ตอน ตอนที่ 798 จะรับมืออย่างไร จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง
ตอนที่ 798 จะรับมืออย่างไร คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย
ตอนที่ 798 จะรับมืออย่างไร
“คุณจะไปหนิงซานเหรอ”
ความคิดของเฉินเฟยเอ๋อร์ทำให้ลู่เฉินตกใจ “ไปทำอะไรครับ”
สำหรับคำถามของลู่เฉิน เฉินเฟยเอ๋อร์ตอบกลับด้วยน้ำเสียงยียวนว่า “ไม่มีอะไรแล้วไปเที่ยวไม่ได้เหรอ ฉันจะไปสำรวจกับพี่ลู่ซีไม่ดีเหรอ อีกอย่าง…”
ใบหน้างดงามของเธอแดงระเรื่อ “ถือโอกาสนี้ไปสวัสดีคุณตากับคุณยายของนายด้วยไง”
เหตุผลข้อสุดท้ายถึงจะเป็นเป้าหมายของเธอสินะ ลู่เฉินยอมแพ้ “เอาอย่างนั้นก็ได้ คุณล่วงหน้าไปก่อน ผมจะตามไปทีหลัง”
เดิมทีควรจะเป็นลู่เฉินไปสำรวจถึงจะเหมาะสมที่สุด อย่างไรเสียโปรเจกต์ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ นี้ เขาถึงจะเป็นผู้ควบคุมอย่างแท้จริง เมื่อเกี่ยวข้องถึงการเลือกสถานที่ถ่ายทำที่สำคัญ ก็ต้องไปสำรวจด้วยตัวเอง
แต่รายการที่ร่วมมือกับสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวีนั้นกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ลู่เฉินไม่สามารถละทิ้งไปได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงปล่อยให้ลู่ซีไปทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อน และตอนนี้หากเพิ่มเฉินเฟยเอ๋อร์อีกคนก็ไม่เป็นอะไร
ขอแค่เธอมีความสุขก็พอแล้ว!
“อย่างนั้นฉันจะไปรอนายที่หนิงซาน…”
เฉินเฟยเอ๋อร์ยิ้มตาหยีก่อนจะจุมพิตลงบนแก้มเขา แล้วพูดต่อว่า “อย่างนั้นนายอยู่ที่ปักกิ่งต้องทำตัวให้ดีนะ”
ลู่เฉินหัวเราะไม่ได้ยิ้มก็ไม่ออก ลู่ซีตบหน้าผากบ่นว่า “พวกเธอสองคน ระวังท่าทีหน่อยได้ไหม”
เฉินเฟยเอ๋อร์หัวเราะร่าเริง กอดแล้วลู่ซีไว้แล้วพูดว่า “พี่ลู่ซี พวกเราไปหาซื้อของที่ต้องใช้ระหว่างทางกันเถอะ”
เธอแทบจะรอไม่ไหวแล้ว
วันที่สามที่คณะจากหนิงซานเดินทางมาปักกิ่ง เฉินเฟยเอ๋อร์และลู่ซีรวมถึงพนักงานของเฉินเฟยมีเดียสองสามคน ตามพวกเขามุ่งหน้ากลับไปหนิงซาน เพื่อสำรวจโรงถ่ายละครและวิวทิวทัศน์โดยรอบ
เนื่องจากการสำรวจครั้งนี้เกี่ยวข้องกับสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ว่าจะใช้สถานที่ที่หนิงซานได้หรือไม่ และเกี่ยวข้องกับโรงถ่ายละครที่มีการลงทุนหลายร้อยล้านในหนิงซานว่าจะสามารถหลุดพ้นจากสถานการณ์ยากลำบากได้หรือไม่ ดังนั้นทางอำเภอหนิงซานจึงให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง ทางนั้นเริ่มเตรียมงานต้อนรับก่อนที่ทางนี้จะออกเดินทางเสียอีก
เดิมทีแค่ลู่ซีเป็นตัวแทนเดินทางไปคนเดียวก็ได้รับการต้อนรับอย่างเต็มที่แล้ว ตอนนี้มีเฉินเฟยเอ๋อร์เพิ่มเข้าไปอีก อย่างนั้นการรับรองแม้ว่าจะเทียบไม่ได้กับการดูงานของผู้บริหารประเทศ แต่ก็เพียงพอที่จะทำให้อำเภอของเจ้อเจียงตะวันออกที่อยู่ห่างไกลแห่งนี้เกิดความฮือฮาครั้งใหญ่
ลู่เฉินมาไม่ทันเรื่องครึกครื้นนี้ แต่เขาเห็นในอินเทอร์เน็ตว่าทางหนิงซานมองการมาเยือนของเฉินเฟยเอ๋อร์ว่าเป็น ‘ลูกสะใภ้มาเยี่ยมบ้านแม่ยาย’ ทำเอาเขารู้สึกจนคำพูดเลย!
เรื่องเกาะกระแสความดังนี่…เชี่ยวชาญดีเหลือเกิน!
แต่คนที่เกาะกระแสความดังได้เก่งที่สุด ยังคงเป็นคนในวงการบันเทิง!
เมื่อการประชาสัมพันธ์ในช่วงแรกของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์เรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ได้เริ่มต้นขึ้น นอกจากมีคนทำผลงานกำลังภายในตามกระแสจำนวนมากแล้ว ศิลปินดารามากมายก็เกาะกระแสความดังนี้ด้วย
หนึ่งในนั้นคนที่สร้างกระแสได้ร้อนแรงที่สุดก็คือกู้เหล่ยที่เป็นตัวแทนของดาราที่เรียกกันว่า ‘สายแข็ง‘ นักแสดงที่เพิ่งเปลี่ยนมาทำสายอาชีพนี้กลางทางคนนี้เคยเป็นรองแชมป์กีฬาคิกบ็อกซิ่งระดับประเทศ อาศัยฝีมือที่โดดเด่นและรูปลักษณ์ภายนอกที่หล่อเหลาเข้ามาสู่วงการบันเทิง จนกระทั่งวันนี้ได้ถ่ายผลงานภาพยนตร์และละครไปหลายเรื่องแล้ว
ผลงานลือชื่อของกู้เหล่ยคือ ‘ฟงอวิ๋นทักษิณธานี’ ภพยนตร์เรื่องนี้มียอดจำหน่ายตั๋วอยู่ที่ 150 ล้าน และได้รับรางวัลด้านภาพยนตร์หลายรางวัล รวมถึงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกด้วย
แต่หลังจาก ‘ฟงอวิ๋นทักษิณธานี’ แล้ว ภาพยนตร์หลายเรื่องที่กู้เหล่ยนำแสดงทำผลงานได้ธรรมดามาก ภาพยนตร์ที่เขาเป็นตัวแสดงหลักฉากต่อสู้ไม่ต้องใช้ตัวแสดงแทนเลย ดังนั้นจึงถูกขนานนามว่าเป็นดารานักแสดงที่มีความสามารถอย่างแท้จริง ชื่อเสียงจัดอยู่ในดาราระดับสองค่อนไปทางระดับหนึ่ง
ภายใต้คำถามชี้นำอย่างจงใจของนักข่าว กู้เหล่ยพรั่งพรูคำพูดออกไม่หยุด ราวกับเขาถือว่าลู่เฉินเป็นคู่แข่งรายใหญ่ที่สุดของเขา และเขาก็มั่นใจมากว่าจะชนะการต่อสู้!
ไม่เพียงเท่านั้น เขายังโพสต์วิดีโอสัมภาษณ์บนบล็อกของเขา และภายใต้การปั่นกระแสของชาวเน็ต ก็เข้าสู่รายการยอดนิยมบนหน้าแรกของบล็อกล่างฉาวอย่างรวดเร็ว ดึงดูดแฟนๆ จำนวนมาก
แต่เมื่อแฟนคลับของลู่เฉินเห็นคลิปนี้แล้วไม่พอใจมาก ต่างทยอยกันคอมเมนต์ก่นด่าและหัวเราะเยาะ สุดท้ายก็ตกหลุมพรางของกู้เหล่ยเข้าให้ มีการโต้ตอบกันบนบล็อกอย่างต่อเนื่อง
“ผมไม่ได้เย่อหยิ่ง แต่ก็ไม่ได้ถ่อมตัวเช่นกัน!”
“พูดมากไปก็ไร้ประโยชน์ พวกเรามาคุยด้วยข้อเท็จจริงกันเถอะ!”
“อย่าด่าเลย ผมคิดว่าแฟนคลับของลู่เฉินควรมีมารยาทนะ”
กู้เหล่ยฉลาดมากอย่างไม่ต้องสงสัย ทุกคนรู้ว่าเขากำลังอาศัยสิ่งนี้สร้างกระแส แต่เขาทำเหมือนว่าเขาซื่อสัตย์และไร้เดียงสา ทำให้ผู้คนโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือทัศนคติของลู่เฉิน และไม่ว่าลู่เฉินจะตอบสนองหรือไม่ หรือว่าจะตอบสนองอย่างไร สำหรับเขามีแผนสำรองเสมอ ตอนนี้เกาะกระแสได้เท่าไรก็รีบกอบโกยเสีย
ในวงการบันเทิง กู้เหล่ยไม่ใช่คนแรกที่ใช้วิธีนี้ และก็คงไม่ใช่คนสุดท้าย นักแสดงที่ได้รับความนิยมสูงมาก ล้วนหนีไม่พ้นการถูกก่อกวนอย่างนี้
ไม่แค่กู้เหล่ยเท่านั้น คนที่อยากจะเกาะกระแสความดังของลู่เฉินไม่ได้มีเพียงคนหรือสองคน และวิธีก็เปลี่ยนใหม่ตลอด ทำให้ลู่เฉินตกเป็นเป้าหมายของการวิพากษ์วิจารณ์ไปชั่วขณะหนึ่ง
แฟนๆ ของลู่เฉินถือได้ว่าเป็นคนมีเหตุผลมาก หลังจากที่ได้ดูเจตนาของกู้เหล่ยแล้ว พวกเขาไม่ได้ช่วยให้กู้เหล่ยสร้างกระแสได้ แต่พวกเขาก็กังวลมากว่า ลู่เฉินจะจัดการกับสถานการณ์เช่นนี้ได้อย่างไร!
…………………………………………………………………………
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar