“เหอะ พอดีฉันเป็นพวกดื้อด้านน่ะ ผู้ชายเข้าไม่ได้อะไร ก็ฉันจะเข้าใครจะทำไม?”
โหจื่อมองหน้าหญิงคนนั้นอย่างไม่แคร์ แล้วฉีกยิ้ม “หรือคิดว่าจะฆ่าฉันได้?”
“ไม่ได้หรอกค่ะ”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเสียงเรียบ “แต่ลูกค้าที่อยู่ข้างใน น่าจะทำได้”
“พ่อหนุ่มขอเตือนไว้ก่อนนะ เหนือฟ้ายังมีฟ้า ต่ำกว่านรกยังมีนรก”
เธอมองหน้าโหจื่อ แล้วพูดเสียงเรียบเฉย “ดูแล้วนายน่าจะอายุแค่ยี่สิบกว่าๆ ทำไมไม่รู้จักรักษาชีวิตตัวเองให้ดีล่ะ?”
“รีบฉวยโอกาสตอนที่นายยังไม่ได้แหย่โดนลูกค้าข้างในนั้น ถ้าไปสะกิดโดนเข้าล่ะก็ ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย”
ไม่ว่านายจะเป็นใคร นายก็ต้องตาย
ผู้หญิงคนนั้นเน้นเสียงในประโยคตอนท้าย
“เมื่อกี๊นายฆ่าบอร์ดี้การ์ดของที่นี่ไปมาก แต่ไม่ว่าจะพูดยังไง พวกนั้นก็เป็นแค่ทาสรับใช้ของที่นี่ ไม่มีใครสนใจอยู่แล้วว่าจะอยู่หรือตาย เราไม่สน ลูกค้าของในนั้นก็ยิ่งไม่สน พวกเขาตายไปยังไงก็ต้องมีคนใหม่มาทำหน้าที่แทนอยู่ดี”
“แต่ถ้านายไปกระตุกหนวดลูกค้าข้างในนั้น ผลลัพธ์ไม่เหมือนกันหรอกนะ”
“พวกเขาน่ากลัวมากกว่าที่พวกเธอจินตนาการได้” เธอพูดเสียงเรียบ
“ทำไม พวกมันเป็นปีศาจ มีสามหัวหกมือหรือไง? ยังไงก็คนที่มีหนึ่งสมองสองมือเหมือนกัน ไม่ว่าใครที่เป็นฝ่ายแพ้ก็ล้วนแต่ต้องตาย” โหจื่อพูดไม่แยแส
หญิงคนนั้นส่ายหน้า ดูแล้วไม่น่าจะโน้มน้าวโหจื่อได้ จึงไม่ได้ต่อล้อต่อเถียงอีก
“เสี่ยวหลิงรีบเข้าไปสิ ปล่อยให้แขกรอนานๆ เดี๋ยวจะอารมณ์เสียเอา” หญิงคนนั้นหันไปพูดกับเด็กสาวมือชงชา
เมื่อเสี่ยวหลิงเดินไปได้ไม่กี่ก้าว ตอนที่ยืนอยู่หน้าทางเข้า แม่มดก็ดึงมือออกมารั้งไว้ก่อน “ฉันก็พอจะรู้วิธีชงชาอยู่บ้างพอดี”
“ไม่งั้นยกหน้าที่นี้ให้ฉันทำแทนแล้วกัน” แม่มดพูด
“แต่ว่า…” เสี่ยวหลิงกำลังจะอ้าปาก แต่แม่มดตรงเข้าไปบีบคอของเธอ สายตาเย็นยะเยียบ “ทำไม จะบอกว่าฝีมือฉันสู้เธอไม่ได้งั้นสิ?”
เสี่ยวหลิงส่ายหน้า สีหน้าไม่ได้บ่งบอกถึงความหวาดกลัวสักนิด
แม้ว่าสายตาของแม่มดจะเต็มไปด้วยแรงอำมหิต แต่ท่าทางของเด็กสาวที่ชื่อเสี่ยวหลงกลับไม่มีวี่แววว่ากลัวตายแม้แต่น้อย
“ในเมื่อคุณอยากไปก็ไปเถอะ” เสี่ยวหลิงพูด ในแววตาเผยความสบายใจบางๆ
ชงชา?
แค่ชงชาแค่นั้นจริงๆน่ะหรอ?
ครั้งล่าสุด หลังจากที่เพื่อนสาวคนนึงถูกเรียกให้เข้าไปชงชา เธอก็ไม่ได้กลับออกมาอีก
หญิงสาวเอ่ยเตือนแม่มดคำนึง “ระวังตัวด้วย พวกลูกค้าอารมณ์ร้าย”
“ฉันก็อารมณ์ร้ายเหมือนกัน”
“โหจื่อ นายยืนเฝ้าตรงนี้ อีกครึ่งชั่วโมงฉันไม่โผล่หน้าออกมา นายก็รีบหนีไปซะ” แม่มดหันหลับมามองโหจื่อแว๊บนึง
โหจื่อหัวเราะหึ “ฉันไม่เคยทอดทิ้งคู่หูของตัวเอง”
“อีกครั้งชั่วโมงเจอกัน” โหจื่อพูด
พูดๆอยู่ โหจื่อก็ส่งปืนกระบอกสีทองให้แม่มด
แม่มดนิ่งไปเล็กน้อย ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ “นี่มันปืนทองคำที่จักรพรรดินีประทานให้นายไม่ใช่หรือไง?”
“ใช่ไง มีแค่กระบอกเดียวในโลก ฉันจะให้มันกับเธอ ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็ ถ้าเธอตายอยู่ในนั้น ฉันก็จะได้เข้าไปเอามันออกมา” โหจื่อพูด
แม่มดหัวเราะ แล้วหยิบปืนมาจากมือของโหจื่อ “ถ้าฉันไม่ได้ออกมา นายก็รอให้หลอซ่ากลับมาก่อนแล้วกัน ไม่ต้องเสียสละชีวิตเพื่ออะไรที่ไม่มีความหมาย”
“ถ้าฉันทำไม่สำเร็จ นายเองก็ไม่มีทางสำเร็จ” แม่มดพูด
คำพูดของแม่มด แสดงให้ชัดว่าความสามารถของเธออยู่เหนือโหจื่อ
โหจื่อช็อกไปนิดหน่อย สีหน้าของเขาไม่น่าดู “ยัยแม่มดนี่ล่ะก็ ต่อหน้าสาวสวยตั้งเยอะแยะ ช่วยไว้หน้ากันหน่อยได้ไหม?”
“ของแบบนั้นมาขอจากคนอื่นไม่ได้หรอก ฉันก็แค่พูดไปตามความจริง” แม่มดบอก
“ได้ ถ้าผ่านไปครึ่งชั่วโมงแล้วเธอยังไม่ออกมา ฉันจะเผ่นแนบทันที” โหจื่อพูด
แม่มดพยักหน้า แล้วเดินเข้าไป
ข้างในเหมือนกับห้องส่วนตัวของคณะรัฐมนตรีก็ไม่ปาน ทันทีที่เดินเข้าไป ประตูก็ส่งสัญญาณเตือนขึ้นทันที
“โยนปืนทิ้งซะ”
ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยเรียบๆ “วัตถุโลหะไม่สามารถผ่านเข้าไปได้”
แม่มดยิ้มบางๆ วางปืนสีทองลงบนพื้น แล้วดึงมีดเล็กสองด้ามออกมา
เด็กสาวทั้งหลายที่เห็นภาพช็อตนี้ ต่างก็มีสีหน้าตระหนก
“เฮ้อ รองเท้าก็ต้องถอดหรอ?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง