ตอนที่ 594 การเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่
ภาพยนตร์กำลังภายในไม่ใช่ภาพยนตร์แนวใหม่อะไร ในยุค 70-80 บริษัทภาพยนตร์ของฮ่องกงได้ถ่ายทำภาพยนตร์แนวกำลังภายในไม่น้อย ตอนนั้นเป็นที่นิยมเป็นอย่างมาก
ทว่าพอถึงปลายยุค 90 เนื่องจากได้รับอิทธิพลจากภาพยนตร์ฮอลลีวูด ธุรกิจภาพยนตร์ท้องถิ่นของฮ่องกงจึงถูกโจมตีอย่างหนัก เพื่อตอบรับความชอบของเด็กวัยรุ่นยุคใหม่ ภาพยนตร์หลายแนวรวมถึงภาพยนตร์แนวผีดิบ แนวภูตผีปีศาจ และภาพยนตร์แนวกำลังภายในจึงหายเข้ากลีบเมฆไปอย่างช้าๆ
ถ้าหากคนอื่นอยากจะถ่ายทำภาพยนตร์กำลังภายใน เช่นนั้นหม่าหรงเจิน เฉินเหวินเฉียง และคนอื่นๆ ที่เข้าใจความขึ้นๆ ลงๆ ของภาพยนตร์ฮ่องกงเป็นอย่างดีจะต้องช่วยกันโน้มน้าวว่าอย่ากระโดดเข้าไปในหลุม แต่ลู่เฉินกลับไม่เหมือนกัน
ลู่เฉินใช้ ‘โปเยโปโลเย’ พิสูจน์ว่าเขามีพรสวรรค์ที่แข็งแกร่งในด้านภาพยนตร์มากแค่ไหน และตัวของ ‘โปเยโปโลเย’เองก็มีองค์ประกอบของกำลังภายในอยู่แล้ว อย่างเช่นตอนเริ่มต้นของภาพยนตร์ ฉากที่หนิงฉ่ายเฉินบังเอิญเจอมือกระบี่สังหารโจรผู้ร้าย ซึ่งเป็นฉากที่ถ่ายทำได้น่าตื่นเต้นมาก
ฉากการต่อสู้นี้ลู่เฉินเป็นคนกำกับเอง รวมถึงการออกแบบการต่อสู้ด้วย
ในด้านนี้ เขามีพรสวรรค์สามารถสร้างปาฏิหาริย์จากสิ่งที่เป็นไปไม่ได้เช่นกัน!
หม่าหรงเจินพินิจพิเคราะห์หนังสือที่อยู่ในมือ แล้วเอ่ยอย่างกระตือรือร้นว่า “ผมจะกลับไปอ่านให้ดีๆ จะตั้งใจอ่านคุณลู่ ภาพยนตร์เรื่องนี้ผมรับบทเป็นใครครับ”
ถึงแม้จะรู้ว่าตัวเองถามเช่นนี้ดูใจร้อนไปนิด แต่เขาอดใจไม่ไหวจริงๆ
ลู่เฉินหัวเราะพลางเอ่ยว่า “ลุงหม่า พวกคุณลองอ่านต้นฉบับก่อน บทที่ดัดแปลงเป็นภาพยนตร์ผมยังไม่ได้เขียนออกมาเลยครับ ผ่านไปสักเดือนสองเดือนผมค่อยเอาให้พวกคุณอีกทีนะครับ!”
เขาหยุดชะงักไปครู่หนึ่งแล้วจึงเอ่ยอีกว่า “กระบี่เย้ยยุทธจักรจะถ่ายทำภาคหนึ่ง สอง และสาม ลงทุนอย่างน้อยสองร้อยล้าน!”
ไม่เหมือนกับ ‘โปเยโปโลเย’ ที่ดัดแปลงเรื่องราวมาจาก ‘เรื่องประหลาดจากห้องหนังสือ’ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มีความยาวล้านตัวอักษร ฉบับรูปเล่มมีมากถึงห้าเล่ม เนื้อหาที่เยอะขนาดนี้หากจะบีบให้เหลืออยู่ในภาพยนตร์ความยาวประมาณเก้าสิบนาทีโดยพื้นฐานแล้วเป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิง
วิธีโดยทั่วไปถ้าไม่ตัดเอาเนื้อหาที่มีสีสันบางส่วนออกมา ก็จะแบ่งถ่ายทำเป็นหลายภาค
ลู่เฉินคิดเรียบร้อยแล้ว ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ เวอร์ชันภาพยนตร์ทั้งสามภาคจะถ่ายทำต่อเนื่องกัน แบบนี้ประหยัดทั้งต้นทุน และยังรักษาคุณภาพความต่อเนื่องได้อีกด้วย
นอกจากนี้ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ยังเป็นภาพยนตร์เรื่องแรกที่เฉินเฟยมีเดียจะสร้างทีมสเปเชียลเอฟเฟกต์ขึ้นมาใหม่
หม่าหรงเจินกับเฉินเหวินเฉียงมองหน้ากันและกัน เผยสีหน้าตื่นเต้นดีใจที่ไม่อาจควบคุมได้บนใบหน้าของพวกเขาทั้งสอง
ไม่แปลกใจเลยที่ลู่เฉินไม่ยอมถ่ายภาคต่อของ ‘โปเยโปโลเย’ ที่แท้เขาก็มีการเคลื่อนไหวที่ยิ่งใหญ่อยู่ด้านหลัง ไม่จำเป็นต้องเกาะรายได้เดิม เพราะคิดที่จะสร้างความรุ่งโรจน์ให้กับภาพยนตร์กำลังภายในนี่เอง!
หม่าหรงเจินตื่นเต้นยิ่งกว่า ในเมื่อลู่เฉินมอบนิยายต้นฉบับให้กับเขา ก็หมายความว่าบทบาทที่อยู่ในนี้เขาเป็นคนเลือกเอง
หนำซ้ำยังเป็นภาพยนตร์ที่จะลงทุนด้วยเงินก้อนใหญ่!
ลู่เฉินกล่าวกับเฉินเหวินเฉียงว่า “ลุงเฉียง คุณอยู่ที่ฮ่องกงช่วยผมหาคนที่เก่งด้านสเปเชียลเอฟเฟกต์มาให้ผมสักสองสามคนนะครับ ขอแค่มีความรู้ความสามารถจริงและยินดีมาทำงานที่ปักกิ่ง เรื่องค่าตอบแทนพูดกันได้ครับ”
ธุรกิจภาพยนตร์ฮ่องกงได้รับการขนานนามว่าเป็นฮอลลีวูดตะวันออก ถึงแม้ตอนนี้จะเสื่อมโทรมไปแล้ว แต่ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมาได้อบรมฝึกฝนคนเก่งมีความสามารถออกมาจำนวนมาก ความสามารถโดยรวมในด้านการทำสเปเชียลเอฟเฟกต์จึงแข็งแกร่งกว่าประเทศจีนอยู่บ้าง
ช่วงนี้คนทำหนังในฮ่องกงเดินทางมาหาโอกาสเติบโตในจีนแผ่นดินใหญ่เป็นจำนวนมาก รวมทั้งนักผลิตการ์ตูนแอนิเมชัน นักออกแบบสเปเชียลเอฟเฟกต์ขั้นสูง เป็นต้น ก็เข้ามาเพิ่มพลังให้กับภาพยนตร์ที่ผลิตในประเทศจีน
ทว่าคนเก่งหายาก คนเก่งระดับสูงเช่นนี้ถ้าหากไม่สร้างสตูดิโอเป็นของตัวเอง ก็จะอยู่ในบริษัทใหญ่ๆ ความยากในการหาคนจึงสูงมาก ตรงกันข้ามกับที่ฮ่องกงที่หาคนง่ายกว่านิดหน่อย
เฉินเหวินเฉียงตบหน้าอกแล้วเอ่ยว่า “คุณลู่วางใจได้ ผมรับรองว่าจะหาคนเก่งๆ มาให้คุณสักสองสามคนครับ!”
ภาพยนตร์ ‘โปเยโปโลเย’ คว้าแชมป์ทำรายได้หนังในฮ่องกง ทำให้สตูดิโอภาพยนตร์และโทรทัศน์ของลู่เฉินที่ฮ่องกงมีชื่อเสียงขึ้นมา เฉินเหวินเฉียงอาศัยชื่อเสียงของสตูดิโอนี้ จึงมั่นใจมากว่าจะดึงตัวคนเก่งมาได้แน่นอน
และในจินตนาการของลู่เฉิน สตูดิโอภาพยนตร์ที่ฮ่องกงของเขาก็คือที่ตั้งหลักในฮ่องกงของเฉินเฟยมีเดีย เพื่อแผ่ขยายอิทธิพลไปยังเขตเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และยังเป็นฐานที่มั่นเพื่อค้นหาและฝึกอบรบคนเก่งๆ
มีเฉินเหวินเฉียงคอยดูแลอยู่ที่นั่น เขารู้สึกวางใจเป็นอย่างยิ่ง
พูดเรื่องงานจบ ทุกคนจึงดื่มกันอย่างสนุกสนาน จนกระทั่งเที่ยงคืนถึงต้องแยกจากกันอย่างอาลัยอาวรณ์
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar