อ่านสรุป ตอนที่ 51 ซื้อโน้ตบุ๊ก จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 51 ซื้อโน้ตบุ๊ก คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 51 ซื้อโน้ตบุ๊ก
จั่วซินเถียนสวยน่ารักสมชื่อ
โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้มจะเอียงศีรษะไปทางขวาเล็กน้อย จากนั้นก็เผยลักยิ้มทั้งสองข้างออกมา ใครที่ได้เห็นแล้วก็อยากจะเอานิ้วเข้าไปแหย่เล่นเสียจริง
เธอยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์เล็กน้อย อาจเป็นเพราะอยากจะเห็นสีหน้าที่ผิดหวังของลู่เฉินในเวลานี้
แต่เธอคิดมากไปแล้ว
“พี่ไม่ได้ผิดหวังแต่ดีใจมากกว่า มีเธอสองคนไปด้วย เป็นเกียรติของพี่ต่างหาก!”
ลู่เฉินไม่ใช่เด็กที่เพิ่งเข้าสังคม ตอนที่เขาเรียนอยู่ที่มหาวิทยาลัยเจียงไห่ก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงเรื่องความเจ้าชู้เหมือนกัน มีหรือจะตกใจกับการหยอกเย้าของจั่วซินเถียน
เขายิ้มพูด “คนอื่นกำลังอิจฉาพี่อยู่เชียว!”
ลู่เฉินก็พูดถูก หน้าประตูใหญ่ของมหาวิทยาลัยครูปักกิ่ง มีคนให้ความสนใจเขากับเยี่ยจื่อถงและจั่วซินเถียนสองคนอยู่ สายตาที่มองมาทางนี้เต็มไปด้วยความสงสัยและอิจฉา
เยี่ยจื่อถงรูปร่างดีหน้าตาสวย จั่วซินเถียนหน้าตายิ้มแย้มน่ารักกระจุ๋มกระจิ๋ม และลู่เฉินก็รูปร่างสูงหน้าตาหล่อเหลา การรวมตัวของทั้งสามคนไม่ว่าไปที่ไหนจึงกลายเป็นจุดสนใจได้ง่ายมาก
เยี่ยจื่อถงสังเกตได้ถึงสายตาของคนอื่น จึงผลักเพื่อนรักของตัวเองอย่างเขินอาย
“เถียนเถียน พวกเราไปกันเถอะ”
จั่วซินเถียนคล้องแขนของเธอหัวเราะคิกคัก แล้วพูดว่า
“เยี่ยจื่อ เธอคงไม่รังเกียจที่ฉันเป็นก้างขวางคอของเธอใช่ไหม”
ใบหน้าเรียวเล็กของเยี่ยจื่อถงแดงระเรื่อ แล้วพูดด้วยความโกรธว่า
“เธอพูดมั่วอะไรกัน ฉันให้รุ่นพี่ไปซื้อโน้ตบุ๊กเป็นเพื่อนฉันเฉยๆ เธอคิดว่าเป็นอะไรล่ะ”
จั่วซินเถียนกะพริบตาไปที่ลู่เฉินและหัวเราะคิกคัก
ลู่เฉินร้องไห้ก็ไม่ได้หัวเราะก็ไม่ออก ทำเหมือนกับว่าเขาสองคนกำลังออกเดตกันอย่างไรอย่างนั้น
“โอเคๆ ไม่ล้อเล่นแล้ว!”
จั่วซินเถียนพลางพูด “เยี่ยจื่ออยากซื้อโน้ตบุ๊ก ฉันเองก็อยากเปลี่ยนชุดคีย์บอร์ดเหมือนกัน รุ่นพี่จะพาพวกเราไปดูที่ไหนคะ”
ลู่เฉินคิดแล้วพูดว่า “พวกเราไปที่ไห่วานไซเบอร์ซิตี้กันดีกว่า ที่นั่นดูน่าเชื่อถือหน่อย”
ตอนที่ลู่เฉินเพิ่งมาถึงเมืองหลวง สถานที่ทำงานของเขาก็คือร้านแห่งหนึ่งในไซเบอร์ซิตี้ ถึงแม้จะทำงานที่นั่นไม่นานมาก แต่ก็พอรู้อะไรไม่น้อย ดังนั้นร้านขายคอมพิวเตอร์ที่มีชื่อเสียงสองสามร้านเขาจึงพอรู้อยู่บ้าง
“ไห่วานไซเบอร์ซิตี้”
จั่วซินเถียนพูด “ฉันเคยไป ขึ้นรถไฟฟ้าสายสามนั่งเจ็ดสถานีก็ถึงแล้ว!”
เยี่ยจื่อถงพยักหน้าแล้วพูดว่า
“อืม ฉันเอาบัตรโดยสารมาแล้ว นั่งรถไฟใต้ดินรถก็ไม่ติดด้วย”
เดิมทีลู่เฉินอยากจะเรียกรถแท็กซี่ที่อยู่แถวนั้น แต่ได้ยินพวกเธอพูดว่าจะนั่งรถไฟใต้ดิน ดังนั้นเขาจึงต้องไหลไปตามน้ำ
ทางเข้าสถานีรถไฟใต้ดินก็อยู่ใกล้มหาวิทยาลัยครูปักกิ่งมาก ทั้งสามคนเดินข้ามสะพานลอยตรงสี่แยก แล้วเดินอีกหน่อยก็ถึงแล้ว
ทุกคนรูดบัตรโดยสาร และขึ้นรถไฟใต้ดินในไม่ช้า
ตอนบ่ายของวันศุกร์ แม้ว่าจะไม่ใช่ช่วงเวลาเร่งรีบของการเลิกงาน แต่รถไฟฟ้าสายที่สามก็เป็นสายที่คึกคักตลอด เวลา ดังนั้นภายในขบวนรถจึงมีผู้คนเบียดเสียดเกือบทั้งหมด
ผู้หญิงสวยสองคนเดินขึ้นรถ จึงเป็นที่ดึงดูดสายตาของทุกคนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
ลู่เฉินพาพวกเธอเบียดเข้าไปอยู่ตรงมุมหนึ่งของขบวนรถด้วยสีหน้านิ่งเฉย
เขาใช้ข้อได้เปรียบเรื่องตัวสูงและแขนที่ยาวของตัวเอง มือซ้ายจับเสาที่อยู่ทางซ้าย มือขวาจับห่วงใส่มือด้านบน เป็นการอ้าแขนปกป้องทั้งสองคนให้อยู่ในอ้อมแขนพอดี เพื่อกั้นสายตาที่ไม่ประสงค์ดีพวกนั้น
จั่วซินเถียนดึงมือของเยี่ยจื่อถง แล้วพูดกระซิบข้างหูของเธอ
“รุ่นพี่แมนมาก!”
เยี่ยจื่อถงกับลู่เฉินอยู่ใกล้กันมาก และก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะคนในขบวนรถมากเกินไปจนร้อนหรืออย่างไร ใบหน้าของเธอแดงระเรื่อ พอได้ยินคำพูดกระซิบกระซาบของจั่วซินเถียนใบหน้าของเธอก็ยิ่งแดงเข้าไปอีก
ขบวนรถกำลังเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ความเร็วและการสั่นสะเทือนเกิดขึ้นบ่อยครั้ง ร่างกายของผู้หญิงทั้งสองคนกับลู่เฉินจึงสัมผัสกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ลู่เฉินพยายามนิ่งไม่ขยับตัว เพื่อไม่อยากให้พวกเธอเข้าใจผิดว่าตัวเองแอบแต๊ะอั๋ง
แต่เสื้อผ้าในฤดูร้อนที่ทุกคนสวมใส่ค่อนข้างบาง เวลาที่สัมผัสตัวกันจึงรู้สึกถึงความอ่อนนุ่มและแข็งแรงกำยำของกันและกันได้ชัดเจน เยี่ยจื่อถงก้มหน้าไม่กล้ามองลู่เฉิน แม้แต่จั่วซินเถียนก็ไม่พูดไม่จา
ลู่เฉินได้กลิ่นหอมชวนหลงใหลของสาวๆ จึงพยายามควบคุมความคิดเคลิบเคลิ้มที่เกิดขึ้นในใจอย่างมีสติ
โชคดีที่สถานีที่เจ็ดไม่ไกลมาก ความ ‘ทรมาน’ ของลู่เฉินจึงไม่ต้องใช้เวลานานเกินไป
เมื่อออกมาจากสถานีที่เจ็ด ตรงข้ามก็คือไห่วานไซเบอร์ซิตี้
ลู่เฉินเพิ่งจะพาพวกเธอเดินเข้าไป คนกลุ่มหนึ่งก็กรูกันเข้ามาและโอบล้อมเอาไว้
หรือจะพูดอย่างจริงจังก็คือ เป็นเพราะความเสื่อมโทรมของร้านค้ามากมายในห้างสรรพสินค้า จะโทษการซื้อขายออนไลน์ไม่ได้ทั้งหมด อย่างเช่นร้านขายคอมพิวเตอร์ในปักกิ่งก็มีชื่อเสียงเรื่องความวุ่นวายไม่เป็นระเบียบมานานแล้ว โกหกและโกงลูกค้าก็มีให้เห็นอยู่เรื่อยๆ กลายเป็นเนื้อร้ายของธุรกิจ
ตอนแรกๆ ลู่เฉินก็ทำงานในร้านขายคอมพิวเตอร์ แต่เพราะเขาไม่สามารถยอมรับบรรยากาศที่เลวร้ายแบบนี้ได้ ดังนั้นจึงลาออก
เขายากจนตกอับก็จริง แต่เขาจะไม่ยอมหาเงินโดยใช้วิธีการหลอกลวงโกงเงินคนอื่นเด็ดขาด
เวลาตอนบ่ายมีเหลือเฟือมาก ลู่เฉินพาเยี่ยจื่อถงกับจั่วซินเถียนเดินดูทีละร้าน เน้นดูสินค้าในร้านที่มีอุปกรณ์ครบครันเป็นหลัก ราคาแพงนิดหน่อยแต่เวลาซื้อก็วางใจได้
สิ่งที่เขาสามารถช่วยเยี่ยจื่อถงได้ก็คือระวังเรื่องส่วนประกอบของคอมพิวเตอร์ ส่วนเรื่องสีและรุ่นนั้นต้องให้เธอเป็นคนตัดสินใจด้วยตัวเอง สำหรับผู้หญิงแล้วฮาร์ดแวร์ไม่ค่อยสำคัญ แต่ให้จะความสำคัญกับรูปลักษณ์ภายนอกเป็นพิเศษมากกว่า
ทั้งสามคนค่อยๆ เดินดูร้านที่อยู่ข้างทางไปเรื่อยๆ สุดท้ายเยี่ยจื่อถงก็ชอบโน้ตบุ๊กรุ่นบางเฉียบของร้านหลักแห่งหนึ่ง ราคาขายคือ 5500 หยวน
ลู่เฉินลองเช็คส่วนประกอบของโน้ตบุ๊ก ถึงแม้สมรรถภาพจะไม่แข็งแกร่งมาก แต่สำหรับผู้หญิงก็พอใช้แล้ว ราคาแพงนิดหน่อย แต่ก็เป็นรุ่นใหม่ที่สวยและทันสมัยมาก
เขาถามพนักงานขายว่า “ถ้าหากผมซื้อสองเครื่อง จะให้ราคาพิเศษหน่อยได้ไหมครับ”
ราคาสินค้าที่แสดงขายในร้านก็ไม่ใช่ราคาจริงอยู่แล้ว ลู่เฉินไม่อยากพูดมากกับอีกฝ่าย จึงเปิดไพ่ตายออกมาโดยตรง
พนักงานขายที่เดิมทีมีหน้าตายิ้มแย้มรีบเผยสีหน้าจำใจออกมาทันที แล้วพูดว่า
“คุณครับ ร้านหลักของพวกเรา ไม่ลดราคาครับ เป็นของแท้ราคาสมน้ำสมเนื้อไม่หลอกลวงแม้แต่เด็กและคนชราครับ!”
ลู่เฉินหัวเราะ รีบหยิบโทรศัพท์ออกมาค้นหายี่ห้อและรุ่นเดียวกันในอินเทอร์เน็ต แล้วแสดงราคาในอินเทอร์เน็ตให้อีกฝ่ายเห็น
พนักงานขายมีประสบการณ์มาก จึงรีบพูดว่า “คุณครับ สินค้าที่อยู่ในอินเทอร์เน็ตเชื่อถือไม่ได้…”
“พวกเราไม่พูดอย่างอื่น แต่ในอินเทอร์เน็ตก็เป็นร้านหลักมีอุปกรณ์ครบครันเหมือนกันครับ!”
ลู่เฉินจึงพูดดักไปก่อนว่า “ซื้อสองเครื่องรวมกันหนึ่งหมื่นหยวน แล้วคุณก็แถมชุดเมาส์กับคีย์บอร์ดให้ผมหนึ่งชุดได้ไหมครับ ถ้าไม่ได้ผมก็จะไปซื้อในอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเอง”
เมื่อเห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ของลู่เฉิน และผู้หญิงสองคนก็เหมือนคอยดูทิศทางลมของเขาเพียงอย่างเดียว พนักงานในร้านที่ชาญฉลาดจึงรู้ว่าหากอยากขายสินค้าตัวนี้ ก็จะต้องตกลงตามเงื่อนไขของลู่เฉินเท่านั้น
แน่นอนว่าพวกเขาก็ได้กำไรเหมือนกัน แต่ปัญหาคือจะได้กำไรมากน้อยเท่าไร
พนักงานขายลังเลพักหนึ่ง แล้วจึงพูดว่า
“อย่างนั้นก็ได้ พวกเราขาดทุนจริงๆ นะเนี่ย”
ลู่เฉินยิ้มเห็นฟันออกมา “คุณไปเอาของที่โกดังมา พวกเราขอพูดก่อนนะ ถ้าหากคุณเอาของที่เคยเปิดให้ลูกค้าคนอื่นดูแล้ว อย่างนั้นผมไม่เอานะครับ!”
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar