ตอนที่ 510 ไม่ถ่อมตัว
“ผมคิดว่า ด้านการสร้างสรรค์เพลงป็อป ฮ่องกงน่าจะเรียนรู้จากประเทศจีนครับ”
นี่คือคำพูดที่หากไม่พูดให้ตกใจก็ไม่หยุดอย่างแท้จริง ก่อนหน้านั้นลู่เฉินไม่ค่อยพูดเท่าไร แต่พอเอ่ยปากกลับเป็นที่ดึงดูดทันที บรรดานักแต่งเพลงชาวฮ่องกงที่มามุงดูความคึกคัก บ้างก็ตกตะลึงอ้าปากค้าง บ้างก็หัวเราะเยาะเย้ยหยันบ้างก็ทำเป็นครุ่นคิด และมีบางคนสีหน้าเปลี่ยนทันที
หลายคนคิดว่า ลู่เฉินพูดแบบนี้น่าตลกมากจริงๆ
ในอดีตที่ผ่านมาอย่างยาวนาน หากตัดเพลงร็อกแอนด์โรลของจีนที่ผู้คนนิยมน้อยออกไป เพลงป็อปของประเทศจีนล้วนเลียนแบบและไล่ตามเพลงป็อปฮ่องกงมาตลอด คนหลังมีอิทธิพลมหาศาลต่อคนหน้า
ปลายยุค 1990 จนถึงต้นศตวรรษใหม่ คนทำเพลงชาวฮ่องกงจำนวนไม่น้อยบุกแดนเหนือเพื่อความเติบโตกลายเป็นพลังขับเคลื่อนต่อการพัฒนาเพลงป็อปของประเทศจีนเสียส่วนใหญ่
เพราะฉะนั้นจากแง่มุมนี้ ทางด้านดนตรีป็อป หากจะพูดว่าฮ่องกงเป็นอาจารย์ของประเทศจีนก็ไม่ผิดมากนัก
แม้ว่าตอนนี้เพลงป็อปฮ่องกงจะตกต่ำ แต่หากบอกว่าฮ่องกงต้องเป็นฝ่ายเรียนรู้จากประเทศจีน พวกเขานักแต่งเพลงชาวฮ่องกงไม่อาจทนรับได้จริงๆ
โดยเฉพาะประโยคนี้ ที่พูดออกมาจากปากของลู่เฉินศิลปินที่มาจากประเทศจีน
ชั่วแป๊บเดียว อารมณ์ของผู้คนในงานก็พรั่งพรูออกมา บรรยากาศเหมือนอยากจะชักดาบเข้าห้ำหั่นกัน ถ้าหากไม่คำนึงถึงมารยาทพื้นฐานทางสังคม เกรงว่าคงมีบางคนตะโกนด่าลู่เฉินเสียงดังแล้ว
เหตุการณ์เช่นนี้ทำให้เยี่ยเซวียนที่คิดหัวข้อนี้ขึ้นมาแอบลำบากใจ เขาคิดไม่ถึงว่าลู่เฉินจะพูดตรงไปตรงมาขนาดนี้ ทำให้เขาตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกทันที
โชคดีที่เยี่ยเซวียนมีไหวพริบอยู่บ้าง รีบถามหัวข้อนี้ต่อไป “ทำไมถึงพูดแบบนี้ครับ”
ถ้าหากการสนทนาระหว่างทั้งสองคนเป็นละครพูดตลกของจีน เช่นนั้นตอนนี้เยี่ยเซวียนก็ต้องรับบทเป็นลูกคู่ จะได้ชักไฟไปทางอื่น คนอื่นจะได้ให้ความสนใจลู่เฉินมากยิ่งขึ้น แล้วลืมเขาที่เป็นผู้ร้ายคนนี้
ลู่เฉินยิ้มพลางพูดว่า “เพราะในบางด้าน ตอนนี้จีนทำได้ดีกว่าฮ่องกงครับ”
เสียงของเขาไม่ดังมาก และอ่อนโยนมากกว่า แต่ในคำพูดกลับมีความมั่นใจอยู่ในนั้น
เพลงป็อปของจีน อันที่จริงก็กำลังเผชิญปัญหาคล้ายกับฮ่องกง ลอกเลียนแบบจนเป็นกระแส ผลงานสร้างสรรค์ในท้องถิ่นก็ซึมกะทือ ได้รับอิทธิพลจากญี่ปุ่น เกาหลีใต้ อเมริกา และยุโรปอย่างลึกซึ้ง
แต่นักแต่งเพลงหลายคนในประเทศจีนได้ตระหนักถึงปัญหาข้อนี้แล้ว และเริ่มดำเนินการแก้ไขหลายๆ ด้านตัวอย่างที่ง่ายที่สุดก็คือเมื่อสองปีที่ผ่านมา รายการประกวดเพลงของประเทศจีนให้ความสนใจด้านความคิดสร้างสรรค์มากขึ้นเรื่อยๆ ถึงขนาดเปิดตัวรายการอย่าง ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ เป็นต้น
ถึงแม้ฝ่ายผลิตรายการ ‘นักร้องนักแต่งสุดสตรอง’ จะเป็นสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน และเบื้องหลังของการสนับสนุนผลงานสร้างสรรค์จะมีผลประโยชน์เชิงพาณิชย์มหาศาล แต่ตัวของลู่เฉินเองก็ยังแสดงท่าทีสนับสนุนรายการนี้
เพราะมันสามารถทำให้นักร้องนักแต่งเพลงเก่งๆ หลายคนเผยความโดดเด่นออกมา เป็นการรวบรวมพลังสร้างสรรค์ทางดนตรี
นอกจากนี้ค่าจ้างของนักแต่งเพลงในประเทศจีนก็สูงขึ้นเป็นอย่างมาก เป็นไปตามการฟื้นตัวของตลาดเพลงป็อป นักแต่งเพลงเก่งๆ จึงได้รับการต้อนรับจากบริษัทเอเจนซี่บันเทิงมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อเทียบกันแล้ว วงการบันเทิงของฮ่องกงยังปิดตัวเองอยู่ ไม่มีความกล้าและจิตใจที่แน่วแน่ที่จะเปลี่ยนแปลงสถานการณ์ในปัจจุบัน ยังคงหลงใหลอยู่กับของเล่นที่เหลือจากอเมริกา ยุโรป ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ มักจะเปิดตัวศิลปินไอดอลสร้างกระแสโปรโมตบ่อยๆ คอยจ้องเงินในกระเป๋าของเด็กวัยรุ่นฮ่องกง ไม่เคยคิดที่จะสร้างผลงานสร้างสรรค์จริงๆ จังๆ เสียที
โดยเฉพาะรายการประกวดของฮ่องกงที่เป็นกระแสหลัก เช่น มิสฮ่องกง มิสเอเชีย แล้วก็รางวัลไอดอล เป็นต้น ดูเหมือนจะคึกคักสนุกสนาน แต่เมื่อถอดเสื้อคลุมที่สวยงามและความดังเจี๊ยวจ๊าวออกไปแล้ว ข้างในยังจะเหลืออะไรอีก
ลู่เฉินพูดตามตรงโดยไม่อ้อมค้อม “ตอนผมเป็นเด็ก เคยฟังเพลงจีนกวางตุ้งคลาสสิคที่ยอดเยี่ยมมากมาย แต่ตอนนี้มาฟัง ก็ยังเป็นเพลงเหล่านั้นอยู่”
“นี่เป็นเพราะเพลงป็อปฮ่องกงเกิดปัญหาด้านการสร้างสรรค์เพลงไม่ใช่เหรอครับ”
มีหลายคนที่อยู่รอบๆ เริ่มตกอยู่ในความคิด เพราะที่ลู่เฉินพูดมาทั้งหมดล้วนเป็นความจริง ทำให้พวกเขาไม่อาจตอบโต้
แต่ก็มีบางคนที่ไม่ยอม ย้อนถามว่า “อย่างนั้นงานเพลงสร้างสรรค์ของจีนดีกว่าฮ่องกงจริงเหรอ”
ลู่เฉินยิ้มเล็กน้อย แล้วเอ่ยว่า “ไม่พูดอย่างถ่อมตัว เป็นแบบนี้จริงๆ ครับ ผมยกตัวเองเป็นตัวอย่างก็แล้วกัน ตัวผมก็เป็นนักแต่งเพลงคนหนึ่ง ตอนนี้สตูดิโอของผมเสนอราคาต่อคนภายนอกอยู่ที่หนึ่งล้านหยวนต่อหนึ่งเพลงครับ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar