ตอนที่ 853 ปะทุแล้ว
เพลง ‘ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด’ เป็นเพลงที่ลู่เฉินตั้งใจเขียนให้วงเสี่ยวหู่ถวนร้องในงานคอนเสิร์ตแรกในค่ำคืนนี้ เพลงนี้เต็มไปด้วยความมีพลังของวัยหนุ่มสาว ยังมีความความทรงจำของวัยเยาว์ เนื้อเพลงฟังง่ายและแสนบริสุทธิ์ ในท่วงทำนองที่งดงามนั้นมันรวมไปถึงอารมณ์ความรู้สึกแสนเศร้าบางๆ ทั้งยังมีความรู้สึกของรักแรกที่เจ็บปวดอยู่ในนั้นด้วย
อายุเพียงสิบเจ็ดสิบแปดปีเป็นช่วงเวลาที่งดงามที่สุดของคนเรา เพิ่งจะบอกลาวัยเด็กที่แสนซื่อไป เต็มไปด้วยความใฝ่ฝันและโหยหาอนาคต ความรู้สึกรักที่ไม่ชัดเจนเริ่มงอกเงยขึ้นมา…
บางทีอาจจะเพราะยังเด็ก หรือบางทีอาจจะเลือดร้อนบุ่มบ่าม หรืออาจจะไม่เข้าใจว่ารักแท้คืออะไร แต่เมื่อทุกคนย้อนรำลึกถึงวันคืนช่วงนี้ขึ้นมา เชื่อว่าคนส่วนมากจะปรากฏรอยยิ้มที่จริงใจออกมาแน่นอน
เมื่อร้องเพลงนี้อยู่ ลู่เฉินก็ย้อนรำลึกถึงตนเองในวัยสิบเจ็ดปีเช่นกัน เขาในตอนนั้นได้รับรู้ถึงความรู้สึกของรักครั้งแรกแล้ว คิดเอาเองว่ารักนั้นจะอยู่ยืนยาวไม่เปลี่ยนแปลง แต่กลับมลายหายไปท่ามกลางการทะเลาะเบาะแว้งเสีย
เมื่อมองย้อนกลับไป มีทั้งความเสียใจและความเศร้า ความเสียใจและความเศร้าเหล่านี้ได้เข้ามาอยู่ท่ามกลางเนื้อเพลงแล้ว
“……
ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด
เราล้วนต่างมีความปรารถนาร่วมกัน
ทั้งยังเคยโอบกอดเอาไว้อย่างแน่นแฟ้น
ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด
ย้อนนึกถึงเรื่องราวยามเยาว์วัยทุกอย่างนั้น
กลับพบว่าการเติบโตได้ค่อยๆ เข้ามาใกล้
……”
เมื่อดนตรีแบบเดิมดังขึ้นอีกครั้ง เสียงประสานของสมาชิกทั้งสามคนจากวงเสียวหู่ถวนกลายมาเป็นเสียงหลัก แสงไฟที่สาดส่องมาที่ลู่เฉินก็ย้ายไปที่พวกเขาทั้งสามคน
นี่คือการส่งสัญญาณอย่างชัดเจนที่สุดแล้ว ว่าเป็นตัวแทนของการถ่ายทอดระหว่าง ‘ใหม่’ และ ‘เก่า’ แน่นอนว่าลู่เฉินต้องไม่ใช่คนเก่า แต่เขาเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาที่วงเสียวหู่ถวนให้การยอมรับ
เพลง ‘ฤดูฝนปีนั้นเมื่อฉันอายุสิบเจ็ด’ ร้องครั้งแรกโดยลู่เฉิน สุดท้ายก็มอบให้แก่วงเสียวหู่ถวน
เมื่อเพลงหนึ่งจบไป ทั้งสนามกีฬาเกิดเสียงปรบมือดังกึกก้อง แฟนคลับนับไม่ถ้วนตื่นเต้นจนกระโดดขึ้นมา ต่างก็โบกแท่งไฟในมือไปมาสุดชีวิต กู่ร้องชื่อของสมาชิกวงทั้งสามและลู่เฉินออกมาอย่างสุดเสียง
“ขอบคุณครับ!”
ลู่เฉินกล่าวขอบคุณเหล่าผู้ชมและเตรียมเดินออกไปจากเวที
แต่ในตอนนี้เอง จู่ๆ จางจวิ้นจื้อก็พุ่งเข้ามา กางสองแขนออกพลางโอบกอดลู่เฉินเอาไว้แน่น
ลู่เฉินชะงักไป ก่อนจะยกยิ้มแล้วตบไหล่ของเขา
กลายเป็นว่าทั้งหูอี้หรานและเยวี่ยหยางก็พุ่งเข้ามาเช่นกัน เด็กหนุ่มทั้งสามต่างก็โอบล้อมลู่เฉินเอาไว้แน่น!
นี่ไม่ใช่การจัดแจงที่ทางผู้จัดคอนเสิร์ตคืนนี้เตรียมไว้ แต่เป็นความเคารพและนับถือต่อลู่เฉินที่มาจากส่วนลึกในใจพวกเขา ทั้งยังมีความรู้สึกขอบคุณอย่างท่วมท้นในใจพวกเขาอีก
หากไม่มีลู่เฉินก็ไม่มีวงเสียวหู่ถวน ไม่มีลู่เฉิน พวกเขาคงไม่มีชีวิตที่สดใสเช่นนี้แน่!
ดังนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงแสดงออกมาแบบนี้ แม้ว่าจะดูกะทันหัน แต่ก็เป็นสิ่งที่วัยรุ่นควรมีแล้วไอรีนโนเวล
“อังกอร์!” “อังกอร์!”
เหล่าผู้ชมได้สติอย่างรวดเร็ว ต่างก็ตะโกนออกมาว่า ‘ร้องอีกเพลง’ อย่างพร้อมเพรียง ทันใดนั้นบรรยากาศทั้งสนามกีฬาก็ไปสู่จุดพีก ทำให้ทั้งสนามกีฬาผู้ใช้แรงงานกรุงปักกิ่งได้กลายเป็นทะเลแห่งคลื่นเสียงกึกก้อง
เพราะสิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนั้นยากจะบอกปัดได้ ลู่เฉินไม่อาจปล่อยให้ผู้ชมนับหมื่นผิดหวัง ดังนั้นเขาจึงร่วมมือกับวงเสียวหู่ถวนอีกครั้ง ร่วมร้องเพลงที่มีชื่อว่า ‘ดวงดาวสุกสกาวตลอดกาล’ ด้วยกัน
เพลงนี้เป็นซิงเกิลใหม่ของวงเสียวหู่ถวน และก็มาจากฝีมือของลู่เฉินเช่นกัน เมื่อเสียงร้องว่า “ดวงดาวสุกสกาวตลอดกาล รักแท้ก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป มีน้ำตาและหยาดเหงื่อ ถึงจะชะล้างความสุขและความทุกข์ที่ปะปน…” ดังขึ้น ทั้งสนามกีฬาต่างก็เข้าสู่โหมดร้องอย่างพร้อมเพรียงอีกครั้ง
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar