สรุปตอน ตอนที่ 664 ขี้เล่นจริงๆ – จากเรื่อง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
ตอน ตอนที่ 664 ขี้เล่นจริงๆ ของนิยายSlice of Lifeเรื่องดัง (นิยายแปล) Perfect Superstar โดยนักเขียน Internet เต็มไปด้วยจุดเปลี่ยนสำคัญในเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยปม ตัวละครตัดสินใจครั้งสำคัญ หรือฉากที่ชวนให้ลุ้นระทึก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้อ่านที่ติดตามเนื้อหาอย่างต่อเนื่อง
ตอนที่ 664 ขี้เล่นจริงๆ
“ตื่นได้แล้ว”
ลู่เฉินเคาะประตูที่ปิดสนิทอยู่ พูดเสียงดังว่า “พระอาทิตย์จะส่องถึงก้นแล้ว!”
อีกด้านหนึ่งของประตูบานหนา เขาได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักดังมาจากด้านใน
ส่ายหัวอย่างเหนื่อยหน่ายใจ แล้วลู่เฉินก็กลับมาที่ห้องนั่งเล่น
ผ่านไปครึ่งชั่วโมงเต็ม ในที่สุดเฉินเฟยเอ๋อร์กับมู่เสี่ยวชูก็ปรากฏตัวขึ้น ฝ่ายหลังหน้าแดงเรื่อ ไม่รู้ว่าอายหรือรู้สึกลำบากใจไม่กล้ามองหน้าลู่เฉินตรงๆ
เมื่อคืนเพื่อข่าวฉาวของทั้งสองคน มู่เสี่ยวชูมาแล้วก็พักที่นี่
เดิมทีจะให้มู่เสี่ยวชูพักที่ห้องนอนแขก ตอนสุดท้ายกลายเป็นลู่เฉินที่ถูกไล่ไปนอนในห้องนอนแขกแทน เฉินเฟยเอ๋อร์ลากมู่เสี่ยวชูไปนอนด้วย ยังถ่ายรูปเซลฟี่ ‘ภาพบนเตียง’ อันหวานแหววโพสต์ลงในบล็อกอีกด้วย
ลู่เฉินแน่นอนว่าต้องเห็นรูปภาพนี้ ถูกการล้อเล่นของเฉินเฟยเอ๋อร์ทำเอาทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน
แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือวิธีของเธอได้ผลดีมาก ความสนใจของทุกคนถูกโยกย้ายไปหมด ข่าวฉาวของลู่เฉินกับมู่เสี่ยวชูถูกตีตกไป ทำให้ปาปารัสซี่จางถูกด่าเสียไม่มีชิ้นดี
เมื่อคืนลู่เฉินเลื่อนดูบล็อกจนถึงตีหนึ่ง ยังมีกลุ่มแฟนคลับที่ช่วยกันคอมเมนต์เหอะๆ กันเต็มหน้ากระดานอยู่เลย
“ว้าว หอมจังเลย!”
บนโต๊ะอาหารได้ตั้งอาหารเช้าอันหอมยั่วน้ำลายเอาไว้แล้ว โจ๊กไข่เยี่ยวม้าที่เพิ่งถูกตักออกมาจากหม้อแรงดัน โรตีต้นหอมที่ทอดได้กำลังดี ยังมีขนมปังปิ้งและนมสด ทั้งอาหารจีนและอาหารฝรั่งพร้อมสรรพ
เฉินเฟยเอ๋อร์ดึงมู่เสี่ยวชูให้นั่งลง ชมว่า “ฝีมือของนายดีขึ้นอีกแล้ว ขอชมเลย!”
ทั้งสองพักอยู่ด้วยกันไม่ใช่เวลาสั้นๆ แล้ว แม้ปกติจะทำงานข้างนอกเป็นส่วนมาก แต่เมื่อได้อยู่พร้อมหน้า ก็ยังคงชอบทำอาหารเอง
เฉินเฟยเอ๋อร์เรียนทำอาหารจากแม่บ้านที่เชิญมาทำความสะอาด จากนั้นเธอก็ทำอาหารเที่ยงและอาหารเย็น มื้อเช้ามอบให้เป็นหน้าที่ของลู่เฉินที่ไปออกกำลังกายทุกวัน
เช่นเดียวกัน ลู่เฉินเองก็พยายามซื้อวัตถุดิบมาทำอาหารเอง ไม่ซื้ออาหารเช้าที่ทำสำเร็จ แง่หนึ่งเป็นเรื่องของความสะอาดและสุขอนามัย อีกแง่คือความสุขและการใช้ชีวิตในครอบครัว
“เรียกอยู่ตั้งนานพวกคุณไม่ยอมตื่นสักที…”
ลู่เฉินส่ายหน้า “โรตีต้นหอมเย็นหมดแล้ว ผมเอาไปใส่ไมโครเวฟหน่อย”
มู่เสี่ยวชูรีบบอกว่า “พี่ลู่เฉิน หนูทำเองค่ะ”
แล้วเธอก็ถูกเฉินเฟยเอ๋อร์ดึงไว้ “ให้เขาไปทำไม่ต้องยุ่ง ใครใช้ให้เขาไม่ระวังตัวเองล่ะ ทำให้เธอต้องมีข่าวเสียหายเลย ทำอาหารเช้าให้พวกเรากินก็สมควรแล้ว!”
ลู่เฉินยิ้มแหยยกจานเข้าไปให้ห้องครัวเพื่ออุ่นร้อน แต่ในใจกลับมีความสุข
เฉินเฟยเอ๋อร์เป็นแฟนสาวที่เขารักที่สุด ส่วนมู่เสี่ยวชูเป็นเพื่อนสนิทที่เป็นเหมือนน้องสาว เขาย่อมไม่อยากให้เรื่องแบบนี้มาสร้างความร้าวฉานให้คนทั้งสองจนส่งผลถึงความสัมพันธ์
แม้ระหว่างที่คบหากันอยู่ บางครั้งเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ชอบเอาแต่ใจหึงหวง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับการทดสอบ เธอก็ยังใจกว้างมาก
เชื่อใจซึ่งกันและกัน ทะนุถนอมซึ่งกันและกัน ความรักครั้งนี้ถึงจะยืนยาวต่อไปได้
รับประทานอาหารเช้าอันโอชารสเสร็จแล้ว ลู่เฉินขับรถพาเฉินเฟยเอ๋อร์กับมู่เสี่ยวชูไปที่เฟยสือเรคคอร์ดเพื่อส่งคนหลัง พร้อมกับไปพบหลินจื้อเจี๋ย
“เธอนี่ขี้เล่นนะ!”
เมื่อได้พบหน้า รองผู้จัดการใหญ่แห่งเฟยสือเรคคอร์ดพูดหยอกเย้าเฉินเฟยเอ๋อร์ “เมื่อคืนฉันยังคิดว่า ถ้าเธอที่เป็นพี่สาวจะแกล้งเสี่ยวชู แล้วฉันจะทำยังไง”
หลินจื้อเจี๋ยกับเฉินเฟยเอ๋อร์เป็นเพื่อนสนิทกันมาหลายปี ความสัมพันธ์เหนียวแน่น การพูดล้อเล่นกันจึงไม่เกิดปัญหา
ทั้งสองซิงเกิลต้องเลือกลู่เฉินมาเป็นผู้ทำเพลงให้วงเอ็มเอสเอ็นเป็นอันดับแรกอยู่แล้ว
ด้านความคิดสร้างสรรค์ของลู่เฉินนั้นไม่ต้องสงสัย เขาได้รับการยอมรับจากทั้งวงการว่าเป็น ‘นักแต่งเพลงมือทอง’แต่เพราะช่วงนี้เขายุ่งอยู่กับงานถ่ายหนังถ่ายละคร จึงไม่มีเวลาเขียนเพลงให้ใคร นอกเสียจากจะเป็น ‘ลูกค้าที่สนิทกัน’
ลู่เฉินได้นำยูเอสบีที่เตรียมมายื่นให้หลินจื้อเจี๋ย “สองเพลงอยู่ในนี้แล้ว”
“ดีมากเลย!”
หลินจื้อเจี๋ยดีใจ รีบรับมา ก่อนที่เขาจะยื่นให้มู่เสี่ยวชูต่อ “เธอเอาไปให้อาจารย์หลายๆ คน เรียกเจียเจียกับเสี่ยวเถียนมาเรียนรู้พร้อมกันก่อน”
ปกติแล้ว นักแต่งเพลงคนอื่นนำเนื้อเพลงและทำนองมาให้วงเอ็มเอสเอ็น หลินจื้อเจี๋ยจะต้องคัดเลือกก่อนเป็นด่านแรก
แต่ลู่เฉินเป็นข้อยกเว้น ผลงานของเขาไม่ต้องตรวจสอบ ได้มาถึงมือก็คือได้กำไร!
มู่เสี่ยวชูกำยูเอสบีเอาไว้พลางพยักหน้า ยิ้มหวานให้ลู่เฉิน “ขอบคุณค่ะพี่ลู่เฉิน”
จากนั้นเธอหันไปพูดกับเฉินเฟยเอ๋อร์ว่า “พี่เฟยเอ๋อร์ งั้นหนูไปก่อนนะคะ”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้ม “ไปเถอะ เอาไว้เราค่อยโทรคุยกัน”
มู่เสี่ยวชูกับผลงานเพลงส่งถึงที่แล้ว ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็ได้เวลาขอตัวกลับ ยังต้องไปถ่ายละครที่โรงถ่ายอีก
หลินจื้อเจี๋ยมาส่งทั้งสองถึงหน้าประตู
ก่อนจะจากไป เขานึกขึ้นได้เรื่องหนึ่ง จึงถามว่า “ลู่เฉิน เทศกาลดนตรีเทียนฝู่นายไปไหม”
……………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar