ความสงสัยนี่พึ่งจะผุดขึ้นมาในหัวของหลี่ฝาง เสียงของแคทเธอรินก็ได้ผุดขึ้นมาอีกครั้ง
“ฉันเป็นแม่มด มีความสามารถในการทำนายอนาคตและอ่านสมองของคน ฉันไม่เพียงรู้ชื่อของพวกคุณสองคน ฉันยังรู้อีกด้วยว่าที่พวกคุณมาที่อูนัสในครั้งนี้ก็เพื่อจัดการกับผู้ชายที่ชื่ออาซาโทส”
คำพูดของแคทเธอรินทำให้หลี่ฝางและกู่ยี่เทียนต้องตะลึงงันอีกครั้ง ทำไมรู้สึกเหมือนกับว่าพวกเขาได้มาถึงจักรวาลมาร์เวล อย่างไรอย่างนั้น มีแม้กระทั่งแม่มด ยิ่งไปกว่านั้นแม่มดคนนี้ยังสามารถทำนายอนาคตได้อีกด้วย? มันชักจะน่าพิศวงมากเกินไปแล้ว
“จักรวาลมาร์เวลเหรอ? นั่นมันที่ไหนกันน่ะ? ตอนนี้พวกเรายังคงอยู่บนโลก เพียงแต่ว่าพวกเราไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของโลกภายนอก พวกเราชาวอูข่าคอยปกป้องอูนัสมาทุกยุคทุกสมัยตั้งแต่บรรพบุรุษ ปกป้องดูแลสมบัติแห่งอูนัส
แคทเธอรินสัมผัสได้ถึงความคิดของหลี่ฝาง และมีความสนอกสนใจต่อจักรวาลมาร์เวล ที่หลี่ฝางกล่าวถึงเป็นอย่างมาก เธอถูกชนเผ่าเลี้ยงดูเพื่อให้เป็นแม่มดมาตั้งแต่เกิด เรียนรู้ความสามารถในการทำนายอนาคตและอ่านสมองของคนกับแม่มดรุ่นก่อน ไม่เคยออกไปจากผืนแผ่นดินแห่งนี้เลย
เดิมทีเธอและชนเผ่าของเธอนั้นใช่ชีวิตกันอย่างมั่นคงสงบสุข จนกระทั่งเมื่อไม่นานมานี้มีคนจากโลกภายนอกบุกรุกเข้ามา ทำลายความสงบของอูนัส คนที่บอกว่าตัวเองเป็นนักรบเหล่านั้นมีความสามารถที่ไม่ธรรมดา ไม่เพียงทำลายผืนแผ่นดินแห่งนี้อย่างป่าเถื่อน ทั้งยังบุกเข้าไปในดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของพวกเขาอีกด้วย
“ชาวอูข่า? คุณหมายถึงสัตว์ประหลาดตัวดำพวกนั้นน่ะเหรอ?”
นี่เป็นครั้งแรกที่หลี่ฝางได้ยินชื่อชนเผ่านี้ แต่ฟังจากน้ำเสียงของแคทเธอรินแล้ว น่าจะหมายถึงสัตว์ประหลาดตัวดำพวกนั้น
“เอ่อ......ชนเผ่าของฉันถึงแม้หน้าตาจะไม่ค่อยน่าดูสักเท่าไหร่ แต่พวกเขามีจิตใจที่ดีมาก ไม่เคยทำร้ายผู้คนในโลกภายนอกอย่างพวกคุณเลยสักครั้ง”
เมื่อได้ยินหลี่ฝางพูดถึงเผ่าพันธุ์ของตัวเองเช่นนั้น แคทเธอรินไม่พอใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้โมโห
เพราะถึงยังไงชนเผ่าอูข่านั้นก็มีรูปร่างหน้าตาที่แตกต่างกับผู้คนที่อยู่ในโลกภายนอกเป็นอย่างมาก
“เหลวไหล ไม่ลงมือกับพวกเรา แล้วจับพวกเราสองคนมาที่นี่ทำไม?”
กู่ยี่เทียนนั้นสมกับที่เป็นผู้ชายตรงไปตรงมาจริง ๆ เขาไม่ได้นึกถึงว่าแคทเธอรินเป็นผู้หญิงเลยสักนิด ถึงได้ตะโกนคำหยาบออกมาตรง ๆ
เมื่อเขาพูดจบ แคทเธอรินก็ได้เงียบไปสองสามนาทีเต็ม ๆ เมื่อเห็นแคทเธอรินไม่ตอบกลับเป็นเวลานาน กู่ยี่เทียนก็เริ่มร้อนใจขึ้นมา เลยกระโจนเข้าไปเกาะที่กรงเหล็กและตะโกนลงไปที่ข้างล่างหน้าผา
“นี่!แคทเธอริน คุณยังอยู่ไหม? ถ้ายังอยู่ก็ส่งเสียงหน่อย! ที่พวกเรามาที่ซากปรักหักพังลึกลับ นี้ไม่ได้ประสงค์ร้ายต่อพวกคุณชาวอูข่า พวกเราเพียงแค่มาตามหาอาซาโทส คุณไปคุยกับชนเผ่าของคุณหน่อยดีไหม ให้พวกเขาปล่อยเราสองคนเถอะนะ?”
ในเมื่อแคทเธอรินบอกว่าเธอเป็นแม่มดของชนเผ่าอูข่า เช่นนั้นเธอจะต้องมีอำนาจสิทธิที่จะพูดอย่างแน่นอน ขอเพียงแค่เธอเอ่ยปาก สัตว์ประหลาดพวกนั้นก็น่าจะปล่อยพวกเขาไป กู่ยี่เทียนคิดอยู่เช่นนั้น ก็ได้ตะโกนลงไปที่ด้านล่างอีกสองสามประโยค
“แคทเธอริน พวกเราไม่ใช่คนเลวจริง ๆ ! เธอบอกให้ชนเผ่าของเธอปล่อยพวกเราไปเถอะนะ ขอแค่จัดการกับอาซาโทสได้แล้ว พวกเราสองคนจะรีบไปทันที!”
แต่ไม่ว่ากู่ยี่เทียนจะตะโกนยังไง แคทเธอรินก็ไม่ได้ตอบกลับมาอีกเลย หลี่ฝางเดินเข้าไปและตบไหล่เขาเบา ๆ : “เลิกตะโกนได้แล้ว ฝากความหวังไว้กับแคทเธอรินนั่นไม่ได้หรอก”
“ทำไมล่ะ? เธอเป็นแม่มดของชนเผ่าอูข่าไม่ใช่เหรอ? พวกสัตว์ประหลาดตัวดำนั่นน่าจะเชื่อฟังเธอนะ”
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะพลังถูกผนึกเอาไว้ หรือเพราะอะไร หลี่ฝางมีความรู้สึกว่าหลังจากที่เข้ามาในซากปรักหักพังลึกลับ แล้วกู่ยี่เทียนได้โง่ลงไปมาก
สถานที่ที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้นั้นคือในคุก แคทเธอรินบอกว่าเธออยู่ในห้องที่อยู่ด้านล่าง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าเธอเองก็ถูกขังเอาไว้ไม่ใช่หรอกเหรอ?
“สมองนายไม่ได้ใช้งานมานานจนขึ้นสนิมแล้วรึไง? ถ้าหากพวกเขาเชื่อฟังแคทเธอริน เธอจะถูกจับขังเอาไว้ที่นี่เหมือนพวกเราได้ยังไงล่ะ?”
กู่ยี่เทียนได้เอ๋อไปโดยสิ้นเชิง เขารู้สึกว่าตัวเองที่เกาะกรงเหล็กตะโกนอยู่เมื่อสักครู่นั้นช่างโง่สิ้นดี
ให้แคทเธอรินช่วยตัวเองออกไปวิธีนี้ใช้ไม่ได้แล้ว กู่ยี่เทียนก็หงอยลงโดยสิ้นเชิง เขานั่งก้นจ้ำเบ้าลงไปกับพื้น ท่าทางเหี่ยวแห้งโรยรา
“แคทเธอริน คุณบอกกับผมได้ไหมว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นในเผ่าของคุณ”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง