“คุณชื่ออะไร?” หวางซีหมิงมองเถ้าแก่แล้วเอ่ยถามขึ้นมาด้วยรอยยิ้ม
ภายในใจของเถ้าแก่รู้สึกดีใจขึ้นมา พลางรีบเอ่ยตอบ: “กระผมเจี่ยรุ่ยจื๋อ”
“เถ้าแก่เจี่ยใช่ไหม โอเค ต่อไปถ้าได้เจอกับเมิ่งหยวนจงเถ้าแก่ใหญ่ของโรงแรมฟู่โชวของพวกคุณ ผมจะบอกกับเขาเองว่า ต่อให้ให้คุณดูแลรับผิดชอบธุรกิจของเมืองเมืองหนึ่ง ก็เป็นแค่เพียงเรื่องเล็กน้อย”
ถึงแม้หวางซีหมิงจะพูดอย่างกระชับ แต่พอถึงหูของเจี่ยรุ่ยจื๋อ กลับทำให้เขารู้สึกดีอกดีใจอย่างล้นเหลือขึ้นมาทันที
ธุรกิจอาหารและเครื่องดื่มในเครือฟู่โชวนั้นกระจายอยู่ทั่วประเทศเชียวนะ นับเป็นระดับต้น ๆ ในธุรกิจแวดวงเดียวกัน สำหรับเถ้าแก่ใหญ่อย่างเมิ่งหยวนจงแล้ว ผู้รับผิดชอบดูแลระดับล่างอย่างเจี่ยรุ่ยจื๋อเป็นเพียงพนักงานคนหนึ่งเท่านั้น ปกติแล้วพอจะได้พูดอะไรบ้างก็นับว่าดีมากแล้ว
และดูเหมือว่าหวังซีหมิงจะสนิทสนมกับเมิ่งหยวนจงไม่น้อย จะให้ไม่เจี่ยรุ่ยจื๋อดีใจได้ยังไง การกระทำของเขาที่ปฏิบัติต่อหวางซีหมิงยิ่งเคารพนอบน้อมขึ้นมาอีกทันที
หวังซีหมิงไม่ได้พาพรรคพวกมาด้วย นอกเหนือจากคุณชายทั้งสามคนอย่างพวกมู่หรงฉางเฟิงแล้ว ยังมีชายวัยกลางคนที่มีฐานะเป็นบอดี้การ์ดอีกคนหนึ่ง คอยติดตามอยู่ด้านหลังของหวางซีหมิงตลอดเวลา ตามติดปกป้องหวางซีหมิงอยู่ทุกย่างก้าว
หลังจากที่ทุกคนนั่งลงในห้องส่วนตัว เถ้าแก่โรงแรมก็ได้ไปจากห้องส่วนตัว
มู่หรงฉางเฟิงรีบแนะนำคนทั้งสองให้กับหวางซีหมิงรู้จักทันที
“คุณชายหวาง ผมขอแนะนำเพื่อนทั้งสองคนของผม เจิ้งจิ้นเผิงจากตระกูลเจิ้งแห่งมณฑลเจียงหนานและคุณชายของบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัด เกาจื่อหมิง”
เหตุที่มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง นั่นก็เพราะก่อนหน้านี้หวางซีหมิงได้ทำธุรกิจอย่างหนึ่ง เคยได่ร่วมมือกับตระกูลมู่หรงมาก่อน และมู่หรงฉางเฟิงเองก็ได้ติดต่อสัมผัสกับหวางซีหมิงอยู่บ่อยครั้ง
เช่นนี้เองจึงทำให้มู่หรงฉางเฟิงได้รู้จักกับหวางซีหมิง
ครั้งนี้ได้ยินว่าหวางซีหมิงเป็นปรปักษ์กับตระกูลฉิน มู่หรงฉางเฟิงนั้นดีอกดีใจอย่างคาดไม่ถึง จนเอาตัวเข้าหาหวางซีหมิง และกลายเป็นสุนัขรับใช้ของเขา
เพราะว่าความอับอายขายหน้าที่ได้รับจากโหจื่อที่โรงพยาบาลเมื่อครั้งที่แล้ว ในใจของเขานั้นโกรธแค้นหลี่ฝางจนเข้ากระดูกดำ แต่เพราะความแข็งแกร่งของหลี่ฝาง ทำให้เขาไม่กล้าที่จะแก้แค้นใด ๆ แต่ตอนนี้ไม่เหมือนกันแล้ว ต่อให้หลี่ฝางร้ายกาจยังไง หรือว่าจะกล้าสู้กันซึ่ง ๆ หน้ากลับตระกูลหวางเชียวเหรอ?
ทันทีที่นึกถึงภาพเหตุการณ์ที่หลี่ฝางต้องยืนดูตระกูลฉินถูกโค่นโดยที่ทำอะไรไม่ได้ และฉินวี่เฟยเองก็ได้ไปจากหลี่ฝาง ภายในใจของมู่หรงฉางเฟิงก็รู้สึกชื่นใจขึ้นมา
“คุณชายหวาง”
หลังจากที่มู่หรงฉางเฟิงแนะนำเสร็จ เกาจื่อหมิงก็ได้รีบลุกขึ้นมากล่าวทักทายหวางซีหมิง
หวางซีหมิงพยักหน้า และไม่ได้กล่าวอะไร
แค่เพียงบริษัทเล็ก ๆ อย่างบริษัท HTไบโอไซเอนซ์ จำกัดแค่นั้นเอง สามารถนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันกับเขาได้นับว่าเป็นเกียรติสำหรับอีกฝ่ายแล้ว
แต่เจิ้งจิ้นเผิงที่นั่งอยู่ด้านข้าง ทำให้เขาต้องมองดูอีกที
จากสถานการณ์ตรงหน้า เกาจื่อหมิงก็ได้รับรู้สถานะของเจิ้งจิ้นเผิงเป็นที่เรียบร้อย เขาพลันรู้สึกเสียดายขึ้นมา เสียดายที่เมื่อก่อนไม่ได้สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเจิ้งจิ้นเผิง
ส่วนมู่หรงฉางเฝินนั้นกลับรู้เกี่ยวกับภูมิหลังตระกูลของเจิ้งจิ้นเผิงชัดเจนกว่า เลยไม่ได้มีท่าทีเสียมารยาทอย่างเกาจื่อหมิง
“คุณชายหวาง ผมจะบอกคุณให้ ตระกูลฉินเองก็มียอดฝีมือคอยคุ้มครองอยู่ ถ้าหากอีกเดี๋ยวคุยไม่ลงตัวละก็......”
จู่ ๆ มู่หรงฉางเฟิงก็เอ่ยขึ้นมา
“อ้อ? ยอดฝีมือเหรอ? ฝีมือสูงส่งแค่ไหนกันเชียว?” หวางซีหมิงยิ้มอย่างดูแคลน
“ยังไงซะ......ก็ร้ายกาจไม่เบาอยู่ คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคนเข้าประชิดตัวไม่ได้”
มู่หรงฉางเฟิงลังเลเล็กน้อย ยังไม่ได้เอ่ยชื่อของหลี่ฝางออกมา เพียงแค่พูดอย่างคลุมเครือออกมาหนึ่งประโยค เขากังวลว่าเมื่อหวางซีหมิงทราบฝีมือที่แท้จริงของหลี่ฝางแล้วจะเกิดลังเลขึ้นมา สุดท้ายวางมือจากการโจมตีตระกูลฉิน
ถึงแม้เขาจะเชื่อมาแต่ไหนแต่ไรว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าตระกูลหวางหลี่ฝางเป็นเพียงแค่น้องชาย แต่ตระกูลหวางเองก็ไม่ได้ยโสโอหังมากขนาดนั้น ทำอะไรยังไงก็ต้องคำนึงถึงผลได้ผลเสียบ้างล่ะ ถ้าหากเสียมากกว่าได้ เชื่อว่าพวกเขาคงไม่ทำอย่างแน่นอน
“คนธรรมดาทั่วไปเจ็ดแปดคน? ฮ่า ๆ ๆ ถ้ามันกล้าลงมือก็อย่าหวังว่าจะเดินออกไปจากโรงแรมแห่งนี้ได้เลย!”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง