ตอนที่ 484 เจรจาล้มเหลว
สมาชิกกองถ่ายภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ มีเกือบหนึ่งร้อยคน ถ้าหากเพิ่มนักแสดงประกอบที่จ้างชั่วคราว ก็เกินหนึ่งร้อยคนพอดี
ต่อให้คำนวณจากจำนวนหนึ่งร้อยคน หนึ่งวันสองมื้อก็ต้องมีข้าวกล่องทั้งหมดสองร้อยกล่อง ราคาเดิมคือสามสิบหยวนต่อหนึ่งกล่อง เงินค่าข้าวของทุกวันต้องเบิกจ่ายหกพันหยวน ตอนนี้เพิ่มราคาเป็นห้าสิบห้าหยวน นั่นก็คือหนึ่งหมื่นหนึ่งพันหยวน ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมอีกสี่พันห้าร้อยหยวน
สถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้ โดยทั่วไปแล้วจะยึดโรงถ่ายไลออนร็อกเป็นหลัก หากไม่ออกไปถ่ายทำข้างนอก กองถ่ายก็ต้องอยู่ที่นี่อย่างน้อยหนึ่งเดือนกว่า นั่นหมายความว่าจำเป็นต้องควักเงินเพิ่มหนึ่งแสนกว่าๆ ถึงสองแสนหยวน!
ร้านอาหารหงหวาร้ายไม่เบาทีเดียว ควรทราบว่าหากยึดตามราคาข้าวกล่องของเมื่อวาน หากอยู่ในประเทศจีนมากสุดก็ราคาสิบห้าหยวน แถมยังลดราคาได้อีกเยอะ ปกติพวกเขาก็ได้กำไรมากอยู่แล้ว
ราคาสินค้าในฮ่องกงเพิ่มสูงขึ้น แต่ก็ไม่น่าสูงถึงระดับนี้
วั่นเสี่ยวเฉวียนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทนฟังไม่ไหวแล้ว “พวกคุณกำลัง…”
ลู่เฉินไม่เปลี่ยนสีหน้า พยักหน้าแล้วเอ่ยว่า “ถ้าหากรับรองว่าจะรักษาคุณภาพของอาหาร ราคาห้าสิบห้าหยวนพวกเรารับได้ครับ แต่ข้าวกล่องมื้อกลางวันของวันนี้พวกเราจะไม่จ่ายเงิน”
ผู้จัดการเจี่ยงคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะพูดง่ายขนาดนี้ ตัวเองเอ่ยปากอยากได้กำไรคำโต แต่ลู่เฉินก็ยังรับปากอย่างง่ายดาย
ด้วยความเจ้าเล่ห์ของเขาแล้ว จึงอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง “จริงเหรอครับ”
ลู่เฉินเคาะนิ้วบนโต๊ะ แล้วเอ่ยอย่างราบเรียบ “ผมไม่ล้อเล่นครับ”
“ถ้า…ถ้างั้นก็ดี!”
ผู้จัดการเจี่ยงเผยรอยยิ้มได้ใจออกมา นัยน์ตาของเขาเผยแววตาแห่งความโลภออกมาแวบหนึ่ง แล้วกล่าวต่อว่า“นอกจากนี้ ค่าข้าวก็ส่วนค่าข้าว แต่ค่าส่งอาหารต้องเพิ่มเงินอีกครับ”
หงหวาบ้าไปแล้วหรือเปล่า
คราวนี้เฉินเหวินเฉียงก็เผยสีหน้าโกรธเคืองออกมา “ผู้จัดการเจี่ยง แบบนี้ไม่ถูกหลักหรือเปล่าครับ”
สมาคมก็มีกฎของสมาคม โดยเฉพาะสมาคมที่ล้างมือขาวสะอาดแล้ว ต่อให้ต้องระรานข่มเหงรังแกคนสายอาชีพเดียวกันเพื่อดำรงชีวิต ก็ต้องทำตามกฎ ไม่อย่างนั้นหากกระตุ้นให้ทุกคนโกรธคนที่ซวยก็คือตัวของพวกเขาเอง
ผู้จัดการเจี่ยงเอ่ยปากก็อยากได้กำไรเยอะ เพิ่มราคาข้าวกล่องเกือบหนึ่งเท่าตัว ลู่เฉินก็ยังตกลง ตอนนี้อยากจะคิดค่าส่งอาหารเพิ่มอีก นี่มันเป็นการหลอกลวงและรีดไถกันชัดๆ
กลิ่นแบบนี้ถือว่าไม่ถูกแล้ว!
ผู้จัดการเจี่ยงเหลือบตามองเฉินเหวินเฉียงด้วยแววตาที่มีความหมายลึกซึ้ง แล้วเอ่ยว่า “พี่เฉียง มนุษย์เราเป็นคนตั้งกฎขึ้นมา พี่อยู่ในวงการนี้ยังไม่เข้าใจเหรอ ตอนนี้บริษัทของพวกเรามีกฎแบบนี้ครับ”
เขามองลู่เฉิน เหมือนกับกำลังมองแกะตัวอวบอ้วนตัวหนึ่ง “คุณลู่ คุณเป็นซูเปอร์สตาร์โชคดีมีรายได้ทุกวัน มาถ่ายภาพยนตร์ที่ฮ่องกงคงได้กำไรเป็นกอบเป็นกำอยู่แล้ว ต้องมีเงินจ่ายพวกเราที่ทำงานลำบากอยู่แล้วใช่ไหมครับ”
“เหอะๆ…”
ลู่เฉินหัวเราะ แต่นัยน์ตาของเขากลับไม่มีรอยยิ้มเลยสักนิด
“ผมไม่ชอบเรื่องยุ่งยาก ถ้าหากสามารถใช้เงินแก้ปัญหาได้ ผมก็ไม่ถือสาที่จะจ่ายเงินเล็กน้อยเพื่อหลีกเลี่ยงหายนะครับ”
“แต่ไม่ได้หมายความว่าผมจะกลัวความยุ่งยากนะครับ ในเมื่อบริษัทของคุณไม่มีความจริงใจที่จะร่วมงานกันอย่างนั้นวันหลังก็ไม่ต้องเอาข้าวกล่องมาส่งแล้วครับ ผมไม่เชื่อว่าคนในกองถ่ายของพวกเราจะไม่ได้กินข้าวเพราะเรื่องนี้”
พูดตามจริง ตอนแรกที่ลู่เฉินเลือกมาเริ่มต้นธุรกิจภาพยนตร์ของตัวเองที่ฮ่องกง เหตุผลสำคัญที่สุดคือรัฐบาลฮ่องกงออกนโยบายใหม่สนับสนุนภาพยนตร์ จึงอยากอาศัยนโยบายนี้ เพื่อให้เขาเข้าสู่ตลาดภาพยนตร์ได้อย่างง่ายดาย และยังสามารถตั้งตัวในฮ่องกง แล้วแผ่ขยายไปยังไต้หวัน มาเก๊า และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ง่าย ข้อดีหลายอย่างไม่ต้องพูดก็เห็นชัดเจน
ทว่าการเดินทางลัดมักไม่ง่ายเสมอ ตอนนั้นลู่เฉินไม่ได้พิจารณาถึงสมาคมนักเลงในฮ่องกงเข้าไปด้วย เพราะการถ่ายทำภายพยนตร์หรือละครโทรทัศน์ในประเทศจีนโดยพื้นฐานแล้วไม่มีปัญหาแบบนี้เลย
ดังคำกล่าวว่ามังกรก็ไม่อาจสยบงูเจ้าถิ่นได้ ลู่เฉินยังไม่นับว่าเป็นมังกรที่แข็งแกร่ง ดังนั้นเขายอมที่จะใช้เงินแลกความสงบ ขอเพียงถ่ายทำภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ อย่างราบรื่นและออกฉายได้สำเร็จ จ่ายเงินไปเท่าไรก็จะได้กำไรคืนกลับมาอีกเท่าตัว
แต่ความโลภและความไร้ยางอายของอีกฝ่ายเกินความคาดหมายของลู่เฉินยิ่งนัก ได้คืบจะเอาศอกเพื่อตอบสนองความต้องการของตน ดังนั้นควาอดทนของเขาจึงมลายหายไปจนหมดสิ้น!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar