ตอนที่ 540 สงครามการตลาด (2)
วั่นเสี่ยวเฉวียนตกตะลึงใช่ว่าจะไม่มีเหตุผล
คนฮ่องกงชอบดูภาพยนตร์ ตามสถิติคนฮ่องกงทุกคนจ่ายค่าดูหนังในแต่ละปีสูงกว่าสามร้อยหยวน นั่นคือค่าตั๋วหนังสามสี่ร้อยล้านหยวนแล้ว ยังไม่นับค่าใช้จ่ายอื่นในการเข้าชมภาพยนตร์
แต่สามสี่ร้อยล้านนี้ อย่างน้อย 60% ถูกหนังต่างประเทศแย่งชิงไป เหลือไว้ให้บริษัทผลิตภาพยนตร์ในฮ่องกงแค่ร้อยกว่าล้านเป็นอย่างมาก แต่จำนวนภาพยนตร์ที่ร่วมกันแบ่งเค้กชิ้นนี้กลับมากถึงสองสามร้อยเรื่อง!
ฮอลลีวูดตะวันออกไม่ได้เป็นเพียงชื่อธรรมดา บริษัทภาพยนตร์ขนาดกลางและเล็กมักใช้เวลาแค่ไม่กี่สัปดาห์ก็ถ่ายทำภาพยนตร์ออกมาฉายได้เรื่องหนึ่งแล้ว ในปีที่บ้าคลั่งที่สุดเรียกได้ว่า ‘เจ็ดวันสดๆ ร้อนๆ’ หรือก็คือหนังเรื่องหนึ่งใช้เวลาถ่ายทำเพียงหนึ่งสัปดาห์เท่านั้น ฟังดูน่าตกใจมาก
ภาพยนตร์ที่ผลิตออกมาอย่างรวดเร็วเช่นนี้แน่นอนว่าเป็นผลงานที่ค่อนข้างหยาบ เพื่อรับประกันผลประโยชน์ที่จะได้รับ หนังที่ออกฉายเร็วๆ แบบนี้มักเป็นหนังประเภทความรุนแรงเลือดสาด อาศัยต้นทุนที่ต่ำและความน่าตื่นเต้นเป็นจุดเด่นในการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาด
เมื่อเป็นเช่นนี้ ความกดดันจากหนังฟอร์มยักษ์จากต่างประเทศและหนังต้นทุนต่ำ ย่อมทำให้ภาพยนตร์ฮ่องกงดำรงอยู่ได้ยาก ถึงแม้ว่าตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 เป็นต้นมามีหนังดีๆ ที่ได้รายได้เกินร้อยล้านอยู่บ้าง แต่ที่ขาดทุนนั้นมีมากกว่า
เข่นหนังที่ฉายในฮ่องกงเมื่อปีที่แล้วเรื่อง ‘โมบายสวาต’ เงินลงทุนเจ็ดสิบห้าล้านหยวน และค่าโปรโมตอีกร้อยล้าน ขบวนทัพนักแสดงมากมาย สุดท้ายทำรายได้ไม่ถึงห้าสิบล้าน หักส่วนแบ่งให้โรงภาพยนตร์ไปแล้วก็ขาดทุนจนแทบกระอักเลือด
หนังเรื่อง ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ลงทุนไปมากกว่าเรื่อง ‘โมบายสวาต’ ปัญหาดังกล่าวไม่ได้หนักหนานัก เพราะตลาดหลักที่ต้องการคือจีนแผ่นดินใหญ่ แต่การลงทุนทำโฆษณาในฮ่องกงสูงเกินสิบล้านดูจะมากเกินไป
งบโปรโมตหนัง ‘โปเยโปโลเย’ คาดการณ์ไว้ที่ยี่สิบล้าน ส่วนของฮ่องกงแค่สามล้าน แผนใหญ่ยังอยู่ที่การลงสื่อในจีนแผ่นดินใหญ่
การโปรโมตนั้นเหมือนถ้ำที่ไม่มีที่สิ้นสุด ทุ่มเงินลงไปมากเท่าไรก็ไม่พอ จำเป็นต้องประมาณตน
เฉินเหวินเฉียงเอ่ย “ดูพวกเขาทำโฆษณาสิ สิบห้าล้านก็ยังไม่พอ”
โทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ นิตยสาร ป้ายรถประจำทาง ป้ายโฆษณา สื่อทั้งหลาย ไหนจะบนเว็บไซต์อีก ตอนนี้กลยุทธ์การโปรโมตของ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ เรียกได้ว่าครอบคลุมทุกด้าน มูลค่าการลงทุนสูงมากจนน่าตกใจ
กลยุทธ์ที่บีบคั้นคนอื่นอย่างนี้สร้างแรงกกดดันให้กับคู่แข่งมหาศาล
ต้องรู้ว่าหนังที่จะได้ฉายตอนปีใหม่ ไม่ได้มีแค่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ และ ‘โปเยโปโลเย’ เท่านั้น ตามรายงาน สิทธิ์สนับสนุนจากรัฐบาลมียี่สิบสิทธิ์แต่มีภาพยนตร์สมัครเข้าร่วมเกือบสองร้อยเรื่อง ในบรรดาภาพยนตร์เหล่านั้นมีไม่น้อยที่ลงสนามแย่งชิงยอดขายตั๋วในช่วงเวลาเดียวกัน ภาพยนตร์บางเรื่องเริ่มการโปรโมตแล้ว
สำหรับภาพยนตร์เรื่องหนึ่ง การโปรโมตเป็นสิ่งที่สำคัญมาก การแข่งขันในตลาดดุเดือดเช่นนี้ หากโปรโมตไม่ถึงที่แปลว่าพ่ายแพ้ไป 90% แล้ว
แต่การกระทำราวกับเผาเงินทิ้งเหมือนที่ ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ทำนั้นพบเห็นได้น้อยนัก วั่นเสี่ยวเฉวียนรู้สึกไม่เข้าใจจริงๆ
“ทางหวาก้วนน่าจะอยากใช้หนังเรื่องนี้เปิดตลาดใหม่…”
ลู่เฉินกล่าวขึ้น “ทุ่มเงินโปรโมตเป็นวิธีการที่ชุยซิ่งเสียนทำจนเคยชิน ปีที่แล้วเขาเสนอแผนขึ้นเหนือล่องใต้ โดยใช้ฮ่องกงเป็นหัวสะพาน ดังนั้นจะทำการโปรโมตอย่างยิ่งใหญ่ก็ไม่ใช่เรื่องแปลก”
ตอนนี้การแก่งแย่งขายตั๋วหนังในประเทศดุเดือดรุนแรง ตลาดเหมือนเค้กก้อนใหญ่ คนที่อยากได้ส่วนแบ่งเค้กชิ้นใหญ่มีหลายคน หวาก้วนพิคเจอร์สไม่ใช่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุด
ชุยซิ่งเสียนตั้งใจอยากจะเปิดตลาดใหม่ แผนขึ้นเหนือล่องใต้ของเขาคือด่านแรกที่จะขยายตลาดไปสู่เกาหลี ญี่ปุ่น และประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ฮ่องกงถือเป็นสมรภูมิรบสำคัญ
การอาศัยแผนการสนับสนุนภาพยนตร์ของรัฐบาลเป็นแรงผลักดัน เป็นเพียงส่วนหนึ่งในแผนการอันแสนทะเยอทะยานของชุยซิ่งเสียนเท่านั้น เป้าหมายของเขายิ่งใหญ่มาก ถ้า ‘พลิกตำนานโปเยโปโลเย’ ถูกถล่มตั้งแต่ในฮ่องกง แล้วจะก้าวต่อไปอย่างไร?
ตั้งแต่รู้ว่าคู่แข่งของตัวเองเป็นใคร ลู่เฉินก็ให้ลู่ซีสืบข่าวคราวเบื้องหลังของหวาก้วนพิคเจอร์สจากหลายช่องทาง เพื่อจะได้รู้เขารู้เรา
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar