หยิ่นเจิ้งพยักหน้าเบาๆ “นายก็พูดเกินไป นายเป็นคนบังคับให้ฉันทำแท้ๆ”
“บังคับ?”
จางซินเฟยหัวเราะเสียงเย็น “คุณรู้ไหมว่าผมเกลียดอะไรที่สุด?”
“ผมเกลียดคนที่ชอบแบล็กเมล์ผมที่สุด”
สีหน้าของหยิ่นเจิ้งยังคงนิ่งสงบ “ไม่มีใครชอบที่ต้องถูกบังคับข่มขู่ แต่นายเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดของฉัน เพราะงั้นฉันตำเป็นต้องใช้วิธีบีบให้นายตกลง”
“เมื่อนายเหยียบย่างออกจากห้องห้องนี้ คลิปวีดีโอก็จะถูกส่งไปถึงมือแมงป่อง ถึงตอนนั้น นายคงต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย”
“ร่วมมือกับฉันนายยังมีโอกาสรอดสิบเปอร์เซ็นต์ แต่ถ้าไม่ นายต้องตายแน่นอน”
หยิ่นเจิ้งพูดกับจางซินเฟย “ฉันหวังว่านายจะทำใจให้สงบก่อนจะเดินออกจากห้องนี้ไป”
ทั้งสี่มุมห้องล้วนเป็นกล้องวงจรปิด ทุกการกระทำของจางซินเฟยล้วนถูกบันทึกไว้หมดแล้วจางซินเฟยรู้ดี หากเขาเดินออกไป หยิ่นเจิ้งจำต้องส่งคลิปที่เขามาที่ห้องทำงานนี่ไปให้แมงป่อง และแมงป่องในเวลานี้กำลังหวาดระแวงอย่างหนัก เขาคงไม่ให้โอกาสเขาแม้แต่จะอธิบาย ก็กำจัดเขาทิ้ง
แต่แน่นอนว่า จางซินเฟยยังมีโอกาสรอดอยู่
นั่นก็คือออกไปจากห้องทำงานนี่ แล้วรีบเผ่นออกจากอำเภอหลิน บางทีนี่อาจจะเป็นทางเดียวที่ทำให้เขารอด
แต่ถ้าทำแบบนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างที่กว่าเขาจะมีได้ในวันนี้ก็จะสลายหายไปกับตา
เพราะงั้นจางซินเฟยย่อมรู้สึกยอมไม่ได้
“เจ้านายหยิ่น ที่ผ่านมาผมเคยทำอะไรให้คุณไม่พอใจหรอครับ? ทำไมจะต้องผลักผมไปตายให้ได้?” จางซินเฟยจ้องหยิ่นเจิ้ง
หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า “ยังไม่ทันไรก็พูดแบบนี้แล้ว นายจะตัดสินเร็วเกินไปไหม? บางทีการร่วมมือของเราอาจจะสำเร็จก็ได้?”
“ถ้ามันสำเร็จจริง ฉันจะกลายเป็นผู้มีพระคุณของนายนะ” หยิ่นเจิ้งหัวเราะหึๆ
“เจ้านายหยิ่น เจ้านายหยิ่น ได้โปรดปล่อยน้องผมไปเถอะครับ การที่คุณส่งน้องผมไปจัดการกับแมงป่องก็ไม่ต่างอะไรกับส่งเขาไปตาย” จางซินหยู่ดึงแขนของหยิ่นเจิ้ง
แต่แค่หยิ่นเจิ้งสะบัดทีเดียว ก็ทำให้จางซินหยู่เซไปไกลหนึ่งเมตร
“จางซินหยู่ นายคิดว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาทำไมฉันต้องดูแลนายเป็นพิเศษ เพราะน้องชายนายเป็นหมากตัวนึงในแผนการของฉันก็เท่านั้น” หยิ่นเจิ้งสะบัดแขนออกแล้วพูดอย่างเย็นชา
“จางซินเฟย นายจะสาวเท้าก้าวออกไปเลยก็ได้นะ ฉันไม่ห้าม” หยิ่นเจิ้งพูดจางซินเฟยหัวเราะเหอะ “ดีครับ พอผมเจอกับลูกพี่แมงป่อง ผมจะเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้ให้เขาฟัง”
“เมื่อถึงตอนนั้น ธาตุแท้ของคุณก็จะถูกเปิดเผย” จางซินเฟยพูด
“เหอะๆ นายคิดว่าจะได้เจอแมงป่องงั้นสิ? จะฆ่านาย ต้องรอให้แมงป่องเป็นคนลงมือหรือไง?” หยิ่นเจิ้งพูด “ส่วนพวกลูกน้องของแมงป่อง คิดว่าพวกมันจะฟังนายเล่านิทานหรือไง?”
“พวกมันคงจะฆ่านายทันทีเลยล่ะ” หยิ่นเจิ้งพูด
“หยิ่นเจิ้ง ไอ้เฮงซวยนี่ มาสู้กันตัวต่อตัวสิวะ” จางซินเฟยกำหมัดแน่น แล้ววิ่งไปตรงเข้าไปหาหยิ่นเจิ้ง
เมื่อเดินเข้าไปแค่ไม่กี่ก้าว หมัดหนักๆของจางซินเฟยก็กำลังจะทุ่มลงบนใบหน้าของหยิ่นเจิ้ง
แต่ตอนนั้นเอง หยิ่นเจิ้งกลับยื่นมือออกมาจับมือของจางซินเฟยไว้ได้
“ทำได้แค่นี้หรอ?” หยิ่นเจิ้งยิ้มอ่อน “นายมาถึงจุดนี้ได้ยังไงกัน?”
จางซินเฟยใช้หมัดอีกข้างสวน แต่ก็ถูกหยิ่นเจิ้งรั้งไว้ได้อีก
“ทำไม อายจนโมโหหรอ? ยังอยากต่อยฉันอีกไหม? โตจนป่านนี้ ทำอะไรก็คิดให้มันรอบคอบหน่อย ต่อยฉันแล้วจะมีประโยชน์อะไรกับนาย? นอกจากได้ระบายความโกรธแค่นิดหน่อย แล้วยังได้อะไรอีก?”
หยิ่นเจิ้งพูดตรงไปตรงมา จากนั้นใบหน้าก็เย็นยะเยียบ “อ้อ แล้วก็ยังได้ทำผิดกับฉันอีกด้วย”
หยิ่นเจิ้งยกขาขึ้นเตะปลายคางของจางซินเฟย เสียงดึงปึ้ง
ตัวของจางซินเฟยลอยหมุนร้อยแปดสิบองศากลางอากาศ แล้วร่วงลงบนพื้นอย่างจัง
วินาทีนั้น จางซินเฟยก็ราวกับสมองเบลอไป
จางซินเฟยยกมือขึ้นเช็ดรอยเลือดที่มุมปาก เขาไม่ได้สนใจกับความเจ็บปวดบนร่างกาย แต่มองหน้าหยิ่นเจิ้ง “ทำไมคุณมีฝีมือดีขนาดนี้?”
อย่างน้อยๆหยิ่นเจิ้งก็น่าจะอายุสี่สิบ แต่ท่าเตะของเขาเมื่อกี๊เป็นท่าฉีกขาขึ้นฟ้าในครั้งเดียว
ท่าแบบนี้ ต้องเป็นตระกูลที่ผ่านการฝึกมาเท่านั้นถึงจะทำได้
แต่หยิ่นเจิ้ง…ที่ผ่านมาเป็นแค่พ่อค้า มิหนำซ้ำยังขึ้นชื่อเรื่องความอ่อนหัด ทุกครั้งที่ประมือกับแมงป่อง ก็มีแต่พ่ายแพ้ยับเยิน
ไม่ใช่แค่นั้น มีครั้งนึงที่หยิ่นเจิ้งถูกพวกนักเลงรุมทำร้ายที่KTV แน่นอนว่าแมงป่องคือผู้อยู่เบื้องหลัง สุดท้ายตอนจบของเหตุการณ์นั้นก็คือแมงป่องแสร้งทำเป็นต่อว่าลูกน้องไม่กี่ประโยค ก็เป็นอันจบเรื่อง
ตอนนั้น จางซินเฟยเห็นเหตุการณ์นี้กับตาตัวเอง
หยิ่นเจิ้งในตอนนั้น ก็แค่ไอ้โง่ขี้เหล้าหลงผู้หญิง แต่วันนี้ จู่ๆก็กลายเป็นคนมีฝีมือขั้นสูง…
นี่เป็นคนๆเดียวกันจริงหรอ?
อีกทั้งเมื่อกี๊หยิ่นเจิ้งพูดว่า ที่พี่ชายของเขาสามารถก้าวหน้ามาได้ เป็นเพราะตัวเขาถูกหยิ่นเจิ้งจับวางเป็นหมากตัวนึง
แต่ที่พี่ชายได้เลื่อนตำแหน่ง นั่นเป็นเรื่องตั้งแต่สามถึงห้าปีที่แล้วนะ
“เจ้านายหยิ่น ยังมีอะไรอีกไหมครับ? ถ้าไม่มีงั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” จางซินเฟยพูด “ยิ่งผมอยู่ที่นี่นาน คงไม่ดีต่อผมนัก”
“ออกทางนี้”
หยิ่นเจิ้งหมุนรูปปั้นมังกรบนโต๊ะทำงาน จากนั้นที่ห้องหนังสือก็ปรากฏประตูลับ ที่ด้านหลังของประตูมีลิฟต์
“ลิฟต์นี่ลงไปถึงชั้นจอดรถ”
หยิ่นเจิ้งล้วงเอากุญแจรถออกมา แล้วยื่นให้จางซินเฟย “นี่คือเปอร์เช่รุ่นผลิตที่จีน หลังจบเรื่องฉันจะให้นายขับเปอร์เช่ของจริง”
“รถออร์ดี้a6ของนายสะดุดตาเกินไป เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นที่สังเกต ขับคันนี้กลับไปเถอะ ออร์ดี้a6ของนายฉันให้คนขับไปส่งที่บ้านแล้ว”
หยิ่นเจิ้งพูดจบ จางซินเฟยก็ลูบกุญแจรถของตัวเอง ก่อนจะยิ้มออกมา “ลึกๆแล้วเจ้านายหยิ่นเป็นคนฉลาดหลักแหลมมากจริงๆนะครับ”
“ในสายตาของนาย คนทำการค้าแบบฉันคงดูเป็นคนจิตใจสะอาดหมดสินะ?” หยิ่นเจิ้งย้อนถาม
“คงงั้นมั้งครับ แต่หลังจากวันนี้ไปคงไม่คิดแบบนั้นแล้วล่ะ เพราะเจ้าหยิ่นสอนอะไรผมมาเต็มๆชั่วโมงนึง” จางซินเฟยเดินเข้าไปในลิฟต์
เวลานี้ ที่หน้าประตูบ้านของตระกูลหยิ่น มีรถออร์ดี้a4จอดอยู่ ชายสองคนนั่งอยู่ด้านใน คนนึงคือหลี่ฝาง ส่วนอีกคนคือหยิ่นเหล่ย
สีหน้าของหยิ่นเหล่ยเวลานี้ ยากจะอธิบาย
หลี่ฝางหัวเราะหึ “ไม่ต้องตื่นเต้น ในเมื่อฉันไว้ชีวิตนายมาแล้ว ก็ย่อมรับประกันกันว่านายจะปลอดภัย”
“กลับไปซะ” หลี่ฝางเปิดประตูให้หยิ่นเหล่ย
แต่หยิ่นเหล่ยเม้มปาก มองหน้าหลี่ฝาง นัยน์ตาเผยความไม่เป็นมิตร แต่กลับไม่กล้าพูดอะไรออกมา
“คุณชายหลี่ ไม่ขึ้นไปนั่งหน่อยหรอครับ?” หยิ่นเหล่ยมองหน้าหลี่ฝางแล้วถาม
“ไม่ล่ะ ฉันตอนนี้แสลงตาเกินไป ถ้าถูกคนของแมงป่องเห็นเข้าต้องอันตรายแน่” หลี่ฝางพูดเรียบๆ จากนั้นจึงผลักหยิ่นเหล่ยลงจากรถ
หยิ่นเหล่ยเจ็บใจ นายยังกลัวอันตราย แล้วฉันไม่กลัวหรือไง?
ตอนนั้น ลูกน้องทั้งหมดของแมงป่องที่กำลังตามหาตัวหยิ่นเหล่ย ทันทีที่เขาลงจากรถ ทุกสายตาก็จับต้องมาที่เขา หยิ่นเหล่ยซอยขาวิ่งเข้าประตูบริษัทได้ทันก็ถอนหายใจออกมาหนักๆ
เมื่อมาถึงห้องทำงานของหยิ่นเจิ้ง หยิ่นเจิ้งเห็นลูกชายตัวเองย้อนกลับมา เขาก็สตั๊นท์ไปในทันใด “เหล่ยเหล่ย? กลับมาทำไม? พ่อให้แกหนีไปซ่อนตัวไม่ใช่หรอไง?”
“แล้วแม่ล่ะ?” หยิ่นเจิ้งถามร้อนรน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง