บทที่ 469 คนที่เคยชนะส้าวส้วย
“ส้าวส้วย นี่นายหมายความว่าไง”
หลี่ฝางไม่ค่อยเข้าใจ ที่เขาถามก็ไม่ได้มีแววจะโทษส้าวส้วย เพียงแต่แปลกใจ
ถ้าจะสั่งสอนตู้เฟย หาที่ที่ไม่มีกล้องวงจรปิดก็ได้
“เจ้านาย ปลาจะหุบเหยื่อแล้ว”ส้าวส้วยยิ้มอย่างลึกลับ
ปลาจะงับเหยื่อ
หลี่ฝางไม่เข้าใจความหมายของส้าวส้วย ได้แต่มองเขาอย่างสงสัย ถามต่อว่า “นายพูดให้ชัดหน่อย ได้ไหม”
“เจ้านาย คุณอย่าเพิ่งถาม รอดูไปเถอะ”
ส้าวส้วยพูด ถึงหลี่ฝางไปข้างๆ
ตู้เฟยที่อยู่ในมือซินปา แม้แต่ช่องว่างจะโต้กลับก็ไม่มี ได้แต่เป็นฝ่ายรับอย่างเดียว
และส้าวส้วย ยังคงตะโกนอยู่หลังซินปา ให้ซินปาเพิ่มแรงขึ้นอีก
หลี่ฝางใกล้จะหมดคำพูดแล้ว ถ้าขืนยังเพิ่มแรง ตู้เฟยต้องถูกซินปาตีตายแน่
แต่หลี่ฝางก็ไม่ได้ว่าอะไร ได้แต่ยืนดูอย่างเงียบๆอยู่ข้างๆ
หลี่ฝางจะรอดู ว่าส้าวส้วยคิดอะไรอยู่กันแน่
ซินปารูปร่างบึกบึน แล้วก็ดุดัน
ฉะนั้นคนที่เดินไปมามองเห็น ก็ไม่กล้าเข้าไปห้าม
ผ่านไปเดี๋ยวเดียว ตอนที่ตู้เฟยถูกต่อยจนเกือบจะไม่ไหวแล้ว มีคนใส่เสื้อดำสองคนเดินเข้ามาในโรงพยาบาล
พอคนใส่เสื้อดำสองคนเข้ามา สายตาก็มองไปที่ซินปากับตู้เฟย
“ปลางับเหยื่อแล้ว ”ส้าวส้วยมองสองคนนั้น ยิ้มขึ้น
สองคนนี้ไปตรงหน้าซินปา หนึ่งในนั้นลงมือ พลิกตัวซินปาจนล้มไปบนพื้นอีกข้าง
อีกคนเอามือไปอังที่จมูกของตู้เฟย จากนั้นก็อุ้มตู้เฟยขึ้น พุ่งเข้าไปในโรงพยาบาล
“ตาผมลงมือแล้ว”
ส้าวส้วยหัวเราะ ก้าวเท้าออกไป
ส้าวส้วยฝีเท้าเร็วมาก ไม่กี่วิก็ไปถึงหน้าของคนใส่ชุดสีดำ
เดิมที คนชุดดำกำลังคว้าคอเสื้อซินปา กำหมัดขึ้น กำลังจะต่อยไปที่หน้าซินปา
ส้าวส้วยยื่นมือไป จับข้อมือของคนชุดดำเอาไว้
“คู่ต่อสู้ของนาย คือฉัน”
คนเสื้อดำหน้าไร้ความรู้สึก เพียงแต่มองส้าวส้วยแวบหนึ่ง หมัดขวาก็พุ่งออกไปทันที
แต่ส้าวส้วยหัวเราะเบาๆ มืออีกข้าง ก็คว้าข้อมืออีกข้างของคนชุดดำ แขนสองข้างถูกจับไว้แล้ว สีหน้าของคนชุดดำ เห็นได้ชัดว่ากำลังลนลาน
เขารู้ ว่าตัวเองเจอกับยอดฝีมือเข้าแล้ว
“อะจี๋”
ชายชุดดำตะโกนเสียงดังไปยังภายในโรงพยาบาล เสียงดุจฟ้าผ่า ดังไปทั่วทั้งโรงพยาบาล
คนชุดดำคนนี้รู้ว่า ตัวเองไม่ใช้คู่ต่อสู้กับส้าวส้วย จึงได้เริ่มเรียกให้คนช่วย
คนชุดดำอีกคนที่ชื่ออะจี๋ ได้ยินเสียงเรียก ก็รีบวางตู้เฟยไว้ตรงหน้าหมอ “คุณหมอ รบกวนช่วยเด็กคนนี้ด้วย ช้าไปเกรงว่าจะไม่ทันการณ์”
พูดจบ อะจี๋ก็รีบหมุนตัว วิ่งออกไปจากโรงพยาบาลทันที
“อะหมัน”
เห็นสองมือของอะหมันถูกล็อกเอาไว้ อะจี๋ร้องเรียกหนึ่งเสียง ก็รีบพุ่งเข้าไป
ตอนที่อาจี๋พุ่งเข้ามา เขากำหมัดขึ้น ทุบลงไปสุดแรงเกิดที่หลังของส้าวส้วย
“ระวัง”หลังจากหลี่ฝางเห็นเข้า ก็รีบเตือนส้าวส้วยทันที
แต่ส้าวส้วยไม่รีบร้อน ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าหรือจังหวะ ไม่มีวี่แววร้อนรนเลยสักนิด
ขณะที่หมัดของอะจี๋จวนตัวแล้ว ส้าวส้วยหัวเราะ มุมปากของเขา มีรอยยิ้มชั่วร้ายและมีเสน่ห์ก็ผุดขึ้น
เสียงดังสวบ
ส้าวส้วยขยับเท้า สลับตำแหน่งที่ตัวเองยืนอยู่ กับอะหมัน
อะจี๋ม่านตาหดลง แม้ว่าเขาจะมองเห็นฉากนี้ แต่หมัดของเขา ก็เก็บคืนมาไม่ได้แล้ว
หมัดของอะจี๋ ทุบลงไปที่หลังของอะหมัน
หมัดเดียว หนักมาก
อะจี๋ราวกับมีหมัดเหล็ก หมัดที่ทุบลงกลางหลังอะหมัน ทำเอาอะหมันกระอักเลือดออกมาจากมุมปาก
เห็นฉากนี้ตรงหน้า ผู้คนรอบๆต่างสูดลมหายใจ
นี่มันคนอะไรกัน แค่หมัดเดียวก็ทำเอาอีกฝ่ายกระอักเลือด
หรือจะเป็นยอดฝีมือในยุทธจักรที่ร่ำลือกันมา
“อะหมัน ”อะจี๋เรียกหนึ่งเสียง แล้วมองไปยังส้าวส้วย สีหน้าเผยแววโหดเหี้ยม
“ฉันจะฆ่าแก”
อาจี๋คำราม พุ่งหมัดไปที่ส้าวส้วย
และส้าวส้วยก็ออกหมัดเช่นกัน พุ่งหมัดออกไป
หมัดชนหมัด เกิดเสียงดังปัง
จากนั้น อะจี๋ก็ถอยหลังไปหลายก้าว เขารู้สึกว่าหมัดของตัวเอง แตกไปแล้ว
ใบหน้าขออะจี๋ มีเหงื่อเย็นไหล
เขามองส้าวส้วยด้วยสีหน้าหวาดกลัว นี่มันคนอะไรกันแน่ ถึงได้ร้ายกาจขนาดนี้
หมัดของอะจี๋ ฝึกฝนมาตั้งหลายปี
สู้กับคนหมัดต่อหมัด เขาแพ้แค่ไม่กี่ครั้ง
แม้จะแพ้ ก็ไม่ได้มีสภาพอนาถขนาดนี้
ขณะที่อาจี๋กำลังลนลาน ส้าวส้วยก้าวเข้าไป ชกไปอีกหมัด
อะจี๋ที่กำลังสับสน ก็ยกแขนตัวเองขึ้นป้องกันทันที แต่คิดไม่ถึง ว่าหมัดของส้าวส้วย จะทำเอาเขาต้องถอยหลังไปอีกห้าหกก้าว
ฟู่ ทนไม่ไหว อะจี๋กระอักเลือดออกมา
ส้าวส้วยยิ้มอ่อนๆ มองอะจี๋ ถามขึ้น “คนของตระกูลจูเก่อเหรอ”
สีหน้าของอะจี๋ เปลี่ยนไปทันที
เขาไม่คิดว่าสถานะของตัวเองจะถูกเปิดเผย นอกจากคนของตระกูลจูเก่อ มีไม่กี่คนที่รู้จักเขา
“เห็นสีหน้านาย ฉันว่าฉันเดาถูกนะ”
ส้าวส้วยหัวเราะขึ้นมา ใบหน้าเผยแววดีใจ
“จูเก่อชิงสบายดีไหม”
ส้าวส้วยถามขึ้นอีกครั้ง
ตอนนี้เอง อะจี๋กล้ำกลืนความเจ็บ ถามออกไป “นายรู้จักเจ้านายพวกเราด้วยเหรอ”
“ครั้งหนึ่งพวกเราเคยสู้กัน ”
ส้าวส้วยเอ่ยเสียงเรียบ “ฉันแพ้”
พอพูดออกไป หลี่ฝางก็อึ้งไปทันที
เพราะส้าวส้วยเป็นคนสุดยอดขนาดนี้ แม้แต่สี่ผีที่เจอเมื่อหลายวันก่อน ก็ถูกกำจัดในไม่กี่วินาที
แต่คนอย่างนี้ กลับแพ้ให้กับคุณชายของตระกูลจูเก่อ
แต่พูดกลับกัน นี่มันก็เรื่องเมื่อสามปีที่แล้ว
หลี่ฝางเชื่อว่า ตอนนี้จูเก่อชิงไม่ใช่คู่ต่อสู้ของส้าวส้วยแน่
“นายน้อยของพวกเราร้ายกาจมาก ในบรรดารุ่นเดียวกันในเมืองเอก น้อยมากที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้ นายแพ้ให้เขา เห็นทีจะไม่ใช่คนธรรมดาเหมือนกัน”
อะจี๋รู้นิสัยของเจ้านายตัวเองดี
แม้ว่าจูเก่อชิงจะมีวิชาต่อสู้อยู่เต็มตัว แต่ไม่ลงมือกับใครง่ายๆ
อีกอย่าง จูเก่อชิงน้อยมากที่จะออกจากบ้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง