ตอน ตอนที่ 794 ความฝัน จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 794 ความฝัน คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 794 ความฝัน
ซู่ๆ
ตะกร้าสแตนเลสจุ่มลงทอดในน้ำมันสีเหลืองร้อน เฟรนช์ฟรายแช่แข็งในตะกร้าและน้ำมันปาล์มที่ความร้อนหนึ่งร้อยเจ็ดสิบองศา ก่อให้เกิดปฏิกิริยาตอบสนองอย่างน่าอัศจรรย์ในทันที ทำให้เกิดเสียงที่ไพเราะ
หลังจากทอดเป็นเวลาหนึ่งนาทีสามสิบวินาที ลู่เฉินก็ยกตะกร้าทอดออกจากน้ำมัน เขย่าซ้ายขวาอีกประมาณห้าครั้ง แล้ววางลงในหม้อทอดอีกครั้ง ใช้เวลาทอดอีกสองนาทีก็เป็นอันเสร็จ
ในกระบวนการทำแบบนี้ เฟรนช์ฟรายสีทองอร่ามจะอร่อยขึ้นอีกเป็นเท่าตัวเมื่อใช้น้ำมันเดือดทอดอีกครั้ง กลิ่นหอมเข้มข้นฟุ้งกระจายไปทั่วในอากาศ รอสักครู่จนน้ำมันสะเด็ดไปจนหมดก็นำใส่กล่องอาหารได้
ลู่เฉินทำงานแบบนี้มานับครั้งไม่ถ้วนในร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดของเคเอฟซีแห่งนี้ ถึงแม้จะปิดตาก็ยังทำได้อย่างไม่ผิดพลาด การควบคุมเวลาก็ทำได้อย่างถูกต้อง
“เสี่ยวลู่ เฟรนช์ฟรายเสร็จหรือยังน่ะ”
มีเสียงถามดังมาจากด้านนอก ลู่เฉินตอบโดยไม่ได้หันกลับไปมอง “ใกล้จะเสร็จแล้วครับ!”
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์และยังเป็นเวลาอาหารเย็นอีกด้วย ดังนั้นกิจการภายในร้านจึงดีมากเป็นพิเศษ ด้านหน้าเคาน์เตอร์แคชเชียร์ทั้งสามมีกลุ่มคนมากมายต่อคิวยาวเหยียด อาหารก็เกือบจะหมดสต๊อกอยู่แล้ว
ถึงแม้จะเหนื่อยมากแค่ไหน แต่ลู่เฉินก็ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด
แม้ว่างานนี้จะไม่ค่อยมีอนาคตมากนัก แต่มันก็ช่วยทำให้ลู่เฉินเอาชีวิตรอดมาได้ในเมืองหลวงที่มีประชากรอาศัยอยู่ถึงสามสิบล้านคน หักค่าใช้จ่ายที่จำเป็นในแต่ละเดือนก็ยังมีเงินเก็บเล็กน้อยที่สามารถส่งให้ที่บ้านได้
เมื่อคิดถึงหนี้กองเท่าภูเขาของครอบครัว ลู่เฉินก็ได้แต่ถอนหายใจเงียบๆ ในใจ แต่การเคลื่อนไหวของเขากลับไม่ได้ช้าลงเลยสักนิด เขาจัดการเฟรนช์ฟรายที่ลูกค้าสั่งและส่งไปที่หน้าเคาน์เตอร์อย่างรวดเร็ว
งานยุ่งมากจนกระทั่งหลังสามทุ่ม ในที่สุดคนก็เริ่มซาลง เหลือเพียงลูกค้าไม่กี่คนที่นั่งฆ่าเวลาหรือพักผ่อนอยู่ในร้าน
ลู่เฉินกำลังถูพื้นด้วยไม้ถูพื้น เมื่อกี้มีเด็กคนหนึ่งทำเครื่องดื่มหกลงบนพื้นโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่พี่หวังที่ทำหน้าที่รับผิดชอบในการทำความสะอาดไปเข้าห้องน้ำ ดังนั้นเขาจึงรับภาระนี้ไปเสีย
ครืด
ประตูกระจกถูกคนผลักเปิดจากด้านนอก แล้วผู้ชายสามคนก็เดินก้าวเข้ามาด้านใน
ลู่เฉินยืดตัวตรง ยิ้มให้แล้วพูดว่า “เคเอฟซียินดีต้อนรับครับ…”
ในวินาทีต่อมา เสียงของเขาก็หยุดชะงักลง
เพราะว่าคนสามคนที่เพิ่งเดินเข้ามานั้นลู่เฉินรู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างมาก ราวกับเป็นคนใกล้ตัวของเขามากที่สุด แต่กลับนึกชื่อของพวกเขาไม่ออก จึงได้แต่ยืนอึ้งไปชั่วขณะหนึ่ง
หนึ่งในนั้นสวมเสื้อยืดกางเกงยีนส์ เป็นผู้ชายที่มีผมยาวจนถึงหัวไหล่ เขายิ้มและตบไหล่ของลู่เฉินพร้อมพูดว่า “อะไรกัน แม้แต่พวกเรานายก็ยังไม่รู้จักงั้นเหรอ พวกเราก็คือเจ้าหนี้ของนายยังไงล่ะ!”
เจ้าหนี้?
ภายในหัวของลู่เฉินนั้นเต็มไปด้วยความมึนงง เขาจำไม่ได้เลยว่าตัวเองเคยติดหนี้อีกฝ่าย แต่จะให้พูดว่าไม่รู้จักเลยก็ไม่ถูกนัก
“ลู่เฉิน…”
อีกคนหนึ่งที่สวมแว่นตา เป็นชายวัยกลางคนที่ดูดีมีสง่า ยิ้มและพูดว่า “อย่าไปใส่ใจเขาเลย เขาไม่ได้จริงจังอะไรหรอก พวกเราหิวมากแล้ว รีบไปหาอะไรมาให้พวกเรากินกันสักหน่อยเถอะ!”
ลู่เฉินพยักหน้ารับอย่างงุนงง “ได้ ได้ครับ พวกคุณอยากกินอะไรครับ”
เขาถูกทำให้ลืมไปหมดแล้วว่าเคเอฟซีจะต้องให้ลูกค้าไปสั่งอาหารและจ่ายเงินเองที่แคชเชียร์ ไม่เหมือนกับร้านอาหารทั่วไป
ทั้งสามคนนั่งลงตรงโต๊ะข้างๆ และชายผมยาวก็ตะโกนสั่งอาหาร “เอาชุดครอบครัวมาหนึ่งถัง แล้วก็ชุดดีลักซ์ชุดใหญ่อีกหนึ่งที่ เพิ่มเฟรนช์ฟรายอีกสามที่ และโคล่าใส่น้ำแข็งเพิ่มเป็นพิเศษ!”
ลู่เฉินจดรายการและวิ่งไปที่แคชเชียร์เพื่อสั่งอาหารอย่างสับสน แถมเขายังจ่ายเงินเองอีกด้วย
ผ่านไปครู่หนึ่งเขาก็นำอาหารไปส่งตามที่สั่งเอาไว้ อีกฝ่ายก็ยังคงไม่เกรงใจเช่นเดิม พูดไปหัวเราะไปขณะที่กินไปด้วยและก็คุยกันไปด้วย
เห็นได้ชัดว่าทั้งสามคนเป็นเพื่อนที่ดีต่อกัน พวกเขาพูดคุยกันในหัวข้อที่หลากหลาย ทั้งดนตรี วรรณกรรม รวมทั้งภาพยนตร์ ไม่มีเรื่องไหนที่ไม่ถูกพูดถึง นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขาพูดยังมีเนื้อหาสาระที่ค่อนข้างน่าสนใจ ทำให้ลู่เฉินที่ยังคงถูพื้นอยู่ฟังจนใจลอย
ผู้ชายผมยาวเป็นคนที่พูดเยอะที่สุด พูดคุยได้อย่างสนุกสนานพร้อมกับขยับมือขยับเท้าไปมาดูมีความสุขเป็นอย่างมาก ดูกระปรี้กระเปร่าและยังเป็นอิสระ
ผู้ชายที่ใส่แว่นนั้นอ่อนโยนและสง่างาม สามารถตามทันหัวข้อสนทนาของอีกฝ่ายได้เสมอ ราวกับว่าเป็นนักแสดงสมทบในโชว์พูดตลก
เทียบกันแล้วชายรูปร่างสูงผอมอีกคนนั้นเป็นคนที่เงียบกว่ากันมาก หวงแหนคำพูดราวกับทองคำ แต่มักจะพูดจาจี้จุดตรงประเด็น
เขามีดวงตาสีดำน่าเกรงขามที่ลึกลับยากเกินจะหยั่งถึง
ลู่เฉินรู้สึกอยู่ตลอดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แต่กลับถูกดึงดูดด้วยหัวข้อที่ทั้งสามคนกำลังพูดคุยกัน ความคิดล่องลอยไปโดยไม่ล่วงรู้กาลเวลา จนกระทั่งเสียงแหลมเล็กเตือนดังขึ้น
“เลิกกันงั้นเหรอ”
ลู่เฉินรู้สึกว่าหัวของเขากำลังจะระเบิดออกมา เขาแทบจะไม่อยากเชื่อหูตัวเอง “ทำไมล่ะ”
“ฉันรักนายมาก แต่ความรักไม่สามารถแทนที่ความเป็นจริงได้หรอกนะ นายให้สิ่งที่ฉันต้องการไม่ได้…”
หวางอิ๋งยังคงพูดต่อไปอีกต่างๆ นานา แต่ลู่เฉินกลับไม่ได้ยินเสียงอะไรอีกเลย ความเจ็บปวดที่บีบหัวใจกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายของเขา อาการชักกระตุกที่กล้ามเนื้อส่วนท้องทำให้เขาล้มตัวลงหมอบไปกับพื้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ
“ไม่!”
“ลู่เฉิน…”
ในตอนที่เขาเจ็บปวดมากจนไม่สามารถควบคุมตนเองได้ เสียงที่ราวกับมาจากสวรรค์เสียงหนึ่งก็ดังขึ้นข้างหูของเขา แทนที่เสียงหนวกหูราวกับคำสาปของหวางอิ๋ง
ลู่เฉินเงยหน้าขึ้นมาอย่างยากลำบาก แสงสว่างจ้าสาดส่องลงมาที่เขา ทำให้เขามองใบหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายได้ไม่ชัดนัก
“ลู่เฉิน!”
เสียงตะโกนเรียกอีกครั้งทำให้เขาได้สติขึ้นมาในที่สุด!
เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างยากลำบาก ลู่เฉินพบว่าตัวเองนอนอยู่บนเตียง ไฟบนตู้ข้างเตียงเปิดอยู่ เฉินเฟยเอ๋อร์กอดเขาด้วยท่าทีที่เป็นห่วง เอ่ยถามเบาๆ ว่า “นายฝันร้ายงั้นเหรอ”
ลู่เฉินสูดหายใจยาวหนึ่งครั้ง เมื่อตื่นขึ้นอย่างเต็มที่แล้วจึงถามว่า “กี่โมงแล้วครับ”
เฉินเฟยเอ๋อร์พูดว่า “ยังเช้าอยู่มาก นายนอนต่อเถอะ”
ลู่เฉินไม่ได้พูดอะไร เฉินเฟยเอ๋อร์ก็ไม่ได้ถามต่อ
ลู่เฉินพยักหน้าและกอดเธออย่างแน่นหนาในอ้อมแขนของเขา ราวกับว่ากำลังโอบกอดโลกทั้งใบ
ดีจริงๆ ที่มีคุณอยู่
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar