ตอนที่ 68 จุดเริ่มต้นใหม่กับสัญญาใหม่
เมื่อครู่มีคนอยู่สามคนปรากฏตัวอยู่ตรงหน้าประตูร้านกาแฟ
คนที่เดินนำหน้าสุดคือผู้ชายวัยกลางคนรูปร่างสูงใหญ่ อายุประมาณสี่สิบปี สวมสูทรีดเรียบกริบ
ส่วนคนที่ตามมาข้างหลังคือผู้หญิงสวมชุดกระโปรงสีขาวกับผู้ชายสวมแว่นตารูปร่างผอมสูง
จ้าวเต๋อผิงรู้จักผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่คนนี้ และคุ้นเคยเป็นอย่างดี
อู่หงหมิง ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของ ‘จิงอวี๋ทีวี’!
จ้าวเต๋อผิงกับอู่หงหมิงไม่ได้เป็นแค่อดีตเพื่อนร่วมงานกันเท่านั้น ทั้งสองคนรู้จักกันมานานหลายปีถือว่าเป็นเพื่อนเก่าก็ยังได้ เพียงแต่มิตรภาพของวันวานไม่มีเหลืออีกแล้ว ตอนนี้ทั้งสองคนถือว่าเป็นศัตรูกันเสียมากกว่า
เมื่อเห็นอู่หงหมิง จ้าวเต๋อผิงจึงเข้าใจทันที
เขาถูกลู่เฉินแกล้งเสียแล้ว!
ลู่เฉินไม่ได้คิดจะเซ็นสัญญากับซิงกวงมีเดียด้วยซ้ำ เขารู้นานแล้วว่าจ้าวเต๋อผิงคือผู้ดูแลระบบหมายเลข 002!
จ้าวเต๋อผิงหันหน้ากลับมาทันที และไม่แปลกใจที่เห็นรอยยิ้มซึ่งเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยบนใบหน้าของลู่เฉิน
นั่นคือการเยาะเย้ยอย่างโจ่งแจ้ง!
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของซิงกวงมีเดียหน้าแดงจนเขียวม่วง ความโกรธแน่นทรวงอกระบายออกมาไม่ได้ เขาโกรธจนแทบเป็นลม แต่ก็ยังประคองสถานการณ์ไม่ให้ตัวเองหน้าแตกในตอนนี้
วันนี้เขาหน้าแตกมากจริงๆ!
จ้าวเต๋อผิงคิดว่าตัวเองเป็นคนออกหน้า ก็สามารถสู้เด็กใหม่อายุยี่สิบต้นๆ ได้สบาย จึงไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเอาเขามาแกล้งเล่นแบบนี้ และจะถือโอกาสนี้แก้แค้นความไม่ลงรอยกันในตอนนั้นด้วย
เขาบินมาปักกิ่งที่มีระยะห่าง 2,000 กิโลเมตร แต่เขากลับเล่นจำอวดเสียเอง!
แต่สิ่งที่ทำให้เขาโกรธมากก็คือ เมื่อครู่ลู่เฉินเจรจาสัญญากับเขาอย่างจริงจัง การแสดงสุดยอดจนเข้าไปอยู่ในวงการการแสดงได้เลย!
นี่ไม่ใช่แค่การแก้แค้นง่ายๆ เท่านั้น จ้าวเต๋อผิงจึงเข้าใจได้ในไม่ช้า
ลู่เฉินอยากจะหลอกใช้เขา หรือพูดให้ชัดเจนก็คืออยากหลอกใช้ซิงกวงมีเดียเพื่อเป็นหมากในการเจรจาสัญญาใหม่กับ ‘จิงอวี๋ทีวี’ มิฉะนั้นอู่หงหมิงจะมาปรากฏตัวที่นี่ด้วยความบังเอิญได้อย่างไร
“คุณ!”
จ้าวเต๋อผิงอยากจะด่า แต่คำพูดมากมายกลับกระจุกอยู่ในลำคอ สุดท้ายจึงพูดออกมาได้แค่คำเดียว
เพราะเขาเศร้าใจเมื่อค้นพบว่า ตัวเองไม่สามารถทำอะไรลู่เฉินได้เลย!
ลู่เฉินในตอนนี้ไม่ใช่ผู้ดำเนินรายการตัวเล็กๆ ใน ‘ลานแสงดาว’ ที่ปล่อยให้เขาบดขยี้อย่างไรก็ได้ในตอนแรกแล้ว
“ในเมื่อผู้จัดการจ้าวไม่ยินดี งั้นก็ไม่เป็นไรครับ…”
ลู่เฉินยิ้มกริ่มแล้วลุกขึ้น ล้วงกระเป๋าสตางค์ออกมาจากกระเป๋ากางเกง หยิบธนบัตรห้าสิบหยวนรองไว้ใต้ถ้วยกาแฟ แล้วพูดว่า “หวังว่าจะมีโอกาสร่วมงานกันวันหลังอีกนะครับ ลาก่อนครับ”
จากนั้นเขาก็หันไปพยักหน้าให้ผู้ช่วยหนุ่มที่อึ้งอ้าปากค้าง แล้วเดินเชิดหน้าออกไป
เวลานี้ในใจของจ้าวเต๋อผิงราวกับมีกองทหารกำลังสู้รบกันเสียงดัง
เขาจ้องเขม็งไปที่แผ่นหลังของลู่เฉิน ถ้าหากสายตาสามารถฆ่าคนได้ เช่นนั้นลู่เฉินคงมีรูพรุนนับร้อยนับพันแล้ว!
ผู้ช่วยถามอย่างหวาดกลัว “ผู้จัดการจ้าว อย่างนั้นตอนนี้พวกเรา…”
“กลับ!”
จ้าวเต๋อผิงพยายามดิ้นรนลุกขึ้นมา พูดอย่างหมดแรงว่า “พวกเรารีบกลับเซินไห่เดี๋ยวนี้”
หากอยู่ต่อไปก็มีแต่จะหาเรื่องใส่ตัวเอง เขาไม่อยากให้อู่หงหมิงเห็นสภาพแย่ๆ ของตัวเองจริงๆ
ผู้ช่วยอยากพูดว่ายังไม่ได้จองตั๋วขากลับ แต่พอเห็นจ้าวเต๋อผิงเป็นแบบนี้ ถ้าหากเขายังสาดเกลือใส่แผลอีกฝ่าย อย่างนั้นก็รอโดนไล่ออกได้เลย
ทั้งสองคนเพิ่งจะเดินออกไปจากโต๊ะ ทันใดนั้นก็มีเสียงเตือนอย่างมีมารยาทดังมาจากข้างหลัง
“คุณผู้ชายคะ คุณยังไม่ได้จ่ายเงินค่ะ”
พนักงานเสิร์ฟพูดเสียงไม่ดังมาก แต่ในร้านกาแฟนั้นเงียบเป็นพิเศษ ลูกค้าหลายคนที่อยู่แถวนั้นได้ยินจึงหันไปมอง และส่วนใหญ่ก็มองด้วยสายตาสงสัยหรือไม่ก็ดูถูก
จ้าวเต๋อผิงเพิ่งจะมีสีหน้าดีขึ้น แต่ก็ต้องหน้าเสียอีกครั้งอย่างรวดเร็ว
เขาสังเกตเห็นว่าอู่หงหมิงซึ่งกำลังพูดกับลู่เฉินอยู่ไม่ไกลหันมามองทางตัวเองด้วยเหตุนี้
ผู้จัดการฝ่ายปฏิบัติการของซิงกวงมีเดียเกือบจะกระอักเลือดออกมาแล้ว
ถ้ารู้ว่าผลลัพธ์จะเป็นแบบนี้ ตีให้ตายเขาก็ไม่ยอมถ่อมาถึงปักกิ่งหรอก ถูกเยาะเย้ยถากถางฟรีๆ ยังไม่ว่าอะไร ที่สำคัญคือปฏิบัติภารกิจสำคัญไม่สำเร็จ กลับไปก็ไม่รู้ว่าจะรายงานกับจางกว่างเจี๋ยอย่างไร
เขาสามารถคาดการณ์อนาคตอันสิ้นหวังและมืดมนในบริษัทของตัวเองได้เลย!
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar