ตอนที่ 389 ปล่อยม้ามาเลย
หูหยางอายุ 22 ปี เป็นดาราไอดอลแห่งวงการบันเทิงที่กำลังมาแรงมากที่สุดในตอนนี้คนหนึ่ง
กว่าครึ่งปีก่อนเขายังเป็นเพียงนักแสดงที่เซ็นสัญญากับบริษัทเอเจนซี่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่อยู่ภายใต้กานเต๋อบราเธอร์สพิคเจอร์ส เพราะรับบทหานไท่ซีซึ่งเป็นบทพระรองในละครเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ จนโด่งดังอย่างรวดเร็ว ทำให้เขาได้แฟนคลับมากลุ่มใหญ่
หูหยางโชคดีมากอย่างไม่ต้องสงสัย และยังเป็นคนฉลาดมากเล่ห์ หลังจากโด่งดังแล้วได้ฟ้องร้องยกเลิกสัญญากับบริษัทต้นสังกัดเดิม แล้วไปซบอกบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงอันยิ่งใหญ่ ได้รับการสนับสนุนผลักดันจากบริษัทใหม่อย่างเต็มที่
ตามหลักแล้วลู่เฉินเป็นผู้มีพระคุณต่อหูหยาง ถ้าไม่ได้ลู่เฉิน หูหยางไม่มีทางได้รับบทหานไท่ซี ซึ่งเป็นบทบาทสำคัญที่ทำให้เขาโด่งดังภายในชั่วข้ามคืนแบบนี้
ระหว่างการถ่ายทำเรื่อง ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ ลู่เฉินให้คำแนะนำมากมายแก่หูหยาง หูหยางเองก็เคารพนบนอบต่อลู่เฉิน เรียกพี่เฉินอย่างนั้นพี่เฉินอย่างนี้อยู่ตลอดเวลา คนที่ไม่รู้ยังคิดว่าทั้งสองคนสนิทกันมาก
แต่ในวงการบันเทิงที่เห็นแก่ผลประโยชน์มาก่อน บุญคุณอะไรก็ตามมักถูกทิ้งขว้างไปเสีย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อลู่เฉินปฏิเสธไม่ให้บทในละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ แก่หูหยาง ฝ่ายหลังก็ชังน้ำหน้าลู่เฉินไปเลย
เขากลับไม่เคยคิดบ้างเลยว่า จินหงเหว่ยผู้บริหารบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงที่เป็นต้นสังกัดของตนนั้น มีความบาดหมางกับลู่เฉินมาก่อน นอกเสียจากลู่เฉินจะสมองพังไปแล้ว ไม่อย่างนั้นจะร่วมงานกับหูหยางอีกทำไม
วัยรุ่นหยิ่งผยองลืมตนง่าย ถ้าบอกว่าก่อนที่หูหยางจะดังเขานั้นอ่อนน้อมถ่อมตน ระมัดระวังตัว เช่นนั้นหูหยางในตอนนี้ก็ปีกกล้าขาแข็งแล้วถึงเผยอีกด้านที่ก้าวร้าวออกมา
เขาท้าทายลู่เฉิน แน่นอนว่าต้องมีคนวางแผนการอยู่เบื้องหลังด้วยหวังจะสร้างกระแส และก็เกิดจากนิสัยของเขาเองด้วย
หูหยางอยากจะพิสูจน์ตัวเองว่า ตัวเขาสามารถเล่นเป็นพระเอกได้ สามารถสลัดเงาของลู่เฉินให้หลุดออกไป
ขณะเดียวกันก็เพื่อโปรโมตละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ ที่จะออกอากาศช่วงปิดเทอมฤดูร้อนด้วย
ความจริงการจงใจสร้างความขัดแย้งและสร้างประเด็นนี้เช่นนี้เป็นวิธีทางการตลาด เห็นได้บ่อยในวงการบันเทิง ส่วนจะสร้างเป็นกระแสขึ้นมาได้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับพลังและความสามารถของบุคคลที่ผลักดันอยู่เบื้องหลัง และประเด็นนั้นดึงดูดความสนใจของคนได้หรือไม่
แล้วคนที่คอยผลักดันหูหยางอยู่เบื้องหลังคือใครกัน สื่อทั้งหลายรู้ดีอยู่แก่ใจ สถานีโทรทัศน์เซียงหนานกับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิงเป็นพวกลูกไม้แพรวพราวมาแต่ไหนแต่ไร ทักษะการสร้างประเด็นเพื่อดันดาราของพวกเขาถือเป็นอันดับหนึ่งของประเทศ มีตัวอย่างที่ประสบผลสำเร็จมาแล้วมากมาย
สถานีโทรทัศน์เซียงหนานกับลู่เฉินมีความแค้นต่อกันมาก่อน ลู่เฉินเคยตบหน้าสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมาแล้วไม่ใช่แค่ครั้งเดียว!
หน้าตาของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมีหรือจะยอมให้ตบได้ง่ายๆ?
พวกเขาไม่ใช่เจ้าโง่ปัญญาอ่อนที่จะออกรบมือเปล่า หูหยางเป็นดาบอันคมกริบเล่มหนึ่งอย่างไม่ต้องสงสัย!
เพียงแค่ละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ เอาชนะละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ได้ในช่วงฤดูร้อนนี้ ก็กอบกู้ชัยชนะและหน้าตาของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานกลับมาได้แล้ว เพียงพอที่จะโจมตีลู่เฉินอย่างหนักหน่วง
ส่วนสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งที่อยู่เบื้องหลังลู่เฉิน…ก็เป็นคู่ปรับกับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเช่นกัน
ตลาดภาพยนตร์และละครโทรทัศน์ในช่วงฤดูร้อนเป็นเหมือนสมรภูมิรบ ที่ผู้ชนะมีเพียงน้อยนิด
เพราะมีเรื่องผลประโยชน์พัวพันซับซ้อน ดังนั้นเรื่องที่หูหยางท้าทายลู่เฉินผ่านละคร ‘ห้วงทะเลแห่งรัก’ จึงถูกสื่อต่างๆ นำไปปลุกปั่นจนเป็นกระแสดัง นับว่าเป็นการอุ่นเครื่องล่วงหน้าให้กับละครโทรทัศน์ในช่วงฤดูร้อน
กอปรกับบริษัทผลิตภาพยนตร์โทรทัศน์และสถานีโทรทัศน์อื่นที่อยากจะได้ส่วนแบ่งตลาดในช่วงฤดูร้อน ก็อาศัยโอกาสนี้กวนน้ำจับปลา ทำให้ข่าวลือต่างๆ ยิ่งแพร่สะพัด
วันที่ 2 กรกฎาคม ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์กลับมาถึงเมืองหลวง
ทั้งสองคนถูกนักข่าวบันเทิงมากมายที่ไม่รู้ไปได้ข่าวมาจากไหนพากันมารุมล้อมพวกเขาตั้งแต่ที่ทางออกสถานีรถไฟความเร็วสูง
ละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ยังไม่ปิดกล้อง แต่การถ่ายทำของทั้งสองคนส่วนใหญ่เสร็จสิ้นลงแล้ว เหลือแค่เก็บตกหน้ากล้องอีกเพียงเล็กน้อย กระบวนการหลังการผลิต เช่น ใส่เสียงประกอบ ใส่ดนตรีประกอบ เป็นต้น ก็ได้เริ่มขึ้นแล้ว
กลับมาเมืองหลวงครั้งนี้ หลักๆ เพราะลู่เฉินต้องมาเข้าร่วมงานพิธีสำคัญงานหนึ่ง
“คุณลู่เฉินคะ ฉันเป็นนักข่าวจากอี้หว่างเอนเตอร์เทนเมนต์ ขอถามคำถามคุณหน่อยได้ไหมคะ”
“ขอถามว่าคุณมีความคิดเห็นยังไงคะกับที่หูหยางบอกว่าจะเอาชนะคุณให้ได้”
“เมื่อวานผู้จัดการส่วนตัวของหูหยางได้เปิดเผยว่าตอนที่หูหยางถ่ายทำละคร ‘รักนี้ชั่วนิรันดร์’ เคยได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรม เป็นเรื่องจริงไหมคะ”
“คุณลู่เฉินคะ ขอถามว่าได้คาดการณ์เรตติ้งละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ เอาไว้ที่เท่าไรคะ”
“เฉินเฟยเอ๋อร์ คุณเฉินเฟยเอ๋อร์คะ…”
นักข่าวที่ปรากฏตัวหน้าสถานีมีเกินสิบคน มาจากช่องอี้หว่าง นิตยสารเอนเตอร์เทนเมนต์วีกลี หนังสือพิมพ์นิวซิตี้ เป็นต้น ยังมีช่างภาพถ่ายภาพถ่ายวิดีโอวุ่นวายไปหมด ทำให้ผู้คนรอบข้างจับตามอง
ถ้าไม่มีผู้ช่วยคอยคุ้มกัน และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเข้ามากันฝูงชนออกไปอย่างทันท่วงที ทั้งสองคนคงเดินทางได้ยาก
เฉินเฟยเอ๋อร์กดเสียงต่ำ “ไม่ต้องสนใจพวกเขา”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar