“งั้นก็จัดการฆ่าเขาทิ้ง!” สีหน้าโหจื่อเต็มไปด้วยกลิ่นอายพิฆาต แต่ว่าหลังจากที่พูดคำนี้ออกมาแล้ว โหจื่อกลับหัวเราะอย่างทะเล้นแล้วพูดว่า “ฝีมือแกตอนนี้ถ้าจะฆ่าเขาทิ้งน่าจะเป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก หลังจากฆ่าเขาแล้วก็เอาไปโยนไว้สวนหลังบ้านของท่านจวนให้เขาแบกภาระแพะรับบาปไป”
หลี่ฝางพูดอะไรไม่ออก แผนการของโหจื่อนี้สกปรกเกินไป แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นความคิดที่ไม่ดีเสียทีเดียว ไม่แน่อาจจะเป็นการตรวจสอบว่าท่านจวนได้ออกไปจากเมืองเอกแล้วจริงหรือไม่
เมื่อคิดเช่นนี้แล้ว ในใจของหลี่ฝางก็คิดว่าไม่ว่าจะมีการแข่งรถหรือไม่ก็ตามก็ต้องสังหารเซี่ยจือชิว แต่ว่าเขาก็ล้มเลิกความคิดนี้ไปในทันที
ตอนนี้จิตสังหารของเขายิ่งมายิ่งรุนแรงมากขึ้นแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้อีกต่อไป อาจไม่แน่จะเกิดปัญหาใหญ่หลวงตามมาก็ได้
“มีปัญหาอีกอย่างหนึ่งคือ ฉันไม่มีฝีมือเทคนิคการขับรถที่เก่งกาจอย่างนั้นเหมือนส้าวส้วยนี่นา อีกอย่างในช่วงเวลาสั้นๆอย่างนี้ พวกเราก็ไม่มีเวลาที่จะไปดัดแปลงสภาพรถที่ดีเพื่อลงแข่งขันได้”
“รถของส้าวส้วยที่ลงแข่งตอนนั้น ก็เป็นเพียงแค่มัสแตงคันหนึ่งเท่านั้นเอง แกดูรถของตัวเองสิ หรือว่ายังจะกลัวแพ้อีกเหรอ?” โหจื่อถามอย่างทีเล่นทีจริง
“แต่ว่าฉันไม่ใช่ส้าวส้วยนะ” หลี่ฝางถอนหายใจ
“ดูเหมือนว่าแกเทียบกับส้าวส้วยแล้ว ยังขาดความกล้าหาญไปหน่อย เช่นนั้นแล้วการแข่งรถครั้งนี้ก็ยิ่งจำเป็นที่จะต้องลงแข่งแล้ว” โหจื่อมองหน้าหลี่ฝางแล้วพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม
“ตอนที่แข่งขันครั้งนั้นแกก็อยู่ด้วย การแข่งขันนั้นเป็นการประลองความใจกล้าละเอียดอ่อนแล้วก็ไหวพริบปฏิภาณที่ตอบโต้เฉียบไว ไหวพริบการตอบโต้ของแกตอนนี้ ความเร็วสามารถที่จะเทียบเท่ากับส้าวส้วยในตอนนั้นได้แล้ว ทำไมถึงยังไม่กล้าลงแข่งอีกล่ะ? แกกลัวที่จะแพ้แล้วเสียหน้า หรือว่ากลัวจะเอารถพุ่งชนตกหน้าผาไปใช่ไหมล่ะ?”
หลี่ฝางก็ไม่รู้ว่าตัวเองกลัวอะไรอยู่กันแน่ เขาไม่รู้แม้กระทั่งว่าอารมณ์ตัวเองเช่นนี้เป็นความกลัวหรือเปล่า เมื่อฟังโหจื่อพูดเช่นนี้แล้ว เขาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างเงียบๆ
“ฉันรู้ว่า แกไม่ได้กลัวอย่างอื่นหรอก แต่กลัวส้าวส้วยมากกว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาส้าวส้วยได้อยู่ข้างกายแกมาตลอด เขาได้สร้างเงามืดที่แข็งแกร่งฝังลึกไว้ในใจแกแล้ว ในวัยที่อยู่รุ่นราวคราวเดียวกันนั้น ส้าวส้วยแข็งแกร่งมากเกินไปและสมบูรณ์แบบมาก ทำให้ในใจแกรู้สึกเหมือนสูงเกินเอื้อมไปแล้ว แกจึงรู้สึกว่าเรื่องแบบนี้มีเพียงส้าวส้วยเท่านั้นที่สามารถทำได้ หากเปลี่ยนเป็นแกแล้วก็จะทำไม่ได้ ดังนั้นแกจึงเกิดความกลัว ที่ฉันพูดมานี้ถูกไหม?”
คำพูดของโหจื่อก็เหมือนปลายมีดที่แหลมคม ผ่าเข้าไปในกลางใจของหลี่ฝางอย่างไม่ลังเล พูดอธิบายปัญหาเรื่องที่แม้แต่ตัวเองก็ยังไม่เข้าใจออกมาได้อย่างแจ่มแจ้งแดงแจ๋
“ถ้าหากเป็นพ่อแก หรือว่าเป็นท่านจวน ก็จะไม่ทำให้เกิดเงามืดฝังอยู่ในใจแกอย่างนี้หรอก เพราะว่าพวกเขาเป็นผู้อาวุโสกว่า คนหนุ่มสาวย่อมจะต้องก้าวล้ำคนแก่เป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว แต่ว่าส้าวส้วยเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในวัยเดียวกัน ดังนั้นแกเองก็เลยผูกมัดความกล้าหาญของตัวเองเอาไว้”
โหจื่อค่อยๆพูดด้วยน้ำเสียงที่เคร่งขรึม “การกำจัดมารในจิตใจยากยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด การแข่งขันครั้งนี้แกจำเป็นที่จะต้องไปลงแข่งด้วย ไม่เพียงแต่จะต้องชนะ อีกทั้งยังต้องทำลายสถิติที่ส้าวส้วยเคยทำไว้ครั้งที่แล้วด้วย ต่อให้ต้องขับรถดึ่งลงไปหน้าผาลึก แกก็จะต้องขับมันออกมาให้ได้!”
“ขอเพียงทำได้เช่นนี้ แกก็สามารถที่จะเอาชนะตัวเอง เอาชนะส้าวส้วยได้ สามารถก้าวเดินไปไกลมากยิ่งกว่าเดิม ก้าวไปไกลยิ่งกว่าและแข็งแกร่งกว่าใครๆทั้งหมด!”
คำพูดของโหจื่อนั้นราวกับไม้แขกหัว แต่ละคำทิ่มแทงลงไปในใจของหลี่ฝาง ดวงตาทั้งคู่ของหลี่ฝางยิ่งมายิ่งสว่างมากขึ้น ความมุ่งมั่นในการแข่งขันยิ่งมายิ่งแข็งแกร่งมากขึ้น ก็เหมือนเปลวเพลิงที่โหมกระหน่ำลุกไหม้ พวยพุ่งไปอย่างไม่หยุดยั้ง.......
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เมื่อถึงวันที่1ในวันนี้ เมื่อท้องฟ้ามืดค่ำลง เชิงเขาหมาป่ากลับครึกครื้นอย่างมาก
คราวนี้เซี่ยจือชิวเตรียมตัวมาอย่างดี เชื้อเชิญผู้คนจำนวนมากมาเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ อีกทั้งตัวเองยังทุ่มทุนถึงสิบล้านลงไปในเงินรางวัลด้วย ก็เพื่อต้องการที่จะดึงดูดผู้คนจำนวนมากมาสนใจการแข่งขันในครั้งนี้
เขาต้องการให้ทุกสายตาจับจ้องมองเขาในขณะที่เอาชนะส้าวส้วย จึงจะลบล้างความอับอายที่เคยพ่ายแพ้ในครั้งที่แล้ว ไม่เช่นนั้นแล้วต่อให้เขาชนะก็ยังไม่สะใจเขาเท่าไรนัก
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง