(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 365

สรุปบท ตอนที่ 365 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน: (นิยายแปล) Perfect Superstar

ตอน ตอนที่ 365 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 365 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 365 ตาต่อตา ฟันต่อฟัน

อุตสาหกรรมบันเทิงในประเทศจีนได้รับการพัฒนาถึงขีดสุดเมื่อยี่สิบปีก่อน ส่วนแบ่งของตลาดมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็กระตุ้นให้อิทธิพลของศิลปินดาราในหมู่ประชาชนเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออินเทอร์เน็ตกำเนิดขึ้น การส่งข้อมูลมีความเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ไซเบอร์สเปซอย่างเช่นบล็อก ฟอรัม เป็นต้น ล้วนกลายเป็นจุดรวบรวมข้อมูล คนธรรมดาทั่วไปจึงสามารถเข้าใจเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นในวงการบันเทิงได้ในเวลาอันรวดเร็ว

ศิลปินดาราจำนวนมากและบริษัทเอเจนซี่บันเทิงต่างๆ ได้ใช้ประโยชน์ของอินเทอร์เน็ตเพื่อสร้างกระแสขณะเดียวกันก็มีหลายคนที่ใช้สนามรบของวงการบันเทิงที่สำคัญแห่งนี้โจมตีและใส่ร้ายป้ายสีคู่ต่อสู้

ลู่เฉินประสบเหตุที่เกาะเชจูเกาหลีใต้ สามารถสร้างผลกระทบขนาดใหญ่ในเวลาอันสั้นเช่นนี้ได้ เบื้องหลังจะต้องมีคนคอยขับเคลื่อนอย่างไม่ต้องสงสัย!

วงการบันเทิงทุกวันนี้สามารถเรียกได้ว่าเป็นสถานที่ร้อยพ่อพันแม่ การแข่งขันทางธุรกิจจึงดุเดือดผิดปกตินักแสดง ศิลปิน นักร้องสามารถดังเพียงชั่วข้ามคืน และก็อาจจะหายไปอย่างรวดเร็วได้เช่นกัน

ศิลปินจำนวนไม่น้อยหลังจากที่ดังแล้วก็ลืมตัวหลงระเริง เสพยา นอกใจ เมาแล้วขับ ทะเลาะวิวาท…สร้างผลกระทบที่เลวร้ายแก่สาธารณชน

แต่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของประเทศ ก็มีบทลงโทษสำหรับศิลปินดาราที่ทำผิดกฎหมายเช่นกัน

นั่นก็คือถูกแบน!

สำหรับศิลปินคนหนึ่ง ผลเสียของการถูกแบนมีความรุนแรงมาก เมื่อเจอการลงโทษเช่นนี้ ก็จะไม่สามารถถ่ายภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ ไม่สามารถเล่นคอนเสิร์ต ไม่สามารถรับงานโฆษณาเป็นพรีเซ็นเตอร์และออกรายการได้เส้นทางดาราถึงแม้จะไม่ได้พังทั้งหมด แต่ถ้าอยากกลับมาเริ่มใหม่อีกครั้งก็ยากมากจริงๆ

โดยเฉพาะดาราไอดอลรุ่นใหม่ แม้ว่าช่วงที่ถูกแบนจะเพียงหนึ่งปีกว่าเท่านั้น แต่ความนิยมได้ถูกโจมตีทำลายล้างไปหมดแล้ว เพราะในวงการมีคนที่รอเสียบตำแหน่งอยู่มากมาย

ด้วยเหตุนี้ การปั่นกระแสความคิดเห็นของประชาชนเพื่อเล่นงานคู่แข่งจึงเป็นเรื่องที่ปกติมากบนอินเทอร์เน็ต เดิมทีไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร แต่เมื่อผ่านการสร้างกระแสซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงขั้นใส่ร้ายป้ายสีอย่างชั่วร้าย ก็มักจะทำให้ประชาชนเกิดความรู้สึกรังเกียจอย่างหนัก

เหมือนอย่างลู่เฉินครั้งนี้ที่ถูกตำรวจเกาหลีคุมตัวไป ในขณะที่ความจริงยังไม่กระจ่างแจ้ง บนอินเทอร์เน็ตก็เกิดการแสดงความเห็นโจมตีขึ้นมาเต็มไปหมด เจตนาไม่ต้องพูดก็รู้

อย่างแรกคือเรื่องที่ลู่เฉินทำผิดไม่อาจปิดบังได้แน่นอน ถ้าหากคลื่นความคิดเห็นของประชาชนโหมขึ้นมา เช่นนั้นผู้ที่มีส่วนได้ส่วนเสียอยากจะประชาสัมพันธ์เพื่อกลบเกลื่อนเรื่องราวก็ยากยิ่งขึ้นและใช้ต้นทุนที่สูงมาก สุดท้ายแล้วถ้าลู่เฉินต้องถูกแบนจริงๆ คาดว่าหลายคนคงแสยะยิ้มกันถ้วนหน้า

ลู่เฉินเพิ่งเดบิวต์เพียงหนึ่งปีเท่านั้น ความรวดเร็วในการเจริญเติบโตของเขาทำให้คนต่างตกตะลึงอ้าปากค้าง ถึงแม้เขาจะระมัดระวังเรื่องการแบ่งผลประโยชน์ในหลายๆ ด้าน มีสายสัมพันธ์ที่มั่นคงระดับหนึ่งในวงการ แต่ในเวลาเดียวกันก็ก่อให้เกิดคู่แข่งขึ้นมาไม่น้อย

ไม่มีศิลปินดาราคนไหนสามารถเอาใจใครได้ทุกคน โดยเฉพาะคนอย่างเขาที่เปิดสตูดิโอขึ้นมาด้วยตัวเอง ขณะที่เพลิดเพลินกับความอิสระของตัวเองนั้น ก็จำเป็นต้องเผชิญหน้ากับแรงกดดันที่มากขึ้น

หากเขาถูกแบน อย่างนั้นละครเรื่องใหม่ที่กำลังถ่ายทำอยู่ก็จะเผชิญหน้ากับวิกฤตอย่างหนัก ต่อให้เปลี่ยนพระเอกกะทันหัน ก็ไม่อาจลบล้างผลกระทบด้านลบที่รุนแรงได้

เช่นนั้นละครเรื่องใหม่ของบรรดาคู่แข่งที่จะออกอากาศในช่วงฤดูร้อน จะไม่ดีใจได้อย่างไร

พวกเขาไม่ถือสาที่จะช่วยกระตุ้นอย่างลับๆ แน่นอน

ดังนั้นแม้ว่าข่าวใหม่จะออกมาทำให้ทิศทางของการแสดงความคิดเห็นเกิดความเปลี่ยนแปลงไปแล้วก็ตาม แต่ก็ยังมีบางคนที่โจมตีลู่เฉินอย่างเต็มที่ อยากจะเหยียบเขาลงหลุมให้ได้

ในบล็อกล่างฉาวมีบัญชีวีไอพีใหญ่ที่ใช้ชื่อว่า ‘สรรพสิ่งล้วนมีสามอย่าง’ โพสต์บล็อกติดต่อกันสามโพสต์ มีพฤติกรรมโจมตีลู่เฉินอย่างหนักหน่วง คิดว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องน่าจะดำเนินการแบนลู่เฉิน

“วงการบันเทิงต้องทำอะไรสักอย่าง สำหรับดาราที่มีพฤติกรรมเลวร้ายแบบนี้ควรจะได้รับการลงโทษที่สาสม!”

“สังคมต้องการพลังบวก ในฐานะดาราที่เป็นบุคคลสาธารณะควรจะทำตัวเป็นแบบอย่าง ไม่ใช่ทำตรงกันข้าม!”

“การให้อภัยและเข้าข้างของพวกแฟนคลับ คือต้นเหตุให้ดาราดังทำผิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า!”

“ต่อยคนก็ต่อยคน ไม่ว่าจะเป็นคนจีน คนญี่ปุ่น หรือคนเกาหลี ก็เป็นการกระทำที่ไม่ควรให้อภัยทั้งสิ้น โดยเฉพาะเรื่องที่เกิดในต่างประเทศ หน้าตาที่เสียไปคือหน้าตาของคนจีนอย่างพวกเรา!”

“ผมแนะนำว่า…”

ในบล็อกนั้น ‘สรรพสิ่งล้วนมีสามอย่าง’ แปลงร่างเป็นผู้พิทักษ์คุณธรรมและกฎหมาย สวมกระทงใบใหญ่ให้ลู่เฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว พูดฉอดๆ แสดงความชอบธรรม

บัญชีวีไอพีนี้มีแฟนคลับในบล็อกล่างฉาวมากกว่าแปดล้านคน โพสต์ของเขาเน้นวิจารณ์เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นหลัก แต่งตั้งตัวเองเป็นนักวิจารณ์สังคม โพสต์บทความที่มอบพลังบวกให้แก่ผู้คนอยู่เสมอ จึงมีผู้สนับสนุนกลุ่มหนึ่งในอินเทอร์เน็ต

โพสต์ของเขาได้รับการสนับสนุนและมีคนเห็นด้วยไม่น้อย ถูกแชร์ต่อเป็นจำนวนมาก ผู้ที่แชร์นั้นก็รวมถึงบัญชีวีไอพีในบล็อกอีกมากมาย ฉะนั้นจึงสร้างโมเมนตัมเบี่ยงเบนได้ไม่น้อย

แต่ชาวเน็ตอีกจำนวนมากและแฟนคลับของลู่เฉินกลับไม่ชอบบทวิจารณ์ใส่ความของเขาเป็นอย่างมากโดยเฉพาะหลังจากที่เผยแพร่ว่าลู่เฉินต่อยคนญี่ปุ่นไปแล้ว ดังนั้นจึงมีคนเข้าไปแสดงความคิดเห็นโจมตีในบล็อกของ‘สรรพสิ่งล้วนมีสามอย่าง’ มากขึ้นเรื่อยๆ

และก็ยังมีชาวเน็ตอีกมากมายที่เข้าไปในบล็อกของลู่เฉิน เพื่อสนับสนุนเขา

ชาวเน็ตพวกนี้ส่วนใหญ่เดิมทีไม่ใช่แฟนคลับของลู่เฉิน ทว่าตอนนี้พวกเขากลายเป็นแฟนคลับของลู่เฉินไปแล้ว

ดังนั้นบนอินเทอร์เน็ตจึงแบ่งออกเป็นสองฝ่ายคือผู้สนับสนุนลู่กับผู้โจมตีลู่ ในบล็อก ฟอรัม และหน้าเว็บต่างๆ มีการทะเลาะและวิจารณ์โต้เถียงกันอย่างดุเดือด เกิดความวุ่นวายโกลาหล

ขณะที่เกิดการวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างฮือฮาในประเทศ ลู่เฉินยังอยู่ที่สถานีตำรวจในเขตการท่องเที่ยวจุดชมวิวทะเลที่เกาะเชจูของเกาหลีอยู่ เพื่อรับการสอบถามจากทางตำรวจเกาหลี

เนื่องจากจำนวนคนที่ร่วมต่อยตีกันมีเยอะมาก และยังเกี่ยวเนื่องกับคนสองประเทศ ทางตำรวจเกาหลีจึงจัดการเรื่องนี้อย่างระมัดระวังเป็นอย่างมาก

ทนายที่ทางเอสพีจีเชิญมารีบรุดมาถึงสถานีตำรวจ เพื่อช่วยตอบคำถามของทางตำรวจเป็นเพื่อนกับลู่เฉิน

ลู่เฉินไม่รู้สึกละอายใจในสิ่งที่ทำลงไป และเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟังอีกหนึ่งรอบ

คนญี่ปุ่นเหล่านั้นได้ฟังแล้วต่างเอะอะโวยวายเสียงดัง มีคนหนึ่งลุกขึ้นพรวดตะโกนเสียงดังใส่ลู่เฉิน สีหน้าบิดเบี้ยวเหมือนกับลู่เฉินเป็นศัตรูที่ฆ่าพ่อของเขา

ล่ามบอกลู่เฉินว่า “เขาบอกว่าอยากจะสู้กับคุณตัวต่อตัวครับ!”

ลู่เฉินจำอีกฝ่ายได้เขาเป็นหนึ่งในบอดี้การ์ดชายชุดสูทที่ถูกลู่เฉินซัดจนล้ม ดังนั้นจึงแค่นหัวเราะพูดอย่างดูถูก “อยากจะสู้กับผมเรอะ เขาจ่ายค่าตัวของผมไหวไหม”

ตอนนี้ค่าออกงานของลู่เฉินเพิ่มเป็นห้าแสนถึงเจ็ดแสนหยวน ค่าพรีเซ็นเตอร์โฆษณาก็เกือบห้าล้าน ส่วนค่าตัวสู้กันตัวต่อตัว ยากที่จะพูดได้จริงๆ…ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องเพิ่มถึงสิบเท่ากระมัง

บอดี้การ์ดญี่ปุ่นคนนั้นเดาว่าเป็นเงินจำนวนน้อย จึงคิดเอาจริงเอาจัง “นายอยากได้ค่าตัวเท่าไร”

เขาใช้สายตาดูถูกมองไปที่ลู่เฉิน

จากนั้นลู่เฉินไม่ต้องตอบเอง คนของเอสพีจีช่วยตอบแทนเขาโดยตรง “ถ้าอยากจะให้คุณลู่เฉินสู้กับคุณ บริษัทของคุณจะต้องเตรียมเงินหนึ่งร้อยล้านเยนครับ!”

หนึ่งร้อยล้านเยน!

สีหน้าของอีกฝ่ายแดงขึ้นทันที เขาไม่เชื่อคำพูดของเอสพีจีเลยด้วยซ้ำ คิดว่าเป็นการดูหมิ่น

คนของเอสพีจีหัวเราะเยาะเย็นชา “คุณลู่เฉินเป็นดาราที่มีชื่อเสียงในประเทศจีน ละครโทรทัศน์ที่เขาเป็นคนเขียนบทและแสดงนำนั้น ไม่เพียงแต่สร้างสถิติเรตติ้งในประเทศจีน แต่ยังประสบความสำเร็จมากที่ประเทศเกาหลีของพวกเราอีกด้วย ถ้าจ่ายหนึ่งร้อยล้านเยนไม่ได้ คุณจะมีสิทธิ์อะไรให้เขาลงมือ”

คนจีนไม่ชอบคนญี่ปุ่น คนเกาหลีก็ไม่ชอบคนญี่ปุ่นเหมือนกัน ดังนั้นโอกาสแบบนี้ ตัวแทนของเอสพีจีจึงไม่ถือสาที่จะพูดจาเย้ยหยันอีกฝ่ายอย่างรุนแรงสักสองสามประโยค ให้พวกเขาได้รู้ว่าตัวเองน่าตลกแค่ไหน!

หนึ่งร้อยล้านเยนเท่ากับหกล้านห้าแสนหยวน อยากจะให้ลู่เฉินสู้ตัวต่อตัวถือว่าไม่เยอะเลย

คนญี่ปุ่นแม้แต่ฝันก็คาดไม่ถึงว่า ลู่เฉินจะเป็นศิลปินดาราคนหนึ่ง อยากจะตอบโต้แต่ก็พูดไม่ออก ความหยิ่งผยองถูกกดทับลงไปทันที

และในตอนนี้ ตำรวจเกาหลีคนหนึ่งก็เข้ามาในห้องประชุม พร้อมกับนำคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กเครื่องหนึ่งมาด้วย

เขาพูดกับหัวหน้าตำรวจที่รับผิดชอบไกล่เกลี่ยเบาๆ แล้วจึงเปิดโน้ตบุ๊กให้อีกฝ่ายดู

เจ้าหน้าที่ตำรวจดูอยู่นานสี่ห้านาทีเต็ม จากนั้นเขาจึงหันโน้ตบุ๊กเครื่องนี้แล้วผลักไปอยู่ตรงหน้าทนายของคนญี่ปุ่น เพื่อให้คนหลังได้ดูคลิปวิดีโออันหนึ่ง

เมื่อดูคลิปจบแล้ว คนญี่ปุ่นพวกนั้นหน้าหงอยไปเลย!

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar