“พี่เด็กซนครับ ปล่อยฉันไปเถอะ” มู่เสี่ยวไป๋คุกเข่าลงตรงหน้าไอ้เด็กซน มองหน้าเขาด้วยสีหน้าที่อ้อนวอน
“ปล่อยแกไปเหรอ? คืนนี้แกพาคนมาทุบทำลายแหล่งทำกินของพวกฉันไปสิบกว่าแห่ง
ทั้งหมดพังยับเยินจนทำธุรกิจไม่ได้อีกเลย แม้กระทั่งลูกค้าประจำของพวกเรา แกก็ยังไม่ละเว้น”
ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชาว่า “แกคิดว่า ฉันควรจะปล่อยแกไปงั้นเหรอ?”
“ถ้าฉันปล่อยแกไปอย่างนี้ พ่อบุญธรรมฉัน จะละเว้นฉันไหมล่ะ?” ไอ้เด็กซนท่าทีเคร่งขรึม “พ่อบุญธรรมฉันสั่งให้ดูแลแหล่งที่ทำกินพวกนี้ให้ดี ตอนนี้แหล่งทำกินพวกนี้กลายเป็นสถานที่ทิ้งขยะไปหมดแล้ว เรื่องนี้ถ้าลือไปถึงหูท่านแล้ว แกจะให้ฉันชี้แจงท่านยังไงล่ะ”
“แกนี่ไอ้สาระเลว!”
ไอ้เด็กซนยิ่งพูดยิ่งโมโห ใช้ขาถีบไปที่มู่เสี่ยวไป๋จนล้มหงายไม่เป็นท่า
“โคตรแม้งเอ๊ย!”
จากนั้นไอ้เด็กซนก็ใช้ขาเตะไปยังขาอีกข้างหนึ่งของมู่เสี่ยวไป๋
จากนั้นเสียงกระดูกหักดังแกร๊ก ขาอีกข้างหนึ่งของมู่เสี่ยวไป๋ก็ถูกทำร้ายจนหักไปเลย
“ฉันแม้งไม่เข้าใจจริงๆเลย แกคิดยังไงถึงได้นับถือหลี่ฝางไอ้เศษสวะนี้เป็นลูกพี่ แม้งเอ๊ย ฉันได้ข่าวมาว่าระหว่างพวกแกมีความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งไม่ใช่เหรอ? คนของแกไม่ใช่ถูกหลี่ฝางแย้งไปแล้วเหรอ? พี่ชายแก ไม่ใช่ถูกคนของหลี่ฝางทำร้ายจนพิการเหรอ?”
ไอ้เด็กซนส่ายหน้า คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ
“ยังมีพวกแก มู่เสี่ยวไป๋ไอ้หมอนี่สมองเลอะเลือน แล้วพวกแกก็เลอะเทอะตามไปด้วยเหรอ?”
“ในเมืองเอกนี้ พ่อบุญธรรมของฉันถึงจะเป็นพระเจ้า เข้าใจไหม?”
ไอ้เด็กซนกัดฟัน กำหมัดไว้แน่นแล้วพูดว่า “พวกแกไอ้งั่งทั้งหลาย รู้หรือเปล่าว่าคืนนี้ทำอะไรลงไปบ้าง?”
“พวกแกทำลายทุกสิ่งทุกอย่างที่พ่อบุญธรรมฉันอุตส่าห์ลำบากสร้างมากับมือ”
“พวกแกไอ้พวกฉิบหาย”
ไอ้เด็กซนยิ่งคิดยิ่งโมโห สำหรับไอ้เด็กซนแล้ว คนพวกนี้ที่อยู่ตรงหน้า ล้วนเป็นคนชนชั้นต่ำสุดในสังคมทั้งนั้น
แต่ว่าคนพวกนี้ ทำลายธุรกิจของตัวเองจนเสียหายยับเยิน
“พวกแกรู้ไหมว่าคืนนี้ข้าวของที่พวกแกทุบทำลาย มันมีมูลค่าเท่าไร” ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชาว่า “ติดต่อคุณหมอถัง ให้เขามาที่นี่หน่อย”
“ไตจำนวน100อัน ก็น่าจะชดใช้ของที่เสียหายบางส่วนได้ ส่วนที่เหลือนั้น มู่เสี่ยวไป๋ ให้ตระกูลมู่พวกแกมาชำระหนี้ก็แล้วกัน
“พรุ่งนี้ตอนเช้าตรู่ ฉันจะตรวจสอบค่าเสียหายทั้งหมดที่เกิดขึ้นในคืนนี้ แล้วจะให้จำนวนตัวเลขที่แน่นอนกับแก ถึงเวลานั้น ฉันไม่สนว่าตระกูลมู่พวกแกจะขายหุ้นก็ดี ขายสมบัติตระกูลก็ดี ยังไงก็ตาม ต่อให้ต้องชดใช้ทั้งตระกูลมู่ แกก็จะต้องรวบรวมให้ครบตามยอดจำนวนเต็มคืนให้ฉัน”
ไอ้เด็กซนพูดอย่างเย็นชา
“เอาคนพวกนี้กลับไปให้หมด คืนนี้จะให้คุณหมอถังพาผู้คนมามากหน่อย ขอเพียงแต่ไม่ทำให้ถึงขั้นเสียชีวิต อวัยวะภายในที่ขายได้ ก็เอามันออกมาให้หมด”
ผู้ชายที่สวมเสื้อลายพรางพยักหน้า แล้วพูดว่า “ฉันโทรศัพท์หาคุณหมอถังแล้ว เขาบอกว่าอีกสักครู่ก็จะมาถึงแล้ว”
ได้ยินคำพูดนี้แล้ว กลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวไป๋ ตกใจตรงท้องไส้ปั่นป่วนไปหมด
พวกเขาเพิ่งจะได้รับเงินจากหลี่ฝางมาหนึ่งหมื่นหยวน ไม่คิดเลยว่าจะต้องแลกกับไตข้างหนึ่งของตัวเอง มันไม่คุ้มค่ากันจริงๆ!
และในเวลานั่นเอง มีรถเบนซ์สองคัน วิ่งตรงมาเข้ามา
หลี่ฝางเปิดประตู เดินลงมาจากรถ
“ฉันมาสายไปหรือเปล่า?”
หลี่ฝางเดินเข้ามาอย่างไม่รีบไม่ร้อน มองดูขาที่หักทั้งสองข้างของมู่เสี่ยวไป๋ ได้แต่ยิ้มเล็กน้อย “ใครทำร้ายจนขาทั้งสองข้างของแกหักล่ะ?”
“ฉันเอง” ไอ้เด็กซนมองดูหลี่ฝางด้วยท่าทีหยิ่งยโสโอหัง
หลี่ฝางหัวเราะแล้วพูดว่า “งั้นฉันต้องขอขอบคุณแกมากเลย ฉันจะได้ไม่ต้องเสียแรงลงมือเอง”
จากนั้น หลี่ฝางหันหน้ากลับมา มองดูกลุ่มคนที่อยู่ข้างหลังมู่เสี่ยวไป๋ แล้วพูดว่า “พวกแกไม่เป็นอะไรใช่ไหม?”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง