ตอนที่ 698 บทเพลงสุดพิเศษบทเพลงหนึ่ง
หลังจาก ‘ความเสียใจหมื่นครั้ง’ ก็ต่อด้วย ‘ความรักของพวกเรา’ ซึ่งเป็นเพลงหลักของวงนิพพาน
หลังจากเก็บตัวมาช่วงหนึ่ง ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ได้สร้างบริษัทเฉินเฟยมีเดียร่วมกัน และเริ่มขยายกำลังอย่างช้าๆ พัฒนาไปหลายๆ ด้าน นอกจากเข้าวงการภาพยนตร์โทรทัศน์แล้ว ยังได้เซ็นสัญญาศิลปินเพื่อผลักดันสู่ตลาด
วงนิพพานและยังมีเก๋อเกินถ่าน่า ที่ได้ปรากฏตัวในคอนเสิร์ตเดอะวอยซ์คืนนี้ ก็มาเพื่อเหตุนี้เช่นกัน!
ขอเพียงเป็นคนตาแหลมก็จะดูออกว่า ลู่เฉินทุ่มเทผลักดันวงนิพพานเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านั้นก็มีเทศกาลดนตรีเทียนฝู่ ครั้งนี้เขาได้พาวงนิพพานขึ้นเวทีอีกครั้ง และยังให้ฝ่ายหลังอยู่ในตำแหน่งเดียวกับตนเองอีกด้วย
บทเพลง ‘ความรักของพวกเรา’ หวังจิ้งเป็นคนร้องนำ ลู่เฉินเล่นกีตาร์เป็นตัวประกอบเท่านั้น
“ในความทรงจำมีภาพเลือนรางของวัยเยาว์ ก้อนเมฆล่องลอยอยู่บนท้องฟ้าสีฟ้าสด”
“ตอนนั้นเธอพูดว่า อยากจะจูงมือฉัน…”
‘ความรักของพวกเรา’ หลังจากวงนิพพานนำไปร้องในเทศกาลดนตรีเทียนฝู่เป็นครั้งแรกแล้ว ได้รับความนิยมอย่างมากในวงการเพลงจีนอย่างรวดเร็ว บทเพลงนี้เป็นผลงานเพลงเปิดตัวของวงนิพพาน และเป็นดั่งตัวแทนในขณะเดียวกัน
บรรดาแฟนเพลงในตอนนี้แน่นอนว่าคุ้นเคยอยู่แล้ว ถึงแม้เพลงนี้ไม่เหมาะที่จะร้องตาม แต่หวังจิ้งแสดงอารมณ์ต่อผลงานเพลงได้อย่างถึงใจ ไม่ทำให้บรรยากาศอันร้อนระอุที่ลู่เฉินสร้างมาหายไป แต่กลับยิ่งร้อนแรงและเข้มข้นมากขึ้น!
ตอนเธอร้องเพลงจบ เสียงปรบมือดังสนั่นไปทั่วทั้งงาน หลายคนปรบมือจนฝ่ามือแดง
“ขอบคุณค่ะ!”
หวังจิ้งตื่นเต้นมาก ตอนแรกเธอได้ร่วมงานเทศกาลดนตรีเทียนฝู่ก็นับว่าเป็นงานใหญ่มากแล้ว แต่เทียบกับขบวนทัพที่อยู่ตรงหน้านี้ไม่ได้อย่างสิ้นเชิง สนามกีฬาหวงหลงสามารถบรรจุผู้ชมได้ถึงเจ็ดหมื่นห้าพันคนเชียวนะ
ในวงการ ตำแหน่งของนักร้องไม่อาจเทียบกับดาราหนังระดับเดียวกันได้ แต่ในฐานะนักร้อง ความสุขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดไม่มีอะไรมากไปกว่าการได้ยืนอยู่บนเวทีที่สว่างไสวไปด้วยแสงไฟ ได้รับเสียงปรบมือเชียร์จากผู้ชมนับหมื่นนับพัน
ความรู้สึกที่งดงามแบบนี้เหมือนกับได้ครอบครองโลกทั้งใบ ชวนให้รู้สึกเคลิบเคลิ้มตาม
เพียงแต่ความรุ่งโรจน์มักสั้นเสมอ เมื่อร้องจบทั้งสองผลงานเพลงแล้ว วงนิพพานก็ได้ลงจากเวที
แต่ลู่เฉินยังอยู่ต่อ
เขาไม่ได้ร้องเพลงต่อ…คืนนี้เขาร้องเยอะพอแล้ว แต่เป็นพิธีกรชั่วคราว
“เพลงต่อไปนี้…”
ลู่เฉินหัวเราะคิกคักพูดกับไมค์ว่า “ผมคิดว่าน่าจะเป็นบทเพลงเพลงหนึ่งที่พิเศษที่สุดในค่ำคืนนี้”
เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ไม่ว่าจะเป็นผู้ชมในงาน หรือพวกแฟนเพลงที่อยู่หน้าทีวีหรือคอมพิวเตอร์ ล้วนเกิดความสงสัยอย่างรุนแรง
คราวนี้เป็นเพลงอะไร สามารถทำให้ลู่เฉินพูดว่าพิเศษที่สุดได้
ได้ยินเพียงลู่เฉินเอ่ยต่อว่า “ผู้ที่ร้องเพลงนี้มีทั้งหมดสามคน ก่อนอื่นพวกเราช่วยกันต้อนรับนักร้องคนแรกก่อน เขาคนนั้นก็คือโค้ชคนหนึ่งของพวกเรา…”
“โค้ชเลี่ยวเจี่ย!”
เพิ่งจะสิ้นเสียงของลู่เฉิน ไฟสปอตไลต์ได้ส่องไปที่ทางเข้าเวที เงาร่างของเลี่ยวเจี่ยปรากฏขึ้นมาทันที
นักร้องเพลงร็อกรุ่นพี่คนนี้เปลี่ยนเสื้อนอกสไตล์ชาวร็อกของเขาเป็นเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์ของชาวเผ่าทุ่งหญ้า เปรียบเสมือนผู้ชายที่แข็งแกร่งและสง่างามถือแส้ขี่ม้าวิ่งตะบึงไปในทุ่งหญ้า!
เปลี่ยนสไตล์เร็วเกินไปแล้วมั้ง
เหล่าผู้ชมบ้างก็หัวเราะ บ้างก็ตกใจ บ้างก็ประหลาดใจ และบ้างก็ปรบมือ
เลี่ยวเจี่ยจับไมค์อย่างจริงจัง เงยหน้าเดินไปตรงกลางเวทีอย่างมั่นคง ถ้าเห็นข้อความนี้จากที่อื่นโปรดกลับมาเยี่ยมเราบ้างนะ ไอรีนโนเวล ขอบคุนจ้า
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “นักร้องคนที่สอง พวกคุณลองทายสิครับว่าเธอเป็นใคร”
เขาหมุนตัวทำมือเชื้อเชิญ แสงไฟสปอตไลต์ดวงที่สองส่องไปที่ตำแหน่งเดิมของเลี่ยวเจี่ย
ทว่าเปลี่ยนเป็นอีกคน
อีกฝ่ายหันหลังให้ผู้ชม ใส่ชุดสไตล์เผ่ามองโกลเหมือนกับเลี่ยวเจี่ย ทว่าเป็นชุดของผู้หญิง
ผู้คนมากมายด้านล่างเวทีร้องตะโกนชื่อเสียงดัง อย่างไรก็ตามดูวุ่นวายเป็นอย่างมาก
ลู่เฉินไม่ได้ปล่อยให้ทุกคนสงสัยนาน รีบไขปริศนาทันที “เธอก็คือ…”
“โค้ชซือฟาง!”
ยามที่ลู่เฉินตะโกนชื่อของซือฟางออกมา ซือฟางก็หมุนตัวหันมายิ้มให้คนเช่นกัน
เป็นซือฟางจริงๆ คนดูมากมายคิดไม่ถึงว่า เลี่ยวเจี่ยกับซือฟางจะร้องเพลงเดียวกัน แค่คิดก็รู้สึกสนุกแล้ว แล้วคนที่สามเป็นใครล่ะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar