“ตามความสามารถของตระกูลหวางแล้ว จัดการกับตระกูลฉินนั้นง่ายนิดเดียว ในวันนี้ห่วงโซ่เงินทุนของตระกูลฉินได้ขาดสะบั้น ฝ่ายพันธมิตรภายใต้การกดดันของตระกูลหวาง ยินยอมที่จะผิดสัญญายังไงก็ไม่ยอมร่วมมือกับตระกูลฉิน ทางธนาคารก็ไม่ยินดีให้ตระกูลฉินกู้เงิน เป็นแบบนี้ต่อไป ตระกูลฉินคงทนได้อีกไม่นาน”
ตระกูลหวางเป็นตระกูลใหญ่มีธุรกิจกว้างขวาง คิดจะจัดการตระกูลฉินไม่ต้องลงมือเองเลยด้วยซ้ำ เพียงแค่แสดงความต้องการนั้นออกมา ก็จะมีบริษัทมากมายที่ต้องการประจบประแจงตระกูลหวางรวมกลุ่มโจมตีตระกูลฉินแล้ว
“บริษัทที่ร่วมมือกับตระกูลฉินพวกนั้นกล้าผิดสัญญาง่าย ๆ แบบนี้เลยเหรอ? เห็นหนังสือสัญญาเป็นเพียงกระดาษเปล่าหหรือยัง?” หลี่ฝางขมวดคิ้ว
“พี่หลี่ แน่นอนว่าหนังสือสัญญาไม่ใช่กระดาษเปล่า แต่ต่อให้ผิดสัญญา ก็ต้องขึ้นโรงขึ้นศาล” ลู่เผิงเฟยยิ้มอย่างขมขื่น: “ต่อให้ตระกูลหวางไม่ยื่นมือเข้ามา คดีความพวกนี้ก็สามารถทำให้ล่าช้าออกไปหลายเดือนได้อย่างง่าย ๆ พอถึงตอนนั้นตระกูลฉินคงแย่ไปนานแล้ว เกรงว่าแม้แต่คดีความยังไม่สามารถฟ้องร้องต่อไปได้”
กล่าวไป จู่ ๆ ลู่เผิงเฟยก็เอ่ยถามหลี่ฝางขึ้นมาอย่างกระตือรือร้น: “พี่หลี่ เป็นยังไง จะให้ผมร่วมมือกับคุณเล่นงานหวางซีหมิงด้วยกันไหม?”
หลี่ฝางชะงักงัน เขาเอ่ยถามเหมือนกับจะยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้ม: “ครอบครัวของคุณจะยอมให้คุณเข้ามามีส่วนร่วม ต่อกรกับตระกูลหวางด้วยกันกับผมเหรอ?”
“ฮ่า ๆ ๆ” ลู่เผิงเฟยหัวเราะเสียงดัง: “พี่หลี่คุณเดาผิดแล้ว ตระกูลหวางใหญ่โตก็จริง แต่หวางซีหมิงจะนับเป็นตัวอะไร?”
“ถ้าพูดถึงที่มาที่ไป ตระกูลหวางลึกล้ำกว่าพวกเราอยู่บ้างก็จริง ทั้งยังมีประวัติในการพัฒนามายาวนานกว่าพวกเรา แต่ว่านี่ก็ทำให้คนในตระกูลหวางมีจำนวนมาก จนกลายเป็นครอบครัวใหญ่ที่สลับซับซ้อนไปแล้ว หวางซีหมิงอยู่ที่ตระกูลหวาง เป็นเพียงแค่ลูกหลานตระกูลหวางที่ค่อนข้างจะมีความสำคัญอยู่บ้างเท่านั้นเอง ต่อกรกับมัน ไม่ใช่เรื่องยากอะไร!”
“ยิ่งไปกว่านั้น มันกล้ามาหาเรื่องถึงหัวพี่หลี่ ผมพึ่งจะรู้เรื่องนี้เมื่อกี้นี้เอง ไม่อย่างนั้นละก็ไม่ต้องให้ถึงมือพี่หลี่หรอก ผมจะจัดการมันให้ราบก่อนเอง!”
หลี่ฝางมองดูลู่เผิงเฟยอย่างครุ่นคิด เขาเข้าใจว่าลู่เผิงเฟยน่าจะรู้เรื่องของเขาอยู่ไม่น้อย อย่างน้อยลู่เผิงเฟยก็เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองและตระกูลฉินดี
“ทำไมผมดูเหมือนว่าคุณจะกระตือรือร้นเป็นพิเศษ? รู้สึกว่าคุณอยากจะจัดการหวางซีหมิงมากกว่าผมซะอีก” มองดูท่าทางกระตือรือร้นของลู่เผิงเฟย หลี่ฝางอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถามขึ้นมา
“ฮ่า ๆ จะบอกพี่หลี่ก็ได้ ผมอยากประมือกับลูกหลานตระกูลหวางมานานแล้ว วงการธุรกิจก็เหมือนกับสนามรบ อาศัยชื่อเสียงของตระกูลลู่เรา อยู่ในแวดวงธุรกิจก็พอจะราบรื่นอยู่บ้าง ไม่ได้รู้สึกกดดันมาโดยตลอด ผมอยากจะใช้โอกาสนี้ประมือกับตระกูลหวางดูสักตั้งจริง ๆ นะ ดูซิว่าเป็นลูกหลานในตระกูลระดับสูงเหมือนกัน ตระกูลลู่ของเราและตระกูลหวาง ใครจะโดดเด่นกว่ากัน!”
......
บทสนทนาระหว่างหลี่ฝางและลู่เผิงเฟยกินเวลานานกว่าครึ่งชั่วโมง ทั้งสองวางแผนลับอะไรบางอย่าง เพื่อใช้ในการต่อกรกับหวางซีหมิง อีกทั้งใช้เขาเป็นสะพานในการขุดหลุมพรางที่ใหญ่กว่าเดิมให้ตระกูลหวาง
ในขณะที่ทั้งสองหาลือกันเสร็จแล้ว และหลี่ฝางกำลังจะจากไปนั้นเอง ลู่เผิงเฟยก็ได้รับสายโทรเข้าสายหนึ่ง สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปเล็กน้อย หลังจากที่วางโทรศัพท์ไป ลู่เผิงเฟยก็ยิ้มอย่างขมขื่นให้กับหลี่ฝาง
“พี่หลี่ แผนการของพวกเราคงต้องปรับเปลี่ยนหน่อยแล้ว”
“ทำไมเหรอ?” หลี่ฝางเอ่ยถาม
“หวางซีหมิงได้มาที่เมืองเอกแล้ว นอกจากนี้มันยังได้ติดต่อไปหาฉินวี่เฟยแห่งตระกูลฉิน เอ่อ พี่สะใภ้ และนัดพบกับเธอที่โรงแรมฟู่โชวพรุ่งนี้ ทั้งยังข่มขู่พี่สะใภ้ว่าถ้าไม่ไปจะจัดการตระกูลฉินให้สิ้นซาก ไอ้หมอนั่น ดูแล้วท่าจะมีแผนร้ายอะไรบางอย่างแน่”
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: NO.1 คุณชายอันดับหนึ่ง