อ่านสรุป ตอนที่ 781 ชุมนุมยอดมือปราบ (ต่อ) จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar โดย Internet
บทที่ ตอนที่ 781 ชุมนุมยอดมือปราบ (ต่อ) คืออีกหนึ่งตอนเด่นในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่นักอ่านห้ามพลาด การดำเนินเรื่องในตอนนี้จะทำให้คุณเข้าใจตัวละครมากขึ้น พร้อมกับพลิกสถานการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด เขียนโดย Internet อย่างเฉียบคมและลึกซึ้ง
ตอนที่ 781 ชุมนุมยอดมือปราบ (ต่อ)
ชุมนุมยอดมือปราบ!
ต่งฟางเฮ่ารู้สึกสนใจแผนรายการที่ลู่เฉินหยิบออกมาในทันที
ตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าฝ่ายผลิตภาพยนตร์ของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีและควบตำแหน่งผู้จัดการใหญ่ของนิววิดีโอเน้นบริหารโปรเจกต์ภาพยนตร์ แต่ไม่ได้หมายความว่าเขาไม่คุ้นเคยกับรายการประกวดที่นิยมอยู่ในตอนนี้
ตรงกันข้ามต่งฟางเฮ่ารู้ดีว่า ตอนนี้สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีให้ความสำคัญกับรายการวาไรตี้เป็นอย่างมาก และเตรียมผลิตรายการประเภทวาไรตี้บันเทิงอีกมากมาย เพื่อรับมือกับความท้าทายของสถานีโทรทัศน์ใหญ่เจ้าอื่นๆ
สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีในตอนนี้ ไม่ใช่เจ้าพ่อเรตติ้งที่ไร้ใครทัดเทียมได้เมื่อยี่สิบปีก่อน ถึงแม้จะมีตำแหน่งพี่ใหญ่ยากที่ใครจะสั่นคลอน แต่มีอีกหลายด้านที่ถูกสถานีโทรทัศน์อื่นแซงหน้าไปแล้ว
อย่างเช่นสถานีโทรทัศน์เซียงหนาน สถานีโทรทัศน์เจ้อตง สถานีโทรทัศน์ฮู่ไห่…กระทั่งสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ล้วนมาแย่งส่วนแบ่งตลาดในกำมือของตัวเองไป หลักๆ แล้วเป็นรายการวาไรตี้และละครโทรทัศน์เสียมาก
ตัวอย่างสุดคลาสสิคคือ ละครสองสามเรื่องที่ลู่เฉินร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์เจ้อตงและสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง ด้านเรตติ้งแซงหน้ารายการคิวทองของสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีจนฝ่ายหลังหน้าดำเคร่งเครียด และยังมีรายการประกวดร้องเพลงอีก ‘เดอะวอยซ์ไชน่า’ ได้เรตติ้งดีชนิดที่สามารถเชิดหน้าได้เลย!
อาศัยการร่วมงานกับลู่เฉิน สองสถานีใหญ่ทำกำไรได้เป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะสถานีโทรทัศน์ปักกิ่ง มีหลายคนวิ่งมาที่สถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีพูดอวดเสียงดังไม่น้อย
หากจะพูดว่าสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีไม่สนใจ ไม่อิจฉาเลยสักนิด คงจะเป็นการหลอกลวง!
ตอนนี้ลู่เฉินเป็นฝ่ายอยากร่วมงานกับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี หยิบแผนการทำรายการประกวดที่มีผลกระทบขนาดใหญ่และสามารถทำได้จริงออกมา ต่งฟางเฮ่าจะอยู่เฉยได้อย่างไร
ถึงแม้เขาจะไม่ได้รับผิดชอบงานส่วนนี้ แต่มีความดีความชอบในการแนะนำก็มากพอแล้ว!
หลังจากอ่านไฟล์อย่างลวกๆ แล้ว ต่งฟางเฮ่ารีบเคาะทันที “ผมจะเรียกหัวหน้าจ้าวกังมาตอนนี้ เขาเป็นหัวหน้าที่รับผิดชอบรายการช่องวาไรตี้ครับ”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ต้องรีบร้อนขนาดนั้นครับ หัวหน้าต่ง ผมจะส่งแผนงานนี้ให้คุณก่อน จากนั้นพวกเราค่อยหาเวลามาคุยกันอีกทีดีไหมครับ วันพรุ่งนี้หรือวันมะรืนได้หมดครับ”
เขาไม่กลัวว่าแผนงานนี้จะถูกเปิดเผย เพราะการวางแผนรายการฉบับนี้มีไว้ใช้สำหรับ ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ คนอื่นเอาไปลอกเลียนแบบไม่มีประโยชน์เลยด้วยซ้ำ อีกอย่างต่งฟางเฮ่าคงไม่โง่ขนาดนั้น
ต่งฟางเฮ่าร้อนใจ “เย็นนี้ไม่ได้เหรอครับ”
หัวหน้าต่งคนนี้อยากจะเคาะงานนี้ให้เสร็จทันที กลัวว่ายิ่งยืดเยื้อจะยิ่งมีปัญหา
แต่ลู่เฉินขอโทษจริงๆ “เย็นนี้ไม่มีเวลาจริงๆ ครับ ผมรับปากว่าจะไปสังสรรค์ที่บ้านของพี่ถานหง ดังนั้น…”
ต่งฟางเฮ่าแน่นอนว่าไม่ฝืน จึงเปลี่ยนนัดเป็นวันพรุ่งนี้
การซ้อมจริงตอนบ่ายดำเนินไปจนห้าโมงกว่าถึงสิ้นสุดลง ถึงแม้ทางสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีจะแจกคูปองอาหาร แต่นอกจากนักแสดงเอ็กซ์ตร้ากับทีมงานแล้ว ส่วนใหญ่ไม่มีใครกินข้าวมื้อนี้
ลู่เฉินกับเฉินเฟยเอ๋อร์ก็เช่นกัน ทั้งสองคนไปบ้านของถานหงพร้อมกัน เพื่อชิมฝีมือการทำอาหารของซ่งหว่านหลิ่ว
หลังจากถานหงออกจากวงการเพลงแล้ว ลู่เฉินยิ่งสนิทกับเขามากขึ้น ไปเป็นแขกที่บ้านไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง สนิทสนมกับภรรยาและลูกสาวของถานหงเป็นอย่างมาก
ผู้ที่ไปเป็นแขกวันนี้ไม่ได้มีแค่สองคน ยังมีหลิวกั่งเซิงเพิ่มมาอีกหนึ่งคน!
หลิวกั่งเซิงกับถานหงรู้จักกันมาหลายปีแล้ว ถึงแม้คนหนึ่งจะอยู่ฮ่องกงอีกคนหนึ่งจะอยู่เมืองหลวง สองสามปีถึงจะเจอหน้ากันสักครั้ง แต่หลิวกั่งเซิงถ้าหากมาเมืองหลวงเมื่อใด ก็จะมาเยี่ยมและพูดคุยกับถานหงเสมอ
ครั้งนี้หลิวกั่งเซิงมาเมืองหลวงเพื่อร่วมซ้อมจริงงานกาล่าเทศกาลฤดูใบไม้ผลิ จะต้องไปเยี่ยมบ้านเพื่อนรักอีกสองสามคนอยู่แล้ว
เมื่อถึงบ้านของถานหง ซ่งหว่านหลิ่วเตรียมอาหารเกือบเสร็จแล้ว ทุกคนล้วนเป็นเพื่อนกัน ไม่จำเป็นต้องเกรงใจอะไรอีก รีบนั่งลงแล้วดื่มกิน บรรยากาศคึกคักมาก
หลังจากกินอาหารมื้อนี้เสร็จ เฉินเฟยเอ๋อร์ช่วยซ่งหว่านหลิ่วเก็บชามและตะเกียบ ถานหงกับลู่เฉินและหลิวกั่งเซิงไปนั่งคุยจิบน้ำชาในห้องนั่งเล่น
ลู่เฉินฉุกคิดขึ้นมาในใจ รีบหันไปพูดกับถานหงทันที “พี่ถานหง งั้นพี่เล่นบทหลิวเจิ้งเฟิงดีไหมครับ”
ถานหงทำหน้างงๆ “อ๋า?”
ผ่านไปพักหนึ่งเขาถึงเข้าใจ ส่ายหน้าติดๆ กัน “นายพูดว่าจะให้ฉันแสดงเหรอ ฉันทำไม่ได้จริงๆ…”
ถานหงโลดแล่นในวงการเพลงป็อปมาหลายปี นอกจากเคยถ่ายมิวสิควิดีโอมาไม่น้อยแล้ว ยังไม่เคยเล่นละครอะไรจริงๆ จังๆ นับประสาอะไรกับผลงานการผลิตฟอร์มยักษ์เชิงพาณิชย์อย่าง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ดังนั้นจึงปฏิเสธโดยสัญชาตญาณ
หลิวกั่งเซิงกลับเห็นด้วย “ไม่เลวนะ ให้ถานหงเล่นบทหลิวเจิ้งเฟิงเหมาะสมมาก ฉันสนับสนุน!”
ลู่เฉินรีบพูดยุยง “ไม่มีอะไรไม่ได้ ฉากไม่เยอะมาก อย่างมากถ่ายแค่สองสามครั้งเท่านั้น”
ถานหงกระอักกระอ่วน ขณะที่กำลังจะปฏิเสธ ซ่งหว่านหลิ่วพาเฉินเฟยเอ๋อร์เดินเข้ามา แล้วถามอย่างสงสัย“พวกคุณกำลังพูดอะไรกันคะ อะไรได้ไม่ได้”
ลู่เฉินยิ้มเอ่ยว่า “พี่สะใภ้ พวกเรากำลังพูดเรื่องภาพยนตร์ ผมอยากให้พี่ถานหงมาแสดงสักบทหนึ่ง”
เฉินเฟยเอ๋อร์ตาเป็นประกายทันที “งั้นก็ดีจริงๆ!”
ลู่เฉินไม่ให้ถานหงมีโอกาสปฏิเสธ เขาดึงเฉินเฟยเอ๋อร์เข้ามานั่ง หยิบโทรศัพท์ยื่นให้ซ่งหว่านหลิ่ว “พี่สะใภ้ ช่วยถ่ายรูปให้พวกเราหน่อยครับ ผมจะประกาศออกไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน”
ทั้งสี่คน ลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ หลิวกั่งเซิง และถานหง แบ่งกันรับคนละบทบาท…เล่งฮู้ชง เริ่นอิ๋งอิ๋ง เซี่ยงเวิ่นเทียน และหลิวเจิ้งเฟิง
ดาราตัวท็อปทั้งสี่คน เป็นการถ่ายภาพร่วมกันที่มีความหมายและพิเศษสุดๆ!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar