อ่านสรุป ตอนที่ 643 พบกัน จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 643 พบกัน คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 643 พบกัน
ลู่เฉิมยิ้มโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
ทีมตระกูลลู่เป็นทีมสำคัญในโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในในอนาคตของเขา ส่วนใหญ่จะใช้ในการถ่ายทำฉากต่อสู้ในภาพยนต์และละครโทรทัศน์ ซึ่งแตกต่างจากการต่อสู้ของจริงอย่างสิ้นเชิง
ในการต่อสู้จริงจะต้องใช้ความว่องไวและล้มคู่ต่อสู้ให้เร็วที่สุด ถ้าเป็นการต่อสู้ที่ไม่ได้ตั้งกฏกติกาเอาไว้ ไม่ว่าวิธีการจะโหดเหี้ยมแค่ไหนก็สามารถทำได้ทั้งหมดโดยไม่ต้องใส่ใจเรื่องความสวยงามเลยสักนิด
ต่อให้ตั้งท่าได้สวยงามแค่ไหน ถ้าถูกล้มด้วยหมัดเดียวก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แตกต่างกับการถ่ายภาพยนต์และละครโทรทัศน์อย่างสิ้นเชิง สิ่งที่ทำให้ผู้ชมติดตามดูคือเอฟเฟกต์ภาพ โดยเฉพาะแนวกำลังภายในที่ลู่เฉินจะถ่ายทำ เนื้อหาที่สำคัญคือการต่อสู้ที่ต้องพิถีพิถันทุกการเคลื่อนไหว จะต้องเล่นให้เฉียบขาดและสวยงามถึงจะสามารถดึงดูดผู้ชมได้
ฉากแอกชันแบบหนังฮอลลีวูดที่ตอบโต้กันทื่อๆ หมัดกระทบเนื้อตรงไปตรงมา ไม่เหมาะกับหนังแนวกำลังภายใน
เส้นทางที่ลู่เฉินจะเลือกเดินนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร
และด้วยความที่มีเอกลักษณ์มาก ทำให้ไม่มีแบบอย่างให้ทำตามมากนัก นักแสดงคิวบู๊จะต้องให้เขามาฝึกฝนให้ด้วยตัวเอง แม้แต่ช่างภาพยังต้องมีเทคนิคพิเศษในการเคลื่อนไหว ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้ผลลัพธ์ออกมาแบบที่ต้องการ
ไม่ก้าวเท้าเดินก็ไม่มีทางถึงจุดหมาย ถ้าไม่หมั่นฝึกฝน ก็จะทำไม่ได้ในสถานการณ์จริง ดังนั้นลู่เฉินจึงให้ความสำคัญและเต็มใจที่จะทุ่มเงินให้ทีมตระกูลลู่เป็นอย่างมาก
อย่างเช่นอุปกรณ์การฝึกของที่นี่ที่ล้วนสั่งทำแบบพิเศษ ช่างภาพที่เซ็นสัญญาระยะยาวกับเฉินเฟยมีเดีย พร้อมกล้องถ่ายหนังระดับไฮเอนด์สองตัวตั้งไว้ให้พวกเขาได้เล่น
ไม่เพียงเท่านั้น ลู่เฉินยังอิงจากความทรงจำของเขาเอง ปลูกฝังวิธีการถ่ายทำและแนวคิดของภาพยนต์แอกชันกำลังภายในให้อีกฝ่าย อันที่จริงเขาได้กลายเป็นผู้กำกับแอกชันตัวจริงแล้ว
แต่เรื่องพวกนี้ถ้าจะให้อธิบายออกมาก็ยุ่งยากเกินไป แม้จะเป็นหลี่มู่ซือก็คงไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาเลยไม่พูดจะดีกว่า
อันที่จริงหลี่มู่ซือก็ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นอะไรมากมาย เธอแค่หาโอกาสที่จะพูดเยาะเย้ยลู่เฉิน เพื่อระบายความหงุดหงิดที่พ่ายแพ้ให้กับเขาในสังเวียนเท่านั้นเอง
หลังจากผ่านสนามฝึกซ้อมไปก็ถึงห้องน้ำชาแล้ว
คุณหนูใหญ่ตระกูลหลี่ได้กำชับไว้เป็นอย่างดีแล้ว ทางห้องน้ำชาได้จัดเตรียมห้องส่วนตัวและน้ำชาไว้ให้เรียบร้อยแล้วตั้งแต่แรก
มาตรฐานของสโมสรป๋อรุ่ยนั้นสูงมาก ห้องน้ำชาก็ไม่ธรรมดาเช่นกัน การตกแต่งสไตล์ย้อนยุคอย่างเต็มรูปแบบ ห้องส่วนตัวเชื่อมกับลานด้านนอก ลมเอื่อยพัดโชยมาจากสระน้ำใสผ่านต้นไผ่สีเขียวชะอุ่มทำให้ผู้คนรู้สึกสดชื่น
ถอดรองเท้าแล้วนั่งขัดสมาธิบนพื้นไม้สักสีแดงเข้ม จิบชาหลงจิ่งเกรดพรีเมียม ฟังเสียงต้นไผ่ลู่ไปกับสายลม อารมณ์ของลู่เฉินสงบลงมากเลยทีเดียว
หลี่มู่ซือไล่อาจารย์ชงชาออกไป ก่อนจะลงมือชงชาให้ลู่เฉินด้วยตนเอง ท่าทางคล่องแคล่วยิ่งนัก
หลังจากที่ลู่เฉินดื่มชาที่เธอชงไปแล้วสองถ้วย ก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “พี่มู่ซือ พี่เรียกผมมามีธุระอะไรเหรอ”
หรือว่าวันนี้ที่เรียกเขามา ก็เพื่อต่อสู้แล้วจิบน้ำชา?
หลี่มู่ซือวางกาน้ำชาสีม่วงลง ก่อนจะพูดอย่างไม่พอใจว่า “รีบร้อนอะไรล่ะ แขกอีกคนยังมาไม่ถึงเลยนะ”
ลู่เฉินถามด้วยความสงสัยว่า “ใครกัน”
หลี่มู่ซือพูดอย่างขอไปทีว่า “มาแล้วนายก็รู้เองนั่นแหละ ที่จริงแล้ววันนี้ฉันเป็นคนกลาง เห็นแก่หน้าเขาหน่อย จะแนะนำให้นายรู้จัก…ก็ถือว่าเป็นผู้บริหารละมั้ง”
ผู้บริหาร?
ลู่เฉินอดไม่ได้ที่จะอยากรู้มากขึ้น ฟังจากที่หลี่มู่ซือพูดแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายไม่ใช่คนใหญ่คนโตอะไรนัก ก็แค่ช่วยเหลือเพราะมีสายสัมพันธ์ต่อกันเท่านั้นเอง
เครือข่ายของคนก็เหมือนตาข่ายขนาดใหญ่ที่มองไม่เห็น ปกคลุมไปทั่วทั้งท้องฟ้าและผืนดิน หากยังมีชีวิตอยู่ก็ไม่สามารถหนีพ้นเครือข่ายนี้ได้ นับว่าเป็นเรื่องปกติที่หลี่มู่ซือจะมีเครือข่ายเป็นของตัวเอง
ลู่เฉินและสถานีโทรทัศน์เซียงหนานมีความขัดแย้งกัน นั่นไม่ได้เป็นความลับอะไรในวงการ ในฐานะที่เป็นศิลปินไอดอลคลื่นลูกใหม่ที่เป็นที่รู้จักเป็นอย่างมาก เขาไม่เคยปรากฏตัวบนหน้าจอของสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเลย และลู่เฉินเองก็ไม่เคยมีความร่วมมือใดๆ กับสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเลย
ไม่แค่นั้น นี่ยังไม่นับละครที่ลู่เฉินได้ถ่ายทำและรายการวาไรตี้ที่เขามีส่วนร่วมในการผลิต ทั้งหมดล้วนเหยียบย่ำสถานีโทรทัศน์เซียงหนานไว้ใต้ฝ่าเท้า แม้แต่นักแสดงหน้าใหม่ที่สถานีสนับสนุนก็เจอตอเมื่อเจอกับลู่เฉินเข้า
พูดถึงความแค้น ความแค้นนั้นไม่ได้เล็กๆ เสียด้วย ทางด้านสถานีโทรทัศน์เซียงหนานก็สร้างอุปสรรคให้แก่ลู่เฉินไม่น้อย แต่ยังพยายามที่จะสร้างเงื่อนไขที่ทำให้ปรองดองกัน อย่างเช่นการคัดเลือกรางวัลสุวรรณหงส์ครั้งที่แล้ว แต่ดันโดนลู่เฉินปฏิเสธกลับไป
ต่อมาในพิธีการมอบรางวัลสุวรรณหงส์ ละคร ‘ฟูลเฮ้าส์’ ที่ได้รับเรตติ้งสูงสุดของปีที่แล้ว กลับได้เพียงแค่รางวัลเล็กๆ รางวัลเดียวเท่านั้น ซึ่งก็โดนเหล่าแฟนคลับของลู่เฉินด่าเสียเละเทะ
แต่ลู่เฉินก็ไม่ได้สนใจรางวัลสกปรกแบบนี้สักนิดเลย
การจะยืนหยัดได้นั้นต้องไม่โลภมาก เขาไม่ได้ต้องการอะไรจากสถานีโทรทัศน์เซียงหนานเลย คนอื่นกำลังเร่งรีบ นั่นก็เป็นเรื่องของเขา ดังนั้นจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเผชิญหน้ากันแต่อย่างใด
ตอนนี้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานกลับเริ่มเข้าหาลู่เฉินเสียแล้ว!
อันที่จริงลู่เฉินรู้ดีว่าสถานีโทรทัศน์เซียงหนานนั้นพยายามแสดงความปรารถนาดีต่อเขามานานแล้ว สาเหตุที่จินหงเหว่ยถูกตัดตอนก็เพราะสถานีโทรทัศน์เซียงหนานยุติความร่วมมือกับบริษัทเอเจนซี่จวี่ซิง ทำให้ต่อมาจินหงเหว่ยตกอยู่ในสถานการณ์ที่ล้มละลาย จะถอนไช้เท้าออกมาก็เจอแต่โคลนตมเสียแล้ว
และจินหงเหว่ยก็คือศัตรูที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของลู่เฉินอย่างไม่ต้องสงสัย เขาเคยกลั่นแกล้งกันไม่ใช่น้อยๆ เลย
เมื่อมาคิดดูแล้ว การปรากฏตัวของหลี่ว์เจิ้นไห่ในวันนี้ แม้จะเกินความคาดหมายไปมาก แต่ก็คาดการณ์ไว้อยู่แล้ว
ในฐานะที่เป็นเจ้าแห่งวงการสถานีโทรทัศน์ดาวเทียมท้องถิ่น ซึ่งต้องเผชิญกับการเติบโตอย่างรวดเร็วของสถานีโทรทัศน์ปักกิ่งและสถานีโทรทัศน์เจ้อตง และเรตติ้งที่ลดลงอย่างต่อเนื่องของรายการตนเอง ทำให้สถานีโทรทัศน์เซียงหนานไม่สามารถนิ่งเฉยได้เลย
นี่ทำให้ลู่เฉินอดสงสัยไม่ได้ ไม่รู้ว่าการมาของหลี่ว์เจิ้นไห่ในครั้งนี้ เขานำสิ่งใดมา และจะนำพาสิ่งใดไป
…………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar