เริ่มจากวินาทีนี้ หลี่ฝางก็เข้าใจทันที ว่ามู่เสี่ยวไป๋ไม่ได้ล้อเล่นกับตัวเอง แต่เขามีความตั้งใจที่จะร่วมมือ และเป็นเพื่อนกับตัวเองจริง ๆ
แต่ว่า ให้ปล่อยวางเรื่องราวอคติในอดีต มันง่ายขนาดนั้นเชียวเหรอ?
พรรคพวกของเฉินฝูเซิง ต่างก็ตายในเงื้อมมือของชางสู่ หรือว่าความแค้นนี้จะไม่ชำระแล้วเหรอ?
หลี่ฝางพยักหน้า กล่าว: “พอใจมาก”
“งั้นต่อมา พวกเราก็คุยเรื่องร่วมมือกันได้แล้ว หมู่เสี่ยวไป๋พยักหน้า พลางกล่าว
แต่หลี่ฝางกลับหัวเราะเหอะ ๆ แล้วส่ายหน้า: “ฉันรับปากร่วมมือกับแกตั้งแต่ตอนไหนกัน?”
สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋พลันเคร่งขรึมลง เขาจ้องมองหลี่ฝาง: “แกคิดว่าฉันปั่นหัวเล่นง่ายใช่ไหม?”
“ก็ใช่ไง แกปั่นหัวเล่นง่ายจริง ๆ นี่นา” หลี่ฝางพยักหน้าพลางกล่าว
มู่เสี่ยวไป๋โมโหมากจนบริเวณหน้าอกของเขากระเพื่อมขึ้นลงแรง ๆ
ณ เวลานี้ มู่เสี่ยวไป๋ใช้สายตาแห่งความอาฆาตจ้องมองหลี่ฝาง: “หลี่ฝาง แกมันลูกไอ้ไง่ ฉันต้องการร่วมมือกับแกอย่างจริงใจ แกกลับปั่นหัวฉันเล่น? แกรู้ไหมว่าตอนนี้แกตกอยู่ในสถานการณ์ที่เลวร้ายขนาดไหน? ทั่วทั้งเมืองเอกนี่ แกมีเพื่อนอยู่สักกี่คนกัน? พวกส้งเคอ หวงเจ๋ เฝิงจื่อหลินนั่น แต่เดิมก็เป็นพวกไร้จุดยืนไม่มีความแน่วแน่ แค่ซือถูเฟยหรือมู่หรงฉางเฟิงคนใดคนหนึ่งยืนออกมา พวกมันก็ตกใจกลัวจนทำอะไรไม่ถูกแล้ว”
“แต่ถ้ามีฉันอยู่ พวกเราจะกลายเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่ง พอถึงเวลานั้น ตระกูลมู่และตระกูลหลี่ร่วมมือกัน ก็จะสามารถล้มสี่ตระกูลใหญ่ลงได้ สลายการควบความที่สี่ตระกูลใหญ่ใช้ควบคุมเมืองเอกมานานหลายปี......”
“หรือแม้แต่ บางทีอาจจะขึ้นแทนตำแหน่งพวกเขาเลยก็ได้”
มู่เสี่ยวไป๋กัดฟันกล่าว
ณ เวลานี้ ความทะเยอทะยานของมู่เสี่ยวไป๋ ก็ได้แสดงออกมาอย่างไม่ต้องสงสัย
มู่เสี่ยวไป๋เข้าใจสถานะของตัวเองเป็นอย่างดี ในภายนอก ซือถูเฟยและมู่หรงฉางเฟิงได้บอกกับเขา ขอเพียงแค่ล้มหลี่ฝางลงได้ เช่นนั้นตระกูลมู่ ก็จะกลายเป็นตัวแทนของสี่ตระกูลใหญ่
แล้วในความเป็นจริงล่ะ?
สี่ตระกูลใหญ่มีประวัติยาวนาน และยังมีความลับที่น้อยคนนักที่จะรู้ อีกสามตระกูล จะยอมให้ตระกูลมู่เข้าไปร่วมแบ่งผลประโยชน์ด้วยได้ยังไง?
มู่เสี่ยวไป๋รู้ดี ซือถูเฟยและมู่หรงฉางเฟิง แค่เพียงต้องการหลอกใช้เขาเท่านั้นเอง
ความสัมพันธ์ของพวกเขา ไม่ได้เป็นความร่วมมือที่แท้จริงเลยสักนิด มันก็แค่การหลอกใช้ชนิดหนึ่งเท่านั้นเอง
ดังนั้น มู่เสี่ยวไป๋เพื่อที่จะเอาอกเอาใจหลี่ฝาง ถึงขั้นด่าซือถูเฟยไปในสาย
หลี่ฝาง แกลองคิดดูดี ๆ มีเพื่อนเพิ่มขึ้นมาคนหนึ่ง มันดีกว่ามีศัตรูเพิ่มขึ้นมาหนึ่งคนมากนะ” มู่เสี่ยวไป๋กล่าวอีกครั้ง
สามารถดูออกว่า เขาไม่อยากที่จะวางมือจากการร่วมมือกับหลี่ฝางไปแบบนี้
หลี่ฝางไม่ได้ครุ่นคิดเลยแม้แต่น้อย เขาส่ายหัวในทันที: “ไม่ดีกว่า ฉันเป็นคนที่ค่อนข้างง่าย ๆ ไร้เดียงสา แต่แก่กลับเป็นคนที่กลืนคนแบบไม่คลายกระดูก ร่วมมือกับแก ฉันกลัวต้องเหนื่อยใจน่ะ”
“ยิ่งไปกว่านั้น ฉันร่วมมือกับแก แกจะให้ฉันอธิบายกับเฉินฝูเซิงยังไง?”
หลี่ฝางสายตาเย็นชา จ้องมองมู่เสี่ยวไป๋ พลางซักถาม: “พี่น้องของเขาตายไปคนหนึ่ง”
“ภายใต้การปะทะกัน จะต้องมีคนสละชีพอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ มีเพียงแค่พี่น้องของเฉินฝูเซิงที่ตาย แล้วทางฝั่งฉันไม่มีคนบาดเจ็บล้มตายหรือยังไง? ถึงแม้หวางต้องจะตายเพราะฉัน แต่ก่อนที่มันจะตาย ก็ได้ถูกเฉินฝูเซิงทำให้พิการไปแล้ว มีชีวิตอยู่ต่อไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร และพี่ใหญ่ของฉัน......”
พูดถึงมู่เหวินตง มู่เสี่ยวไป๋ก็เงยหน้าขึ้นและเหลือบไปมองส้าวส้วย: “เขาเป็นคนทำใช่ไหม?”
“เมื่อคืนพี่น้องของผมก็ตายไปคนหนึ่งเหมือนกัน” ในเวลานี้เอง ชางสู่ก็พูดแทรกขึ้นมา
ในขณะที่ชางสู่พูด สายตาก็จ้องเขม็งไปที่ส้าวส้วย เห็นได้ชัด เขาเองก็กำลังสงสัยว่าพรรคพวกของตัวเอง ก็ได้ตายในเงื้อมมือของส้าวส้วย
“ถ้าพูดถึงเรื่องสละชีพ การสละชีพทางฝั่งพวกเรา มากกว่าแกตั้งเยอะ ฉันยังละทิ้งอคติของฉันได้เลย ทำไมแกถึงทไม่ได้ล่ะ?”
“คนทำการใหญ่ จะไม่ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย หลี่ฝาง ทำไมเหตุผลเพียงแค่นี้ แกยังไม่เข้าใจอีกล่ะ?” มู่เสี่ยวไป๋ถึงขนาดมองหลี่ฝางด้วยความโมโหเล็กน้อย
สายตาที่เขามองหลี่ฝาง ราวกับมองคนหัวดื้อ ที่ดื้อรั้นสุด ๆ แล้วก็ไม่มีสมองด้วย
เป็นที่ประจักษ์ หลังจากที่ตระกูลมู่และตระกูลหลี่ร่วมมือกัน จะได้รับผลประโยชน์ที่มากขึ้น มีอนาคตที่งดงามกว่าเดิม
ถ้าเป็นคนที่สมองปกติล่ะก็ ไม่มีทางที่จะปฏิเสธแน่นอน
หลี่ฝางคนนี้ สมองไม่มีรอยหยักหรือยังไง?
“ไม่รู้ว่ามังกรจะไม่อยู่ร่วมกันกับงูหรอ ”
ไม่รอให้หลี่ฝางเอ่ยปาก ส้าวส้วยพลันเอ่ยขึ้นมา
ในสายตาของฉัน ตระกูลมู่ไม่ได้มีอะไรเลย ไม่คู่ควรที่จะเป็นพันธมิตรกับพวกเราด้วยซ้ำ พวกคุณไม่มีความสามารถนี้ และไม่มีคุณสมบัติพอ”
ส้าวส้วยจ้องมองมู่เสี่ยวไป และกล่าวด้วยสีหน้าสงบนิ่ง
สีหน้าของมู่เสี่ยวไป๋ ตะลึงงันไปสักครู่ จากนั้นก็หัวเราะเหอะ ๆ ขึ้นมาอย่างเยือกเย็น เมื่อเผชิญหน้ากับการดูถูกเหยียดหยามแบบนี้ เป็นธรรมดาที่ภายในใจของมู่เสี่ยวไป๋จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
แม้แต่ที่สูงส่งอย่างสี่ตระกูลใหญ่ ยังไม่กล้าดูถูกตระกูลมู่ขนาดนี้เลย
แต่ส้าวส้วยเป็นเพียงบอดี้การ์ด กลับพูดให้ตระกูลมู่อย่างสุดจะทนได้แบบนี้
จุดจุดนี้ มู่เสี่ยวไปทนไม่ได้
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง