ภายในใจของหลี่ฝาง รู้สึกไม่ค่อยดีนัก
เทียบกับฉินวี่เฟยในตอนนี้ หลี่ฝางยากจะเห็นฉินวี่เฟยที่สดใสร่าเริงคนนั้นมากกว่า
โอบกอดอยู่ราว ๆ สิบกว่านาที หลี่ฝางสามารถรู้สึกได้ว่า ฉินวี่เฟยกอดตัวเองแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ถึงขนาดไม่อยากปล่อยมือ
หลี่ฝางยิ้ม เขาตบที่ไหล่ของฉินวี่เฟยเบา ๆ : “พี่ชายของเธอยังอยู่ข้างใน แอปเปิลของเขา กินใกล้จะหมดอยู่แล้ว”
ฉินวี่เฟยยังคงไม่ปล่อยมือ เพียงแค่ใช้หน้าซุกไปที่บ่าของหลี่ฝาง ราวกับลูกแมวตัวหนึ่ง น่ารักซะไม่มี
เหตุการณ์แบบนี้ ถ้าหากให้พนักงานของบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ปมาเห็นเข้า คงตกใจจนอ้าปากค้างสินะ?
ประธานสาวผู้เคร่งขรึมแห่งบริษัทฉินซื่อ กรุ๊ป ตอนนี้กลับกลายเป็นดั่งลูกแมวตัวหนึ่ง ที่ฟุบอยู่ในอ้อมกอดของชายคนหนึ่ง
“หลี่ฝาง นายชอบฉันไหม?”
“ในใจของนายมีฉันอยู่หรือเปล่า?”
ฉินวี่เฟยถามด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นใจ สามารถฟังออก ฉินวี่เฟยดูค่อนข้างประหม่าและหวาดกลัว
หลี่ฝางเข้าใจความรู้สึกของฉินวี่เฟย
แต่ว่า หลี่ฝางกลับไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนกับฉินวี่เฟย หรืออนาคตได้
ก็กว่าจะคืนดีกับลู่หลุ่ยได้นี่นา
หลี่ฝางคิดไปคิดมา ถึงกล่าว: “มีบางจุด ที่ฉันแน่ใจ นั่นก็คือในใจฉันมีเธออยู่”
หลี่ฝางกล่าวไป ก็ลูบไปที่ผมของฉินวี่เฟย กล่าว: “อีกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ล่ะก็ ฉันยินดีที่จะให้อนาคตที่งดงามกับเธอ”
“เพียงแต่ว่าตอนนี้......”
ฉินวี่เฟยยิ้ม และกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ: “แค่นี้ก็พอแล้ว ฉันรู้ว่าตอนนี้นายได้คืนดีกับลู่หลุ่ยแล้ว เธอเป็นผู้หญิงที่ดี อย่าทำให้เธอผิดหวัง”
“อีกอย่าง ฉันก็ไม่ชอบเป็นมือที่สามหรือโลกใบที่สองของใคร” ฉินวี่เฟยกล่าว
หลี่ฝางรีบส่ายหัวทันที เขากล่าวอธิบาย: “ฉันไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น?
“ฉันรู้” ฉินวี่เฟยพยักหน้า
หลี่ฝางทอดถอนใจยาว ๆ กล่าว: “ผมมันแย่มาก ๆ เลยใช่ไหม?”
“มีแฟนอยู่แล้วชัด ๆ ยังมีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในใจ แล้วยังจะไปยุ่งกับผู้หญิงคนอื่นอีก?” หลี่ฝางพูดเองเออเอง
“ถ้าหากเป็นดั่งที่พูด ฉันมันก็เลวทรามต่ำช้าจริง ๆ เพราะถึงยังไง ในตอนนั้นเป็นฉันที่เอาตัวเข้าไปติดเธอ วางแผนเข้าใกล้เธอ”
“โดยเฉพาะในคืนวันนั้น”
ฉินวี่เฟยกัดริมฝีปาก กล่าว: “เรื่องที่เกิดขึ้นในคืนนั้น นายจำอะไรไม่ได้เลย”
“ในความพร่ามัว ฉันจำได้ว่าตัวเองหยาบคายมาก” หลี่ฝางยิ้มอ่อน ๆ
หลังจากนั้น หลี่ฝางก็ไม่อยากพูดถึงเรื่องที่น่าอายนี้แล้ว เขาเลยเปลี่ยนหัวข้อกล่าว: “พูดให้ฉันฟังหน่อย ฉินเสี่ยวหู่รังแกเธอยังไง?”
“มันกลับมาที่บ้านตระกูลฉินแล้ว?” หลี่ฝางขมวดคิ้วถาม
“อืม สองวันมานี้เขาบังอาจมากขึ้นเรื่อง ๆ เขาไม่เพียงกล้ากลับมาบ้าน ทั้งยังมักปรากฏที่ภายในบริษัทอยู่บ่อยครั้ง แถมยังพาคนกลุ่มหนึ่งมาด้วย ฉันให้ยามรักษาการณ์ขวางเขาไว้ ไม่ให้เขาเข้าไป แต่เขากลับกล้าพาคนไปกระทืบยามรักษาการณ์ในกลางวันแสก ๆ ตีจนยามต้องเข้าโรงพยาบาล แถมยังอาการหนักอีกด้วย เดิมทีฉันคิดจะแจ้งตำรวจ แต่ถูกทางบ้านห้ามเอาไว้ จะว่ายังไง เขาก็ยังเป็นคนตระกูลฉิน”
“ถ้าเกิดทำให้เขาต้องเข้าไปนอนในคุกไปจริง ๆ งั้นลุงสองและป้าสะใภ้สอง คงเห็นฉันเป็นศัตรูอยู่ตลอดวัน พอถึงตอนนั้น วิลล่าของตระกูลฉิน ฉันคงไม่ต้องกลับไปแล้วล่ะ”
หลี่ฝางอืมตอบรับ แล้วถามต่อ: “มันทำอะไรบ้าง?”
“ก็ไม่ได้ทำอะไรหรอก ก็แค่สร้างความวุ่นวายในบริษัท พวกนี้ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร แต่ฉันได้ยินมาว่า ฉินเสี่ยวหู่ได้แอบไปเยี่ยมเยือนเหล่าผู้ถือหุ้น และยังมีผู้บริหารระดับสูงของบริษัทมาหลายคน ส่วนคุยเรื่องอะไรนั้น ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน”
“ฉันเรียกผู้บริหารระดับสูงพวกนั้นมาที่ห้องทำงาน พวกเขาต่างก็ขี้ขลาดไม่กล้าพูดอะไรทั้งนั้น และยังมีบางคนถึงขั้นโกหก บอกว่าบอกว่าฉินเสี่ยวหู่ไม่เคยมาพบเขา”
ฉินวี่เฟยเม้มปากแล้วกล้าว: “พ่อของฉันบอกว่า แผนการของฉินเสี่ยวหู่นั้นเดาไม่ยาก เขาอาจจะกำลังคิดกุมอำนาจบริษัทฉินซื่อ ให้ฉันเป็นผู้บัญชาการหัวเดียวกระเทียมรีบ”
“เขายังคงไม่ตายใจ อยากให้ฉันมอบตำแหน่งประธาน ให้กับพ่อของเขา”
หลี่ฝางหัวเราะเหอะ ๆ อย่างเยือกเย็น: “เรื่องของตัวมันเอง จัดการเรียบร้อยแล้วเหรอ?”
“มู่หรงฉางเฟิงจัดการให้เขาหมดแล้ว ตอนนี้เขาไม่มีปัญหาอะไรแล้ว มีสองสามความ ยอมที่จะรับโทษทั้งหมดไว้เอง อีกทั้งคนพวกนี้ เมื่อไม่กี่วันก่อน ต่างก็เสียชีวิตอย่างกะทันหันในคุกไปแล้ว”
ฉินวี่เฟยกล่าว: “ตอนนี้ ฉินเสี่ยวหู่ได้เป็นอิสระไปแล้ว เขาไปเป็นหมาเลียแข้งของมู่หรงฉางเฟิง มู่หรงฉางเฟิงนั่นเป็นไอ้คนสารเลว”
ในตอนที่พูดถึงมู่หรงฉางเฟิง บนใบหน้าของฉินวี่เฟย แสดงออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนว่าเธอโมโหอย่างสุดขีด
หลี่ฝางมองดูฉินวี่เฟยแล้วถามต่อ: “มันทำไมเหรอ?”
“มันทำร้ายพี่สาวของฉัน หลังจากที่คุณปู่ของฉันเสียไป มันก็ทำร้ายร่างกายพี่สาวของฉันอยู่บ่อยครั้ง ทุกครั้งที่พี่สาวของฉันกลับมาที่บ้านตระกูลฉิน บนใบหน้าของหล่อน มีบาดแผลฟกช้ำอยู่เต็มไปหมด นอกเหนือจากที่ใบหน้าแล้ว บนร่างกายพพี่สาวของฉัน ยังมีรอยแส้อีก”
ฉินวี่เฟยกัดฟันกล่าว: “ฉันแทบอยากจะฆ่ามู่หรงฉางเฟิงด้วยซ้ำ”
“เรื่องนี้ พ่อของเธอรู้เรื่องไหม?” หลี่ฝางถาม
ฉินวี่เฟยพยักหน้าพลางกล่าว: “รู้ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พ่อกับแม่ของฉัน เคยไปที่บ้านตระกูลมู่หรงครั้งหนึ่ง แต่คนตระกูลมู่หรงไม่ให้พ่อกับแม่ของฉันเข้าไปแม้แต่ประตูบ้านด้วยซ้ำ อิทธิพลของตระกูลมู่หรงแข็งแกร่งมาก ตระกูลฉินของเรา ไม่สามารถทำอะไรตระกูลมู่หรงได้เลย”
“บอกให้พี่สาวของฉันหย่ากับมู่หรงฉางเฟิง แต่พอพี่สาวของฉันไปพูด กลับถูกมู่หรงฉางเฟิงปฏิเสธ”
“ที่น่าโมโหก็คือ ตอนนี้มักปรากฏผู้หญิงที่ข้างกายของมู่หรงฉางเฟิงอยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งยังพากลับไปที่บ้าน พาไปที่เตียงของตัวเอง ไม่ให้พี่สาวของฉันออกไป ให้พี่สาวของฉันดูพวกมันทำเรื่องแบบนั้น”
ฉินวี่เฟยขมวดคิ้ว แล้วกล่าวด้วยความเกลียดชัง: “มู่หรงฉางเฟิงกำลังเอาคืนพี่สาวของฉัน”
“เมื่อก่อนตอนที่คุณปู่ยังอยู่ ตระกูลมู่หรงได้ทำอยู่หลายเรื่อง แต่เพราะเกรงใจคุณปู่ของฉัน มู่หรงฉางเฟิงเลยไม่เคยทำให้พี่สาวของฉันลำบากใจเลย ในวันนี้คุณปู่ได้ตายไป มู่หรงฉางเฟิงมันเลยแสดงสันดานที่แท้จริงของมันออกมา”
หลี่ฝางนำมือไปวางไว้บนบ่าของฉินวี่เฟย แล้วกล่าว: “เรื่องนี้ มอบให้ฉันเป็นคนจัดกการ”
“เฮ้อ” ฉินวี่เฟยทอดถอนใจ และไม่ได้พูดอะไร
เพราะยังไงซะ ฉินหยีหรันก็เป็นภรรยาของมู่หรงฉางเฟิง ไม่ว่ามู่หรงฉางเฟิงจะทำยังไงกับฉินหยีหรัน ล้วนเป็นเรื่องในครอบครัวของเขา คนนอกอย่างหลี่ฝาง จะพูดอะไรได้?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง