NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง นิยาย บท 717

สรุปบท บทที่717 ทางเลือกที่ยากลำบาก: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง

สรุปเนื้อหา บทที่717 ทางเลือกที่ยากลำบาก – NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง โดย เฉียงเกอ9527

บท บทที่717 ทางเลือกที่ยากลำบาก ของ NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง ในหมวดนิยายใช้ชีวิต เป็นตอนที่โดดเด่นด้วยการพัฒนาเนื้อเรื่อง และเปิดเผยแก่นแท้ของตัวละคร เขียนโดย เฉียงเกอ9527 อย่างมีศิลป์และชั้นเชิง ใครที่อ่านถึงตรงนี้แล้ว รับรองว่าต้องติดตามตอนต่อไปทันที

ข้อความนี้ส่งมาจากเบอร์แปลก

แมงป่องอ่านข้อความนั่น แล้วอยู่ในความเงียบสงบ

อย่างแรก เบอร์โทรนี้เป็นเบอร์ส่วนตัวของแมงป่อง มีไม่กี่คนที่รู้

นอกจากคนในครอบครัว ก็มีเพื่อนเก่าแก่ไม่กี่คน แม้แต่หยิ่นเจิ้งเองก็ยังไม่รู้

เพราะงั้นถึงได้พูดว่าเป็นเบอร์ส่วนตัวมากๆ

โดยปกติแล้วแทบจะไม่ค่อยมีใครติดต่อเขาผ่านเบอร์นี้

แต่ตอนนี้กลับมีเบอร์แปลกส่งข้อความเข้ามาบอกว่าหยิ่นเหล่ยซ่อนตัวตรงนั้น

วินาทีที่สมองตื้อไป ถึงกับลืมว่าต้องถามหยิ่นเจิ้ง แต่กลับหันไปพูดกับฉ่างจื่อว่า “ไปหมุนรูปปั้นสิงโตที่ตั้งอยู่บนโต๊ะนั่นที”

เมื่อได้ยินดังนั้น หยิ่นเจิ้งก็นลานขึ้นมา เขาลุกขึ้นแล้วรีบเดินเข้าไปขวางฉ่างจื่อ

“หยิ่นเจิ้ง!” แมงป่องมองหน้าหยิ่นเจิ้งด้วยสายตาเย็น “นายกลัวหรือไง?”

เมื่อกี๊ตอนที่เห็นข้อความนี้ เขายังไม่ได้เชื่อซะทีเดียวว่าเป็นเรื่องจริง

แต่วินาทีที่เห็นท่าทีลนลานของหยิ่นเจิ้ง เขาถึงได้เชื่อ ใต้รูปปั้นหัวสิงโตนี่จะต้องซ่อนคนที่เขากำลังตามหาไว้แน่ นั่นคือก็หยิ่นเหล่ย

“ไสหัวออกไป!” ฉ่างจื่อออกแรงผลักหยิ่นเจิ้งจนสุดแรง แต่หยิ่นเจิ้งแทบไม่ขยับ ยังคงยืนขวางหน้ารูปปั้นสิงโต

“หึๆ ไม่คิดเลยว่าขาของประธานหยิ่นจะแข็งแรงมั่นคงขนาดนี้”

เมื่อฉ่างจื่อพูดจบก็เป็นฝ่ายเข้าจู่โจม เขาทุ่มร่างของหยิ่นเจิ้งลงกับพื้น

แล้วหมุนรูปปั้นหัวสิงโต

ความมจริงหยิ่นเจิ้งจะขัดขืนอีกหน่อยก็ย่อมได้ แม้เขาจะไม่ได้มีฝีเท่ากับฉ่างจื่อ แต่ก็ไม่ถึงกับล้มลงบนพื้นทั้งๆที่พึ่งต่อสู้กันได้ไม่เท่าไหร่

แต่เพราะนี่เป็นวิธีรักษาชีวิตของหยิ่นเจิ้ง เขาไม่อยากเปิดเผยวิทยายุทธ์ของตัวเองก่อนเวลาอันควร

เมื่อรูปปั้นหัวสิงโตถูกบิด ที่ผนังก็เปิดออก ลิฟต์ที่อยู่ด้านในจึงปรากฏขึ้น

ลิฟต์ตัวนี้ถูกสร้างขึ้นอย่างแนบเนียน ถ้าไม่เพ่งมองดูดีๆก็มองไม่ออก

ตอนนี้ร่างของหยิ่นเหล่ยก็เผยตัวอยู่ต่อหน้าต่อตาของแมงป่อง

เดิมทีหยิ่นเหล่ยกำลังนั่งยองๆอยู่ในลิฟต์ เขาไม่รู้ว่าภายนอกเกิดอะไรขึ้น เขาไม่คิดเลยว่าจะมีคนอยู่กลไกนี้

กลไกนี้มีแค่สามคนที่รู้ คือพ่อของเขากับเลขาของพ่อเสี่ยวถิง

และลิฟต์ตัวนี้ หยิ่นเจิ้งยอมลงทุนให้วิศวะต่างชาติเป็นคนเข้ามาสร้าง เมื่อสร้างเสร็จพอกเขาก็ออกจากประเทศนี้ไปทันที

เพราะงั้นหยิ่นเจิ้งจึงไม่กังวลว่าความลับจะรั่วไหล

ต่อให้หยิ่นเจิ้งฝันก็ไม่เคยแม้แต่จะฝันว่าแมงป่องจะรู้ความลับนี้ จากนั้นแมงป่องก็เหลือบมองหยิ่นเหล่ยเล็กน้อยก่อนจะระเบิดหัวเราะออกมา “เหอะๆ หลานที่น่ารักของฉัน คงซ่อนอยู่ในนั้นนานแล้วสินะ? รีบออกมาสิ ออกมาสูดอากาศ”

เวลานี้แมงป่องไม่รีบกลับอีกแล้ว ถึงแม้ว่าบนตัวจะมีเลือดไหลไม่หยุด

“มาเร็ว ออกมาคุยกับลุงหน่อย”

แมงป่องมองหน้าหยิ่นเหล่ยด้วยสายตาขุ่นมัว “ทำไมต้องแพร่ประกาศล่าหัวฉัน”

“เงินร้อยล้านเป็นของใคร? คุณชายหลี่จากเมืองเอกหรอ? แต่ทำไมฉันได้ข่าวว่าคุณชายหลี่มีความแค้นกับนายนะ ที่นายมีลูกไม่ได้ก็เพราะคุณชายหลี่เป็นคนทำร้ายนายนี่นา อะไรกัน ความแค้นขนาดนี้สามารถลบได้เป็นปลิดทิ้งเลยหรือไง? ฉันว่านะคุณชายหยิ่น นายใจกล้ากว่าพ่อนายเยอะเลยล่ะ”

คำพูดของแมงป่องมีความเสียดสีอยู่ในที

ใบหน้าของหยิ่นเหล่ยเต็มไปด้วยความหวาดกลัว แต่แน่นอนว่าในใจของเขาก็หวาดกลัวยิ่งกว่า

ในสายตาของหยิ่นเหล่ย แมงป่องไม่ต่างอะไรกับปีศาจร้ายที่ฆ่าคนได้โดยไม่กระพริบตา

คนแบบนี้ แม้แต่ความกล้าจะสบตากับเขาตรงๆหยิ่นเหล่ยก็ยังไม่กล้า

วินาทีนี้เขาอยากจะลงไปคุกเข่าขอโทษแมงป่อง ถ้าหากทำแบบนั้นแล้วแมงป่องจะยอมปล่อยเขาไป

สีหน้าของหยิ่นเจิ้งเคร่งขรึมยิ่งกว่าเดิม “เรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับลูกชายผม ลูกพี่แมงป่อง คุณพูดเองไม่ใช่หรอว่ากรรมเกิดจากเหตุ มีเหตุย่อมมีผลตามมา? คนที่ชักใยเรื่องนี้ก็คือคุณชายหลี่ ลูกชายผมก็แค่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้เขาเท่านั้น”

“เหอะๆ งั้นหรอ? หยิ่นเจิ้ง พวกเราไม่ได้โง่ เพราะงั้นนายก็เลิกเอาคำพูดโง่เง่าของนายมาทำให้ฉันไขว้เขวได้แล้ว ฉันก็แค่อยากถามว่าถ้าไม่มีลูกชายนาย ไอ้เงินรางวัลนี่จะมีใครเชื่อไหม? แล้วมันจะแพร่ออกไปเร็วแบบนี้ไหม?”

แมงป่องขมวดคิ้ว “ไม่ว่าจะพูดยังไง ลูกชายนายก็อยากจะฆ่าฉันนั่นแหละ”

“ไม่ใช่หรือไง?” แมงป่องพูดน้ำเสียงเย็นชา

หยิ่นเจิ้งพูดไม่ออก

แมงป่องแสยะยิ้ม แล้วหันไปพูดกับฉ่างจื่อ “ให้หมอขึ้นมาทำแผลให้ฉันข้างบนนี้ ตอนนี้ฉันไปไม่ได้แล้ว” พูดจบ แมงป่องก็นั่งลงใหม่อีกครั้ง

จ้าวโหย่วฉายเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด ก็ไม่ได้พูดอะไร

ความจริงเงินล่าหัวร้อยล้านนั่นจ้าวโหย่วฉายเองก็รู้ แต่ในเมื่อไม่มีใครมาแจ้งความอะไร เขาก็ไม่ค่อยอยากเข้ามายุ่ง

ถ้ามีคนสามารถกำจัดแมงป่องได้จริง จ้าวโหย่วฉายก็ย่อมยินดีไปด้วย

เพราะถึงยังไงหลายปีที่ผ่านมา จ้าวโหย่วฉายก็ไม่ค่อยชอบขี้หน้าแมงป่องอยู่แล้ว

แม่งป่องมองหยิ่นเหล่ยแล้วกวักมือ “คุณชายหยิ่น ถ้าไม่อยากสิ้นอายุขัยตั้งแต่ยังหนุ่มยังแน่น ฉันแนะนำว่าทางที่ดีนายหยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วโทรไล่ทีละคน บอกให้คนทั้งอำเภอรู้ว่าเรื่องเงินล่าหนายก็แค่เมาแล้วพูดเล่นเท่านั้นไม่ใช่เรื่องจริง ไม่งั้นละก็…”

“หยิ่นเจิ้ง นายรู้ดีว่าเรื่องนี้มันร้ายแรงแค่ไหน บอกลูกชายนายซะสิ”

นับว่าแมงป่องไว้หน้าจ้าวโหย่วฉายอยู่ ถึงไม่ได้พูดออกมาตรงๆ แต่เหลือบมองหยิ่นเจิ้ง “เรสองตระกูลยังพอมีทางออกสันติกันอยู่”

“แต่ถ้าลูกนายไม่ให้ความร่วมมือ งั้นก็คง…” แมงป่องพูดพร้อมกับส่ายหน้า

หยิ่นเจิ้งเดินกลับไปนั่งที่โซฟา แล้วรินชาใส่แก้ว พยายามทำจิตใจให้สงบ

“ถ้าเมื่อกี๊แมงป่องดึงดันจะเอาเรื่องคำพูดในโทรศัพท์ ฉันคงไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ เราเป็นเพื่อนกันมาตั้งนานขนาดนั้น ฉันไม่ควรจะจับนาย แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินน่ะดีแล้ว” จ้าวโหย่วฉายพูด

หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า แล้วรินชาให้จ้าวโหย่วฉาย “พี่จ้าว ถ้าผมบอกว่าผมโดนใส่ร้ายพี่จะเชื่อไหม?”

จ้าวโหย่วฉายพยักหน้า “หลายปีที่ผ่าน เราสองคนสนิทปรองดองกันมาตลอดเพราะไม่ว่าจะเรื่องอะไรนายก็ไม่เคยปิดบังฉัน แล้วก็ยิ่งไม่มีทางโกหก”

“และครั้งนี้ฉันก็เชื่อว่ามันก็เป็นแบบนั้น” จ้าวโหย่วฉายพูด

“คนที่ลงมือแทงเป็นพนักงานของผมจริง แต่ผมไม่ได้สั่ง ผมไม่ได้โง่ขนาดที่จะใช้ให้พนักงานตัวเองลงมือในบริษัทของตัวเอง”

หยิ่นเจิ้งพูดด้วยสีหน้ายุ่งเหยิง “แต่ผมสารภาพ ผมคิดจะฆ่าแมงป่องจริง อีกทั้งยังวางแผนไว้หมดแล้ว”

จ้าวโหย่วฉายดื่มชาไปแก้วนึง แล้วพูดขึ้น “ทำไมจู่ๆถึงคิดจะทำแบบนี้ ธุรกิจของตระกูลหยิ่นทำอยู่บนกฎหมาย แมงป่องเองก็ไม่ได้ทำอะไรที่ส่งผลกระทบกับธุรกิจนายขนาดนั้น ทำไมจู่ๆถึงคิดจะทำการใหญ่?”

จ้าวโหย่วฉายเหลือบมองหยิ่นเหล่ยแล้วว่า “ประกาศล่าหัวนั่นฉันก็ได้ยินแล้ว แถมเรื่องนี้ก็เป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง นายทำแบบนี้แมงป่องย่อมไม่ปล่อยนายง่ายๆ ถึงเวลานั้นฉันคงคุ้มกันนายไม่อยู่ นายเองก็เห็นแมงป่องมันบ้า เวลาคลุ้มคลั่งขึ้นมาแม้แต่ฉันมันก็ไม่สน ที่สำคัญ สิ่งที่นายต้องการตอนนี้ คือชีวิตมัน”

จ้าวโหย่วฉายถอนหายใจ “ต่อกรกับแมงป่องอย่างชัดเจนขนาดนี้ ไม่น่าจะใช่สไตล์นายเลยนะ”

“หรือนายไปโดนใครกระตุ้นมา?” จ้าวโหย่วฉายถาม

หยิ่นเจิ้งส่ายหน้า “ไม่ใช่แรงกระตุ้น แต่ผมโดนบีบให้ต้องทำแบบนี้”

“พี่จ้าว เรื่องวันนี้มันพิสดารมาก มากจนมันทำผมหลอนไปหมด ไอ้หน้าหนวดนั่นตกลงมันเรื่องอะไร? พี่คิดว่าเป็นคนที่แมงป่องส่งมาหรือเปล่า?”

“หลายปีนี้ผมประกาศสงครามกับแมงป่องโต้งๆ การที่แมงป่องส่งหนอนบ่อนไส้เข้ามาในบริษัทผมก็คงเป็นเรื่องปกติ พี่คิดว่าเหตุการณ์ลอบแทงเมื่อกี๊จะเป็นแผนเฉือนเนื้อตัวเองของแมงป่องหรือเปล่า เขาตั้งใจให้ไอ้หน้าหนวดทำแบบนั้น แล้วก็ใส่ความผมต่อหน้าพี่?”หยิ่นเจิ้งสงสัย

“ก็เป็นไปได้”

จ้าวโหย่วฉายพูด “แต่ฉันตะหงิดๆว่านี่ไม่น่าจะใช่ฝีมือของแมงป่อง นายเองก็เห็นมีดเล่มนั้นแทงเข้าไปในท้องของแมงป่อง ถ้าเป็แค่การแสดง ทำไมมันรุนแรงขนาดนั้น แล้วในคลิปนายก็เห็น ถ้าแมงป่องรู้สึกตัวไม่ทัน ไอ้หน้าหนวดนั่นคงได้ฆ่าเขาไปแล้ว”

“ถ้าเป็นแผนเฉือนเนื้อตัวเองจริง งั้นแมงป่องจะลงทุนเยอะไปหน่อยมั้ง?”

“อีกอย่างยังมีจุดสำคัญอีกอย่าง ถ้านี่เป็นแผนของแมงป่อง งั้นเป้าหมายของเขาก็คงเป็นการจับนายกับเสี่ยวถิงเข้าคุก แต่ทั้งที่มีหลักฐานหนาแน่นขนาดนี้ ทั้งบทสนทนาทั้งสองอันฉันก็ได้ยินอยู่โต้งๆ แมงป่องมีสิทธิให้ฉันจับพวกนายได้เลย และฉันก็ไม่สามารถปฏิเสธด้วย แต่เขากลับไม่ทำ”

จ้าวโหย่วฉายพูด “นายก็รู้ คนอย่างแมงป่องไม่มีทางขอให้ฉันช่วยอะไรอยู่แล้ว อีกอย่างความสัมพันธ์ระหว่างเราก็ไม่ดี เพราะงั้นเขาไม่มีทางใช้ฉันมาจัดการกับพวกนาย”

“เพราะงั้นพี่กำลังจะบอกว่า เรื่องนี้เป็นฝีมือคนอื่นที่ตั้งใจจะใส่ร้ายผมงั้นหรอ?” หยิ่นเจิ้งขมวดคิ้ว

“และก็มีความเป็นไปได้ที่คนๆนั้นอยากฆ่าแมงป่อง” จ้าวโหย่วฉายพยักหน้าพูด

“ใครกัน?”

หยิ่นเจิ้งอึ้งไป

 

ประวัติการอ่าน

No history.

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง