ตอนที่ 860 ความกดดันที่มากับความสำเร็จ
ในช่วงยุค 70-80 ชี่กงเคยเป็นที่นิยมในประเทศจีน ในตอนนั้นมีผู้ที่ถูกเรียกว่าเป็นปรมาจารย์ชี่กงปรากฏตัวขึ้นอยู่หลายคน แต่ละคนล้วนอ้างว่าตนเองมีความสามารถพิเศษเหนือธรรมชาติ พวกเขาจัดตั้งลัทธิขึ้นมาเพื่อถ่ายทอดวิชาและรับสมัครลูกศิษย์ แถมยังได้ตีพิมพ์ออกหนังสือชีวประวัติ ซึ่งหลอกลวงคนทั่วไปไปได้หลายคนเลย
ในเวลานั้นเมื่ออยู่ภายใต้การหลอกลวงของพวกปรมาจารย์ หลายคนวางหม้อสแตนเลสไว้บนหัวเพราะคิดเอาเองว่าจะสามารถรับสัญญาณจากจักรวาลได้ หลังจากนั้นก็จะกลายเป็นเซียนที่เป็นอมตะปราศจากโรคภัยทั้งปวง กลายเป็นเรื่องน่าตลกขบขันนับไม่ถ้วนเลย
ต่อมาภายใต้การโจมตีของรัฐบาล ปรมาจารย์เหล่านี้จึงได้หลบซ่อนหายตัวไป เมื่อยุคของข้อมูลข่าวสารมาถึง สติของผู้คนก็ค่อยๆ กลับมา ถึงแม้ว่าปรากฏการณ์การหลอกลวงจะยังไม่ได้หมดสิ้นไปโดยสิ้นเชิง แต่ก็ไม่ได้หนักหนาจนทำให้เกิดกระแสใดๆ ได้อีก
ลู่เฉินมีความมุ่งมั่นในการสร้างโปรเจกต์ผลงานกำลังภายในที่ยิ่งใหญ่ และได้ดำเนินการสืบหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องแล้ว เขาได้อ่านและตรวจสอบข้อมูลมาเยอะแยะมากมาย ดังนั้นเขาจึงตระหนักได้ดีถึงสถานการณ์นี้ ในตอนนั้นแผ่นดินใหญ่และฮ่องกงเคยถ่ายทำภาพยนตร์กำลังภายในแบบโบราณอยู่จำนวนหนึ่ง ซึ่งค่อนข้างจะเกี่ยวข้องกับชี่กงนี้
เขาคิดไม่ถึงว่าตนเองทำให้กระแสกำลังภายในแบบใหม่เป็นที่นิยมขึ้นมาแล้วจะกวนน้ำให้กลับมาขุ่นอีกครั้ง ไม่ว่าเบื้องหน้าจะเปลี่ยนชื่อเป็น ‘ปรมาจารย์ยุทธ์โบราณ’ หรือ ‘ปรมาจารย์ยุทธ์แห่งชาติ’ ก็ตาม รูปแบบการเคลื่อนไหวของมันก็ไม่ได้แตกต่างกันมากกับเมื่อหลายสิบปีก่อนเลย เพียงแค่ใช้แพลตฟอร์มทางอินเตอร์เน็ตในการสร้างกระแสเท่านั้น
ยกตัวอย่างเช่นคนที่ชื่อหวังฟาง คลิปวิดีโอที่คนคนเดียวเอาชนะหลายสิบคนจนปลิวออกไป ได้สร้างความโกลาหลมากมายบนอินเทอร์เน็ต และเขาก็ถูกผู้คนขุดค้นข้อมูลขึ้นมา แน่นอนว่าในปีนั้นเขาเป็นลูกศิษย์ของพวกปรมาจารย์ชี่กง!
ไม่ว่าจะด้วยอารมณ์หรือเหตุผล ลู่เฉินทนไม่ได้กับการโกหกยกใหญ่และฉ้อโกงอย่างลำพองตัวแบบนี้ มันทำให้วัฒนธรรมกำลังภายในที่เขาสนับสนุนเปรอะเปื้อนไปด้วยมลทิน
ดังนั้นเขาจึงประณามอีกฝ่ายอย่างตรงไปตรงมาว่าเป็นคนโกหกในบล็อกของเขา และเรียกร้องไม่ให้เหล่าแฟนคลับหูเบาไปเชื่อเรื่องเหล่านี้
ด้วยเหตุนี้ ลู่เฉินจึงได้ลงโพสต์บล็อกใหม่ถึงสองโพสต์ติดต่อกัน โดยอธิบายมุมมองของตัวเองออกมาอย่างละเอียด
ประเด็นแรกเลยก็คือนิยายกำลังภายในแบบใหม่อย่างเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ และ ‘มังกรหยก’ คือนิยายที่อยู่ในหมวดวรรณกรรมแฟนตาซี เป็นศิลปะการสร้างเรื่องราวขึ้นมาจากประวัติศาสตร์ดั้งเดิมและศิลปะการต่อสู้ พลังภายในและลมปราณในเนื้อเรื่องก็เป็นเหมือนกับการต่อสู้ด้วยเวทมนตร์ในนิยายแฟนตาซี ทั้งหมดล้วนเป็นเรื่องที่จินตนาการขึ้นมาทั้งนั้น
ประเด็นที่สองคือศิลปะการต่อสู้ของจีนมีประวัติศาสตร์อันยาวนาน แต่ถึงอย่างไรก็ตาม สถานการณ์การสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นนั้นขาดช่วงไปอย่างรุนแรง ทักษะศิลปะการต่อสู้แบบโบราณที่สืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยทั่วไปแล้วท่าทางในการต่อสู้จะขึ้นอยู่กับสมรรถภาพความแข็งแกร่งทางร่างกายเป็นหลัก
ยกตัวอย่างเช่นศิลปะการต่อสู้ดั้งเดิมแบบวูซู เป็นศิลปะการต่อสู้ที่เป็นแก่นแท้ของวัฒนธรรมอันเป็นเอกลักษณ์ของประเทศอย่างไม่ต้องสงสัย ท่าทางการออกกำลังกายอย่างมีพลังของศิลปะการต่อสู้นั้นมีคุณค่าเป็นอย่างมาก แต่การทำให้ศิลปะการต่อสู้มีพลังจากภายในร่างกายออกมานั้น ไม่เป็นปัญหาอะไรหากจะใส่ลงไปในนวนิยายหรือภาพยนตร์ แต่การจะทำให้มันเป็นเรื่องจริงได้นั้นนับว่าเป็นเรื่องที่ไร้สาระแล้ว
และมวยสานต่ารวมถึงกังฟูของลู่เฉิน อันที่จริงแล้วก็เหมือนกับการต่อสู้อย่างคิกบ็อกซิ่งและมวยสากล เป็นการใช้ทักษะการต่อสู้ที่แท้จริงเช่นเดียวกัน ระดับความสามารถนั้นก็ต้องผ่านการฝึกอบรมและการต่อสู้ที่เข้มงวดถึงจะสามารถพัฒนาขึ้นได้ ไม่ว่าใครก็ตามที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงก็สามารถเรียนรู้ได้ทั้งนั้น ไม่ได้มีอะไรที่ลึกลับอยู่ข้างใน
ดังนั้นในวิดีโอที่เป็นกระแสอย่างของหวังฟาง จะบอกว่าเป็นกลลวงของมายากลก็ยังถือว่าชมเกินไปเลย ทั้งหมดนี้เป็นการแสดงล้วนๆ บรรดาคนที่ถูกทำให้ลอยออกไปหรือล้มลงก็ถูกสั่งให้ทำทั้งนั้น ไม่น่าเชื่อถือเลยสักนิดเดียว!
ทันทีที่โพสต์บล็อกของลู่เฉินถูกปล่อยออกมา ก็ได้รับการสนับสนุนและเห็นด้วยจากเหล่าแฟนคลับทันที ถึงแม้จะมีเสียงโห่ร้องจากพวกนักเลงคีย์บอร์ดมาโวยวายในบล็อกของเขาอยู่บ้างก็ตาม แต่ก็ไม่สามารถทำให้เป็นกระแสขึ้นมาได้
หลังจากเขียนโพสต์บล็อกไปสองโพสต์แล้ว ลู่เฉินก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีกเลย เพราะว่าไม่มีความจำเป็นที่จะต้องไปสนใจคนพวกนี้ ถ้าหากใส่ใจคนเหล่านี้มากเกินไปละก็ จะกลับกลายเป็นการสร้างโอกาสให้อีกฝ่ายได้
เขาพาทีมงานย้ายถิ่นฐานไปยังซงซาน เพื่อถ่ายทำภาคที่สองและภาคที่สามของเรื่อง ‘กระบี่เย้ยยุทธจักร’ ต่อไป
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: (นิยายแปล) Perfect Superstar