NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง นิยาย บท 629

ภายในใจของหลี่ฝาง รู้สึกไม่ค่อยดีนัก

เทียบกับฉินวี่เฟยในตอนนี้ หลี่ฝางยากจะเห็นฉินวี่เฟยที่สดใสร่าเริงคนนั้นมากกว่า

โอบกอดอยู่ราว ๆ สิบกว่านาที หลี่ฝางสามารถรู้สึกได้ว่า ฉินวี่เฟยกอดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดไม่อยากปล่อยมือ

หลี่ฝางยิ้ม เขาตบที่ไหล่ของฉินวี่เฟยเบา ๆ : “พี่ชายของเธอยังอยู่ข้างใน แอปเปิลของเขา กินใกล้จะหมดอยู่แล้ว”

ฉินวี่เฟยยังคงไม่ปล่อยมือ เพียงแค่ใช้หน้าซุกไปที่บ่าของหลี่ฝาง ราวกับลูกแมวตัวหนึ่ง น่ารักซะไม่มี

เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าหากให้พนักงานของบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ปมาเห็นเข้า คงตกใจจนอ้าปากค้างสินะ?

ประธานสาวผู้เคร่งขรึมแห่งบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งลูกแมวตัวหนึ่ง ที่ฟุบอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง

“หลี่ฝาง นายชอบฉันไหม?”

“ในใจของนายมีฉันอยู่หรือเปล่า?”

ฉินวี่เฟยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ สามารถฟังออก ฉินวี่เฟยดูค่อนข้างประหม่าและหวาดกลัว

หลี่ฝางเข้าใจความรู้สึกของฉินวี่เฟย

แต่ว่า หลี่ฝางกลับไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนกับฉินวี่เฟย หรืออนาคตได้

ก็กว่าจะคืนดีกับลู่หลุ่ยได้นี่นา

หลี่ฝางคิดไปคิดมา ถึงกล่าว: “มีบางจุด ที่ฉันแน่ใจ นั่นก็คือในใจฉันมีเธออยู่”

หลี่ฝางกล่าวไป ก็ลูบไปที่ผมของฉินวี่เฟย กล่าว: “อีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันยินดีที่จะให้อนาคตที่งดงามกับเธอ”

“เพียงแต่ว่าตอนนี้......”

ฉินวี่เฟยยิ้ม และกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ: “แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันรู้ว่าตอนนี้นายได้คืนดีกับลู่หลุ่ยแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดี อย่าทำให้เธอผิดหวัง”

“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบเป็นมือที่สามหรือโลกใบที่สองของใคร” ฉินวี่เฟยกล่าว

หลี่ฝางรีบส่ายหัวทันที เขากล่าวอธิบาย: “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น?

“ฉันรู้” ฉินวี่เฟยพยักหน้า

หลี่ฝางทอดถอนใจยาว ๆ กล่าว: “ผมมันแย่มาก ๆ เลยใช่ไหม?”

“มีแฟนอยู่แล้วชัด ๆ ยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในใจ แล้วยังจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก?” หลี่ฝางพูดเองเออเอง

“ถ้าหากเป็นดั่งที่พูด ฉันมันก็เลวทรามต่ำช้าจริง ๆ เพราะถึงยังไง ในตอนนั้นเป็นฉันที่เอาตัวเข้าไปติดเธอ วางแผนเข้าใกล้เธอ”

“โดยเฉพาะในคืนวันนั้น”

ฉินวี่เฟยกัดริมฝีปาก กล่าว: “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น นายจำอะไรไม่ได้เลย”

“ในความพร่ามัว ฉันจำได้ว่าตัวเองหยาบคายมาก” หลี่ฝางยิ้มอ่อน ๆ

หลังจากนั้น หลี่ฝางก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่น่าอายนี้แล้ว เขาเลยเปลี่ยนหัวข้อกล่าว: “พูดให้ฉันฟังหน่อย ฉินเสี่ยวหู่รังแกเธอยังไง?”

“มันกลับมาที่บ้านตระกูลฉินแล้ว?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม

“อืม สองวันมานี้เขาบังอาจมากขึ้นเรื่อง ๆ เขาไม่เพียงกล้ากลับมาบ้าน ทั้งยังมักปรากฏที่ภายในบริษัทอยู่บ่อยครั้ง แถมยังพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย ฉันให้ยามรักษาการณ์ขวางเขาไว้ ไม่ให้เขาเข้าไป แต่เขากลับกล้าพาคนไปกระทืบยามรักษาการณ์ในกลางวันแสก ๆ ตีจนยามต้องเข้าโรงพยาบาล แถมยังอาการหนักอีกด้วย เดิมทีฉันคิดจะแจ้งตำรวจ แต่ถูกทางบ้านห้ามเอาไว้ จะว่ายังไง เขาก็ยังเป็นคนตระกูลฉิน”

“ถ้าเกิดทำให้เขาต้องเข้าไปนอนในคุกไปจริง ๆ งั้นลุงสองและป้าสะใภ้สอง คงเห็นฉันเป็นศัตรูอยู่ตลอดวัน พอถึงตอนนั้น วิลล่าของตระกูลฉิน ฉันคงไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ”

หลี่ฝางอืมตอบรับ แล้วถามต่อ: “มันทำอะไรบ้าง?”

“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ก็แค่สร้างความวุ่นวายในบริษัท พวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ฉันได้ยินมาว่า ฉินเสี่ยวหู่ได้แอบไปเยี่ยมเยือนเหล่าผู้ถือหุ้น และยังมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมาหลายคน ส่วนคุยเรื่องอะไรนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”

“ฉันเรียกผู้บริหารระดับสูงพวกนั้นมาที่ห้องทำงาน พวกเขาต่างก็ขี้ขลาดไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น และยังมีบางคนถึงขั้นโกหก บอกว่าบอกว่าฉินเสี่ยวหู่ไม่เคยมาพบเขา”

ฉินวี่เฟยเม้มปากแล้วกล้าว: “พ่อของฉันบอกว่า แผนการของฉินเสี่ยวหู่นั้นเดาไม่ยาก เขาอาจจะกำลังคิดกุมอำนาจบริษัทฉินซื่อ ให้ฉันเป็นผู้บัญชาการหัวเดียวกระเทียมรีบ”

“เขายังคงไม่ตายใจ อยากให้ฉันมอบตำแหน่งประธาน ให้กับพ่อของเขา”

หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ อย่างเยือกเย็น: “เรื่องของตัวมันเอง จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”

“มู่หรงฉางเฟิงจัดการให้เขาหมดแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีปัญหาอะไรแล้ว มีสองสามความ ยอมที่จะรับโทษทั้งหมดไว้เอง อีกทั้งคนพวกนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน ต่างก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันในคุกไปแล้ว”

ฉินวี่เฟยกล่าว: “ตอนนี้ ฉินเสี่ยวหู่ได้เป็นอิสระไปแล้ว เขาไปเป็นหมาเลียแข้งของมู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงนั่นเป็นไอ้คนสารเลว”

ในตอนที่พูดถึงมู่หรงฉางเฟิง บนใบหน้าของฉินวี่เฟย แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอโมโหอย่างสุดขีด

หลี่ฝางมองดูฉินวี่เฟยแล้วถามต่อ: “มันทำไมเหรอ?”

“มันทำร้ายพี่สาวของฉัน หลังจากที่คุณปู่ของฉันเสียไป มันก็ทำร้ายร่างกายพี่สาวของฉันอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่พี่สาวของฉันกลับมาที่บ้านตระกูลฉิน บนใบหน้าของหล่อน มีบาดแผลฟกช้ำอยู่เต็มไปหมด นอกเหนือจากที่ใบหน้าแล้ว บนร่างกายพพี่สาวของฉัน ยังมีรอยแส้อีก”

ฉินวี่เฟยกัดฟันกล่าว: “ฉันแทบอยากจะฆ่ามู่หรงฉางเฟิงด้วยซ้ำ”

“เรื่องนี้ พ่อของเธอรู้เรื่องไหม?” หลี่ฝางถาม

ฉินวี่เฟยพยักหน้าพลางกล่าว: “รู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อกับแม่ของฉัน เคยไปที่บ้านตระกูลมู่หรงครั้งหนึ่ง แต่คนตระกูลมู่หรงไม่ให้พ่อกับแม่ของฉันเข้าไปแม้แต่ประตูบ้านด้วยซ้ำ อิทธิพลของตระกูลมู่หรงแข็งแกร่งมาก ตระกูลฉินของเรา ไม่สามารถทำอะไรตระกูลมู่หรงได้เลย”

“บอกให้พี่สาวของฉันหย่ากับมู่หรงฉางเฟิง แต่พอพี่สาวของฉันไปพูด กลับถูกมู่หรงฉางเฟิงปฏิเสธ”

“ที่น่าโมโหก็คือ ตอนนี้มักปรากฏผู้หญิงที่ข้างกายของมู่หรงฉางเฟิงอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังพากลับไปที่บ้าน พาไปที่เตียงของตัวเอง ไม่ให้พี่สาวของฉันออกไป ให้พี่สาวของฉันดูพวกมันทำเรื่องแบบนั้น”

ฉินวี่เฟยขมวดคิ้ว แล้วกล่าวด้วยความเกลียดชัง: “มู่หรงฉางเฟิงกำลังเอาคืนพี่สาวของฉัน”

“เมื่อก่อนตอนที่คุณปู่ยังอยู่ ตระกูลมู่หรงได้ทำอยู่หลายเรื่อง แต่เพราะเกรงใจคุณปู่ของฉัน มู่หรงฉางเฟิงเลยไม่เคยทำให้พี่สาวของฉันลำบากใจเลย ในวันนี้คุณปู่ได้ตายไป มู่หรงฉางเฟิงมันเลยแสดงสันดานที่แท้จริงของมันออกมา”

หลี่ฝางนำมือไปวางไว้บนบ่าของฉินวี่เฟย แล้วกล่าว: “เรื่องนี้ มอบให้ฉันเป็นคนจัดกการ”

“เฮ้อ” ฉินวี่เฟยทอดถอนใจ และไม่ได้พูดอะไร

เพราะยังไงซะ ฉินหยีหรันก็เป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิง ไม่ว่ามู่หรงฉางเฟิงจะทำยังไงกับฉินหยีหรัน ล้วนเป็นเรื่องในครอบครัวของเขา คนนอกอย่างหลี่ฝาง จะพูดอะไรได้?

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง