา มีความสามารถเหลือล้น เป็นนักดนตรีที่โดดเด่น และหนุ่มแน่นเลือดร้อน…เหมือนกัน

แต่เมื่อเทียบกับความคับแคบของประเทศเกาหลี และตลาดที่ต้องต่อสู้อย่างดุเดือด ตลาดบันเทิงในประเทศจีนใหญ่โตราวกับมหาสมุทร สามารถรองรับมังกรตัวใหญ่ให้เติบโตก้าวหน้าได้อยู่แล้ว

ดังนั้นขอแค่ลู่เฉินไม่รนหาที่ตายเอง การเติบโตของเขาจะไม่มีที่สิ้นสุด!

หากบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์เชื่อมสัมพันธ์อันดีกับคนแบบนี้ได้ ก็เท่ากับลงทุนในหุ้นที่มีศักยภาพไปแล้วส่วนหนึ่ง

ปาร์คชงโฮจึงตั้งราคาซื้อเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ไว้สูงถึงแปดร้อยล้านวอนตั้งแต่ตอนแรกเพื่อแสดงถึงความจริงใจของตัวเอง เงื่อนไขที่ตามมานั้นเป็นเพียงการทดสอบลองเชิง

เจรจาไม่สำเร็จไม่เป็นไร แค่อย่าให้ถึงขั้นฉีกหน้ากันเป็นพอ ทุกคนจะได้เจรจากันต่อ

สิ่งที่เรียกว่าเบื้องลึกเบื้องหลังนั้น ต้องค่อยๆ ล้วงออกมาทีละนิด

เมื่อมีจุดยืนแบบนี้ การเจรจาของทั้งสองฝ่ายจึงค่อนข้างเป็นไปได้ด้วยดี ไม่เกิดเหตุการณ์ชักดาบสู้กัน ปาร์คชงโฮนั่งอยู่ในสตูดิโอลู่เฉินสองชั่วโมงเต็มถึงจะกลับไป

หลังส่งตัวแทนบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์กลับไปแล้ว ลู่เฉินรู้สึกเหมือนตัวเองเพิ่งทำสงครามเสร็จ รู้สึกเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้า

เฉินเฟยเอ๋อร์ประเมินปาร์คชงโฮธรรมดาเกินไป จิ้งจอกตัวนี้รับมือยากจริงๆ

นิสัยของเขาเข้มแข็ง แต่ไม่ถึงกับแข็งกร้าว ในความโอนอ่อนภายนอกมีเข็มพิษซ่อนอยู่ภายใน

ลู่เฉินพูดกับลู่ซีว่า “ต่อไปถ้ามีโอกาส ผมจะดึงตัวเขามา!”

ลู่ซีพูดไม่ออก

เธอเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้ลู่เฉินมากว่าครึ่งปี เข้าใจเรื่องราวในวงการบันเทิงมากขึ้น จึงรู้ดีว่าคนอย่างปาร์คชงโฮไม่ใช่คนที่สตูดิโอของตัวเองจะไปดึงตัวมาได้

อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศจีนได้รับอิทธิพลมาจากประเทศเกาหลีสูงมาก บริษัทใหญ่หลายแห่งชอบดึงตัวคนมาจากบริษัทประเภทเดียวกันในประเทศเกาหลี เช่น นักเรียบเรียงเพลง นักออกแบบท่าเต้น โปรดิวเซอร์ ผู้กำกับรายการ เป็นต้น ยังมีที่ดึงตัวศิลปินมาเลยตรงๆ

แต่โดยสรุปแล้ว คนที่ดึงตัวมาได้ล้วนเป็นพวกระดับรองๆ ลงมา

ปาร์คชงโฮเป็นตัวแทนของบริษัทเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ในประเทศจีน เป็นคนระดับสูงอย่างแท้จริง ถ้าเขาอยากย้ายถิ่น ต้องเลือกบริษัทใหญ่อย่างบริษัทเฟยสือเรคคอร์ด มีหรือจะเลือกเข้ามาทำงานกับสตูดิโอลู่เฉินเล็กๆ นี่?

ความคิดของลู่เฉินช่างไร้เดียงสาเหลือเกิน

ลู่เฉินมองออกว่าลู่ซีไม่เห็นด้วย เขาไม่ได้อธิบายอะไรเพิ่ม เพราะตอนนี้ยังไม่ใช่เวลา

ปาร์คชงโฮเป็นผู้บริหารระดับสูงของเอสพีจีเอนเตอร์เทนเมนต์ก็จริง แต่ผู้บริหารของเอสพีจีคนนี้ถูกกันมาอยู่ชายขอบ ทั้งที่เขาเป็นคนก่อตั้งรากฐานของตลาดในประเทศขึ้นมาอย่างยากลำบาก ไม่มีความดีก็ต้องมีความชอบ แต่ตำแหน่งกลับยังอยู่ที่เดิมไม่เปลี่ยนแปลง

เพราะปาร์คชงโฮไม่ใช่สายตรงของประธานบริษัทเอสพีจีที่ดำรงตำแหน่งอยู่ในตอนนี้ แต่เป็นลูกน้องคนสนิทของประธานคนก่อน!

ระบบธุรกิจแบบแชโบล[1]ของเกาหลีนั้นเรียนรู้มาจากญี่ปุ่น ในยุค 80-90 เป็นยุคที่เศรษฐกิจของเกาหลีรุ่งเรือง เคยมีบทบาทสำคัญมาก และมีการก่อตั้งบริษัทยักษ์ใหญ่สิบกว่าราย เช่น บริษัทซัมซุงที่มีชื่อเสียง

แต่หลังจากเข้าสู่ศตวรรษใหม่ เมื่ออุตสาหกรรมเกิดใหม่เติบโตอย่างรวดเร็ว ระบบธุรกิจแบบแชโบลของเกาหลีถูกโจมตีจากวัฒนธรรมยุคใหม่ เพราะการบริหารภายในองค์กรที่เข้มงวดไม่ยืดหยุ่นและการเลื่อนตำแหน่งตามระดับอาวุโส อีกทั้งยังมีการต่อสู้แย่งชิงอำนาจของบุคคลระดับสูง ทำให้หลายกิจการต้องปิดตัวลงหรือไม่ก็ต้องเผชิญกับความยากเข็ญ

เอสพีจีเป็นบริษัทบันเทิงชั้นแนวหน้าของเกาหลี ก่อตั้งมาได้ไม่นาน เป็นกิจการที่เป็นธุรกิจครอบครัวเช่นกัน เดิมทีหลังจากประธานคนก่อนผู้ซึ่งสนับสนุนปาร์คชงโฮลงจากตำแหน่งไป เขาก็ถูกกดไว้โดยให้ทำงานให้กับเอสพีจีในประเทศจีน

หากถามถึงคุณงามความดี ปาร์คชงโฮมีสิทธิ์ที่จะกลับเกาหลีเพื่อรับตำแหน่งที่สูงขึ้น

“เหอะๆๆ…”

ฟังความทุกข์ของลู่เฉินจบแล้ว เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะมาตามสายโทรศัพท์อย่างมีความสุข “ถ้างั้นนายต้องเขียนเพลงให้คนอื่นเยอะๆ ถึงจะหาเงินมาได้!”

ในฐานะตัวแทนของนักร้องนักแต่งเพลงรุ่นใหม่ ทั้งยังได้รับรางวัล ‘เอเชี่ยนไชนีสซองโกลเด้นอวอร์ดส’ ถึงสองรางวัล ลู่เฉินกำลังรุ่งโรจน์ในวงการเพลงป็อป คนที่อยากซื้อเพลงจากเขามีมากมาย

ถ้าลู่เฉินตัดสินใจเขียนเพลงขาย การหาเงินแค่ไม่กี่สิบล้านนั้นไม่เป็นปัญหา เพราะในความทรงจำของเขามีผลงานเพลงที่โดดเด่นอยู่นับไม่ถ้วน

เพียงแต่เขาไม่เคยคิดว่าจะนำเพลงพวกนั้นมาขายเพื่อให้ร่ำรวย และไม่อยากเปิดเผยทรัพย์สมบัติอันล้ำค่าออกไปตามใจชอบ ด้านหนึ่งเพื่อยกระดับการขอซื้อเพลง อีกด้านหนึ่งก็เพื่อคัดเลือกคนร่วมงานที่เหมาะสม

ตอนนี้ราคาที่สตูดิโอลู่เฉินแจ้งกับคนภายนอกอยู่ที่เพลงละห้าแสนหยวน เป็นค่าเพลงที่แพงที่สุดในตลาดตอนนี้แล้ว

ราคาที่ตั้งไว้ทำให้คนส่วนใหญ่ตกใจจนถอยหนี และทำให้เกิดการวิพากษ์วิจารณ์ในวงการไม่น้อย

คำเยาะเย้ยของเฉินเฟยเอ๋อร์ เกิดขึ้นด้วยเหตุนี้

ลู่เฉินหัวเราะ “ตอนนี้ยังไม่อยากคิดถึงคนอื่น ทำอัลบั้มของคุณให้ดีก่อนค่อยว่ากัน นี่เป็นเรื่องสำคัญที่สุดในตอนนี้!”

“พูดได้น่าฟังจริงๆ อยากยืมเงินฉันไปหมุนสักหน่อยไหม”

หญิงสาวที่ตกอยู่ในวังวนแห่งความรักทนคำหวานไม่ได้ ทั้งไอคิวและอีคิวของเฉินเฟยเอ๋อร์ถูกถ้อยคำเอาอกเอาใจของเขาเพียงไม่กี่คำฉุดรั้งให้ตกต่ำลง “สัญญานั่นนายไม่ต้องสนใจแล้ว เอาไว้นายค่อยให้เงินฉันทีหลังก็ได้ ไม่เป็นไร…”

หากลู่เฉินต้องการจะเป็นหนุ่มน้อยที่มาเกาะเธอเพื่อหาผลประโยชน์ เขาจะต้องทำได้สำเร็จแน่นอน

แต่เขากลับเป็นคนไม่ยอมเสียหน้า “ไม่ต้องหรอก ไม่ต้องขายเพลงผมก็จัดการได้!”

ความมั่นใจในตัวเองของลู่เฉินไม่ใช่ไม่มีเหตุผล เพราะการเป็นดาราโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นดาราดังนั้น ต้องมีช่องทางหาเงินก้อนใหญ่ที่สำคัญอยู่แล้ว…นั่นก็คือการเป็นพรีเซ็นเตอร์ผลิตภัณฑ์สินค้า

ตอนนี้มีผลิตภัณฑ์สินค้ามากมายที่อยากร่วมงานกับลู่เฉิน รายใหญ่ที่สุดต้องเป็นรถยนต์ยี่ห้อจงหวาอย่างไม่ต้องสงสัย!

……………………………………….

[1] ระบบธุรกิจแบบแชโบล คือระบบธุรกิจครอบครัวขนาดยักษ์ใหญ่ที่เกิดขึ้นด้วยการสนับสนุนอย่างเต็มที่ของรัฐบาล

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar