(นิยายแปล) Perfect Superstar นิยาย บท 813

สรุปบท ตอนที่ 813 โลกใบใหม่ที่สวยงามของจ้าวไห่เฉา: (นิยายแปล) Perfect Superstar

ตอน ตอนที่ 813 โลกใบใหม่ที่สวยงามของจ้าวไห่เฉา จาก (นิยายแปล) Perfect Superstar – ความลับ ความรัก และการเปลี่ยนแปลง

ตอนที่ 813 โลกใบใหม่ที่สวยงามของจ้าวไห่เฉา คือตอนที่เปี่ยมด้วยอารมณ์และสาระในนิยายSlice of Life (นิยายแปล) Perfect Superstar ที่เขียนโดย Internet เรื่องราวดำเนินสู่จุดสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการเปิดเผยใจตัวละคร การตัดสินใจที่ส่งผลต่ออนาคต หรือความลับที่ซ่อนมานาน เรียกได้ว่าเป็นตอนที่นักอ่านรอคอย

ตอนที่ 813 โลกใบใหม่ที่สวยงามของจ้าวไห่เฉา

โรงถ่ายหนิงซาน ถนนโบราณหมิงชิง

ลมโชยอ่อนพัดผ่านต้นหลิว บุปผาหอมชวนหลงใหล เป็นฤดูฤดูใบไม้ผลิอันงดงามในแดนใต้

ถนนโบราณสายยาว ถนนที่ปูด้วยหินสีเขียวทอดยาวไปข้างหน้า ด้านหน้าจวนหลังใหญ่ กลางแท่นหินสองแท่นทางซ้ายและขวามีเสาธงสูงประมาณสองจั้งตั้งอยู่ ธงสีน้ำเงินโบกสะบัดอยู่บนยอดเสา

เห็นเพียงสิงโตท่าทางน่าเกรงขามตวัดกรงเล็บซึ่งปักด้วยไหมสีเหลืองบนธงด้านขวามือ ธงโบกสะบัดตามแรงลม ทำให้สิงโตราวกับมีชีวิต ธงด้านซ้ายปักด้วยตัวอักษรสีดำว่า ‘สำนักคุ้มกันฝูเวย’ ตะขอเงินและเหล็กก็ดูพิเศษไม่ธรรมดาเลย!

ประตูบานใหญ่สีแดงก่ำ ตะปูทองแดงขนาดเท่าถ้วยน้ำชาที่ประตูส่องประกายแวววาว แผ่นป้ายที่ด้านบนของประตูเขียนด้วยตัวอักษรสีทองขนาดใหญ่ว่า ‘สำนักคุ้มกันฝูเวย’ ด้านล่างมีตัวอักษรขนาดเล็กเขียนไว้ว่า ‘สาขาใหญ่’

มีม้านั่งสองแถวตรงทางเข้า และมีชายแปดคนที่สวมชุดทะมัดทะแมงนั่งอยู่ ต่างก็นั่งหลังตรง ดูเหมือนมีวิญญาณแห่งผู้กล้าอยู่ในนั้น

‘ตึก ตึก ตึก’ ทันใดนั้นเสียงกีบม้าก็ดังขึ้น และจอมยุทธ์ห้าคนก็เดินออกมาจากประตูด้านข้างของสำนักคุ้มกัน จอมยุทธ์หนุ่มที่เดินนำมาสวมเสื้อปักลายและแขวนดาบยาวไว้ที่เอว บนใบหน้าที่หล่อเหลาของเขามีรอยยิ้มจางๆ

ห่างจากเหล่าจอมยุทธ์ไปสิบกว่าเมตร กล้องดิจิทัล 4K มูลค่าหลายล้านสองตัวจับจ้องมาที่พวกเขาจากตำแหน่งที่ต่างกัน และภาพแบบเรียลไทม์ก็ถูกบันทึกเข้าไปในจอ

และที่ไกลกว่าออกไป คือเหล่าคนในกองที่ต่างก็ตื่นเต้นและยุ่งมือเป็นระวิง

ในฐานะตัวแสดงหลักในการถ่ายทำวันนี้ จ้าวไห่เฉากำลังขี่ม้าสีขาวตัวหนึ่ง ความรู้สึกในใจเขาซับซ้อนมาก

เคยจินตนาการ เคยใฝ่ฝัน เคยรอคอยมานับร้อยนับพันครั้ง แต่เมื่อเวลานี้มาถึงจริงๆ เขาพบว่าตนเองไม่ได้ตื่นเต้นหรือฮึกเหิมอย่างที่คิดเอาไว้ ตอนนี้เขารู้สึกหวาดหวั่นด้วยซ้ำ

อาจเป็นเพราะว่าเคยพ่ายแพ้ เคยผิดหวัง เคยเสียใจมานับครั้งไม่ถ้วนละมั้ง

จ้าวไห่เฉาจบการศึกษาจากวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งสาขาการแสดงในปี 2015 เข้าสู่วงการภาพยนตร์และโทรทัศน์ได้สี่ห้าปีแล้ว ไม่ได้ถือเป็นคนหน้าใหม่อะไร แต่ถ่ายภาพยนตร์และละครโทรทัศน์หลายเรื่อง ก็ไม่ดังเลย สถานการณ์อาจกล่าวได้ว่าค่อนข้างน่ากระอักกระอ่วน

รูปลักษณ์ภายนอกของจ้าวไห่เฉาไม่เลวเลย ไม่อย่างนั้นในปีนั้นก็คงไม่สามารถเอาชนะคู่แข่งนับร้อยคนได้ เขาสอบติดสาขาการแสดงของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งด้วยคะแนนสูงมาก แต่โชคของเขาไม่ดี ตัวละครที่เคยไปร่วมแสดงมักจะเป็นตัวประกอบเล็กๆ ละครหลายเรื่องก็แย่เอาเรื่อง หลายปีมานี้ไม่ได้เก็บเกี่ยวชื่อเสียงอะไรเลย

ชีวิตการทำงานไม่มีความก้าวหน้า แต่อายุอานามกลับไหลไปราวกับสายน้ำไหล เมื่อปลายปีก่อน จ้าวไห่เฉาตัดใจนำเงินเก็บทั้งหมด และเงินที่หยิบยืมญาติสนิทมิตรสหายมาอีกไม่น้อยไปฉีกสัญญากับบริษัทเอเจนซี่

บริษัทเอเจนซี่ที่ได้รับเงินชดเชยไปก็ไม่ได้ทำให้เขาลำบากใจเท่าไร ต่างคนต่างไป ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร

ตราของวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งมีชื่อเสียงมาก แต่นักศึกษาที่จบมาทุกปีจะมีกี่คนที่โด่งดังได้

การแข่งขันในแวดวงนี้ดุเดือดมาก คนใหม่ที่เข้าวงการมารุ่นต่อรุ่น อยากได้ตำแหน่งมีชื่อเสียง จะอาศัยเพียงวุฒิการศึกษาไม่ได้ ต้องรู้จักสร้างกระแส ต้องมีคนสนับสนุน ต้องรู้จักที่จะเสียสละ…แต่นี่ก็อาจจะไม่ดังก็ได้

ฐานะครอบครัวของจ้าวไห่เฉาถือว่าเป็นชนชั้นกลาง ส่งเสียเขาให้เรียนวิทยาลัยภาพยนตร์ปักกิ่งนั้นไม่ง่ายเลย เรื่องอื่นๆ นั้นแทบจะทำอะไรไม่ได้ และก็ไม่มีเส้นสายที่จะให้เขาใช้ได้ด้วย

เขาเองก็ไม่หวังพึ่งครอบครัว คิดจะอาศัยความพยายามของตัวเองและพรสวรรค์เพื่อหาลู่ทางแจ้งเกิดของตัวเอง

แต่ความจริงที่โหดร้าย ทำให้เด็กหนุ่มที่แสนซื่อเติบโตขึ้นในเวลาอันรวดเร็ว เพียงแต่นิสัยดื้อรั้นและยืนหยัดไม่เคยจางหายไปจากใจ เขาเลยไม่เคยละทิ้งสิ่งที่สำคัญที่สุดในตัว

สองเดือนก่อน เมื่อจ้าวไห่เฉาส่งเรซูเม่ของตัวเองไปที่อีเมลของเฉินเฟยมีเดีย ที่จริงเขาแทบไม่หวังเลยว่าตัวเองจะได้รับโอกาส เพราะเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ มีคนให้ความสนใจเยอะมาก นักแสดงโนเนมอย่างเขาส่งเรซูเม่ไปจะต่างอะไรกับซื้อลอตเตอรี่ล่ะ

ตอนนั้นจ้าวไห่เฉาคิดดีแล้ว หากหาโอกาสไม่ได้ในปักกิ่ง เขาก็จะรับคำเชิญของรุ่นพี่ เดินทางลงใต้ไปถ่ายละครออนไลน์เรื่องหนึ่งที่เซินไห่ แม้ว่าจะเป็นตัวประกอบเล็กๆ อย่างน้อยก็ได้เงินหลายหมื่นหยวนอยู่

แต่ที่ทำให้จ้าวไห่เฉาไม่กล้าแม้แต่จะฝันก็คือ เขาส่งเรซูเม่ออกไปเพียงสองวันเท่านั้นก็ได้รับโทรศัพท์จากเฉินเฟยมีเดียแล้ว ว่าให้เขาไปสอบสัมภาษณ์

คำพูดนี้เป็นลู่เฉินที่พูดกับจ้าวไห่เฉา เขาอยู่ข้างๆ เฉินกั๋วจื้อนั่นแหละ

เฉินกั๋วจื้อกำกับเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ แค่ภาคที่หนึ่ง ‘กระบี่จากเทือกเขาฮว่าซาน’ อีกสองภาคที่เหลือลู่เฉินตัดสินใจกำกับเอง เขาทราบดีว่าในด้านการกำกับการแสดงตัวเองอ่อนประสบการณ์มาก ดังนั้นครั้งนี้จึงได้เชิญเฉินกั๋วจื้อมากำกับ และก็ถือว่าเป็น ‘การกราบขอวิชาจากบรมครู’ นั่นเอง

ฝีมือการกำกับการแสดงของเฉินกั๋วจื้อโดดเด่นไม่มีใครเทียบได้ ทั้งยังยินดีถ่ายทอด แม้ว่าเวลาถ่ายทำจะมีไม่มาก แต่ลู่เฉินก็ได้เรียนรู้มากมาย เมื่อภาพยนตร์เรื่องนี้ถ่ายทำเสร็จ เขาก็จะมีพื้นฐานการกำกับของตนเองแล้ว

สำหรับการแสดงของจ้าวไห่เฉาเมื่อครู่นี้ ลู่เฉินเองก็พอใจ ตอนแรกก็เป็นเขาที่ยืนยันจะเลือกจ้าวไห่เฉามารับบทหลินผิงจือ ตอนนี้ได้แสดงให้เห็นแล้วว่าเขามองคนไม่ผิด

นี่คือหยกที่ยังไม่ได้เจียระไน หากฝึกฝนเสียหน่อยก็จะสามารถเปล่งประกายที่แท้จริงออกมาได้

ลู่เฉินเองก็รอคอย ในฉากต่อมา จ้าวไห่เฉาก็แสดงได้ดีเหมือนกัน

“ผู้กำกับเฉิน ผู้กำกับลู่ ผมจะพยายามครับ!”

จ้าวไห่เฉาพยักหน้าจริงจัง ในใจรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก

หากเป็นเขาเมื่อก่อน การได้พบผู้กำกับใหญ่อย่างเฉินกั๋วจื้อเป็นเรื่องที่ไม่ง่ายเลย กับนักแสดงตัวท็อปอย่างลู่เฉินคงแทบไม่มีโอกาสได้พูดด้วยเลย เมื่อเทียบกับตอนนี้มันเหมือนฟ้ากับเหวเลย!

เขาเหมือนกับได้เห็นโลกใบใหม่ที่สวยงาม ที่กำลังเปิดประตูบานยักษ์ออกเพื่อตน

จากนี้ชีวิตก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมอีกเลย!

…………………………………………………………………………

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar