ตอนที่ 481 สนับสนุน – ตอนที่ต้องอ่านของ (นิยายแปล) Perfect Superstar
ตอนนี้ของ (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญของนิยายSlice of Lifeทั้งเรื่อง ด้วยบทสนทนาทรงพลัง ความสัมพันธ์ของตัวละครที่พัฒนา และเหตุการณ์ที่เปลี่ยนโทนเรื่องอย่างสิ้นเชิง ตอนที่ 481 สนับสนุน จะทำให้คุณอยากอ่านต่อทันที
ตอนที่ 481 สนับสนุน
นักข่าวบันเทิงของฮ่องกงเป็นตัวตนที่วงการบันเทิงทั้งรักทั้งเกลียด พวกเขาสามารถเชิดชูศิลปินคนหนึ่งให้สูงเทียมฟ้า และสามารถดึงให้ตกลงมาจากฟ้าได้เหมือนกัน ดาราฮ่องกงจำนวนไม่น้อยล้วนมีความรู้สึกหวาดกลัวนักข่าวบันเทิง
ในฮ่องกง จะรับมือกับนักข่าวบันเทิงอย่างไร เป็นวิชาบังคับที่ศิลปินหน้าใหม่ทุกคนต้องเรียนรู้ ถ้าหากเรียนวิชานี้ไม่ผ่าน เช่นนั้นช้าเร็วก็จะต้องลำบาก และตัวอย่างมากมายในอดีตก็คือหลักฐาน
พิธีเปิดกล้อง ‘โปเยโปโลเย’ เพิ่งจะจบลง ลู่เฉินก็ถูกนักข่าวบันเทิงที่ไม่ได้รับเชิญห้อมล้อมเข้ามาหาเรื่อง ใช้ความเจ้าเล่ห์กลับกลอกถามแต่ละคำถาม กระทั่งบางคำถามก็เป็นคำถามที่แรงมาก
นี่จึงเป็นสิ่งที่ทุกคนรู้สึกวิตกกังวล เพราะลู่เฉินเป็นดาราดังมาจากประเทศจีน เขาเพิ่งเดบิวต์ไม่นาน จึงไม่มีประสบการณ์ต่อเหตุการณ์เช่นนี้ ถ้าหากความเลือดร้อนปะทุออกมา อย่างนั้นผลเสียที่ตามมาก็ยากจะคาดเดา
ด้วยความร้ายกาจของนักข่าวฮ่องกง เรื่องเล็กๆ เรื่องเดียวสามารถปั่นกระแสให้ใหญ่ขึ้นเป็นสิบเท่าได้ ล้วนรับมือยากทั้งนั้น!
เฉินเหวินเฉียงเห็นท่าไม่ดี จึงรีบส่งสายตาเป็นสัญญาณให้วั่นเสี่ยวเฉวียน เตรียมจะเดินไปข้างหน้าเพื่อปกป้องลู่เฉิน แยกเขาออกจากพวกนักข่าว หลีกเลี่ยงไม่ให้ลู่เฉินพูดอะไรผิด
แต่ลู่เฉินไม่มีความลนลานแม้แต่นิดเดียว กระทั่งได้ยินคำถามที่รุนแรงอย่างชัดเจน สีหน้าของเขาก็ยังคงมีรอยยิ้มจางๆ สงบนิ่งไม่สะทกสะท้านอย่างเห็นได้ชัด
สองสามวันก่อนที่สนามบินฮ่องกง ลู่เฉินได้เห็นฉากประเภทนี้แล้ว จึงพอมีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับปาปารัสซี่เหล่านี้ผ่านประสบการณ์ตรง
เขาครุ่นคิดพักหนึ่ง แล้วยิ้มพูดกับไมค์ว่า “ในพจนานุกรมของผมไม่มีคำว่าล้มเหลวสองคำนี้ ผมเชื่อว่าภาพยนตร์‘โปเยโปโลเย’ เรื่องนี้จะต้องประสบความสำเร็จแน่นอน ส่วนมันจะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบภาพยนตร์ของฮ่องกงได้หรือไม่ ผมไม่กล้าพูดโอ้อวดครับ”
“ก็เหมือนที่ผมได้พูดไว้ในรายการ ‘สนทนาสามบันเทิง’ ผมอยากเป็นปลาดุกตัวหนึ่ง ปลาดุกไม่ใช่จระเข้ ผมจึงไม่ได้มีกระเพาะที่ใหญ่ขนาดนั้นครับ”
“ส่วนเรื่องคุณภาพของภาพยนตร์ อย่างนั้นผมขอเรียนเชิญนักข่าวทุกท่านไปชมและวิจารณ์ที่โรงภาพยนตร์ด้วยนะครับ ทุกคนสามารถทิ้งช่องทางติดต่อเอาไว้ได้ แล้วสตูดิโอของพวกเราจะส่งตั๋วฟรีกับของกำนัลรอบปฐมทัศน์ไปให้ครับ”
คำตอบของลู่เฉินเรียกได้ว่าสามารถคลี่คลายสถานการณ์และโจมตีอีกฝ่ายได้ในเวลาเดียวกัน หลบกับดักคำถามของนักข่าวได้อย่างชาญฉลาด แต่ก็ยังโชว์ความมั่นใจของตนเอง และยังไม่ลืมที่จะมอบขนมหวานให้อีกด้วย
ไม่ว่าจะเป็นเฉินเหวินเฉียงหรือว่าโจวอี้ ก้อนหินใหญ่ที่ยกขึ้นมาในใจพลันร่วงลงไปทันที
หลายครั้งด้วยความเป็นหนุ่มของลู่เฉินจึงรู้สึกไม่ไว้วางใจนัก แต่ความเป็นจริงเขาไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง!
ในพจนานุกรมของผมไม่มีคำว่าล้มเหลวสองคำนี้!
ประโยคนี้พูดได้อย่างทะนงตัวมาก นักข่าวบันเทิงสองสามคนได้ยินแล้วตาเป็นประกาย ดูเหมือนจะจับประเด็นสำคัญอะไรได้ แล้วหนึ่งคนในนั้นก็รีบถามอย่างอดใจไม่ไหว “ได้ยินว่าเงินลงทุน ‘โปเยโปโลเย’ มีถึงสามสิบล้าน ถึงแม้จะไม่นับว่าเป็นการผลิตขนาดใหญ่ระดับชั้นนำ แต่ก็ถือว่าสูงมาก”
“ในเมื่อเงินลงทุนเยอะขนาดนี้ แล้วทำไมในภาพยนตร์เรื่องนี้ถึงไม่เห็นดาราดังเลยครับ หรือว่าเชิญมาไม่ได้ หรือว่าค่าจ้างอยู่ที่ตัวคุณหมดแล้ว หรือว่าเงินสามสิบล้านเป็นเรื่องโม้ครับ”
ก่อนจะจัดพิธีเปิดกล้อง สตูดิโอลู่เฉินเซียงเจียงฟิล์มแอนด์ทีวีกับเจียหยางพิคเจอร์สได้ประกาศข้อมูลที่เกี่ยวข้องของภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ ลงบล็อกของตน หนึ่งในนั้นรวมถึงเงินลงทุนและทีมนักแสดง
นักข่าวคนนี้ซักถามลู่เฉินไปที่เงินลงทุนสามสิบล้าน เค้นถามเอาฉอดๆ
ลู่เฉินมองอีกฝ่ายด้วยสายตาลึกซึ้งแล้วถามว่า “ไม่ทราบว่าคุณเป็นนักข่าวจากสื่อสำนักไหนครับ”
อีกฝ่ายรีบตอบอย่างภูมิใจ “ผมเป็นนักข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันโปโลครับ”
หนังสือพิมพ์รายวันโปโลเหรอ
ลู่เฉินพอจะจำหนังสือพิมพ์ฮ่องกงสำนักนี้ได้ เขายิ้มจางๆ แล้วเอ่ยว่า “อย่างแรก การถ่ายทำ ‘โปเยโปโลเย’ ตัวผมไม่ได้รับค่าจ้าง ดังนั้นจึงไม่มีปัญหาเรื่องเอางบประมาณมาจ่ายลงบนตัวของผมครับ”
แต่หลังจากที่ฉายานี้แพร่ออกไป อาชีพการแสดงส่วนใหญ่ของหม่าหรงเจินแทบถูกทำลาย ไม่มีใครจ้างเขาไปแสดงอีก ทำให้สถานการณ์ของเขาแย่หนัก จึงต้องไปทำงานเป็นตัวประกอบที่โรงถ่ายไลออนร็อกเพื่อหาเลี้ยงชีพ
ตบคนอย่าตบที่ใบหน้า นักข่าวของหนังสือพิมพ์รายวันโปโลคนนี้สะกิดแผลของหม่าหรงเจินต่อหน้าคนมากมายทำให้หม่าหรงเจินหน้าแดงขึ้นมาทันที
เขาอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่นด้วยความโกรธจัด จนนิ้วมือและข้อต่อผิวหนังเห็นเป็นสีขาว แต่กลับต้องก้มหน้า
เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ไม่ว่าจะตอบโต้หรือโจมตีกลับ ก็จะตกหลุมพรางของอีกฝ่าย
หม่าหรงเจินไม่อยากเสียโอกาสอันมีค่านี้ เขาจึงได้แต่ทนรับการดูถูกเหยียดหยามอยู่เงียบๆ
ลู่เฉินสังเกตเห็นสีหน้าของหม่าหรงเจิน นัยน์ตาของเขาฉายแววตาคมปลาบที่ยากจะสังเกตเห็นแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยพูดทันทีว่า “ผมไม่เคยได้ยินยาพิษตั๋วหนังอะไร ในสายตาของผม มีเพียงนักแสดงที่ดีกับนักแสดงที่แย่เท่านั้นครับ และหม่าหรงเจินก็คือนักแสดงมืออาชีพที่สุดยอดคนหนึ่ง!”
“ผมเชื่อว่า เขาจะแสดงบทบาทสำคัญอย่างเยียนชื่อเสียได้อย่างดีเยี่ยม นี่คือเหตุผลที่ผมเลือกเขาครับ!”
ลู่เฉินพูดสองสามประโยคได้ทรงพลังมาก เป็นความแน่วแน่ที่ไม่สั่นคลอน เป็นกำลังใจสนับสนุนหม่าหรงเจินจริงๆ
และยังตอกกลับนักข่าวที่คิดประสงค์ร้ายได้อย่างยอดเยี่ยม!
หม่าหรงเจินจึงยืดเอวตรง เงยหน้าขึ้นมาอีกครั้ง
วินาทีนี้ ในใจของเขารู้สึกซาบซึ้งกับคำว่า ‘นักรบยอมตายได้เพื่อเพื่อนที่รู้ใจ’!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar