บ้านยายอำนาจอยู่ย่านรามอินทรา อยู่ในซอยที่ทะลุไปถนนอีกหนึ่ง ซอยนี้จึงความยาวค่อนข้างมาก หากกะประมาณก็ราวสองกิโลเมตร ทว่าบ้านยายอำนาจต้องเลี้ยวเข้าไปในอีกซอยหนึ่งที่ค่อนข้างเปลี่ยวสองข้างทางเป็นพงหญ้าสลับกับบ้านคนที่ไม่ได้ปลูกติดกันเหมือนต้นซอย แต่ทิ้งห่างขึ้นเรื่อยๆ ตามการครอบครองที่ดินของบ้านหลังนั้นๆ
“บรรยากาศเหมือนต่างจังหวัดเลยเนอะกุ้ง” ไกรศรพูดกับคนรักที่มองดูสองข้างทางแล้วใจอดหวั่นไม่ได้ หล่อนกลัวว่าจะมีโจรดักปล้นกลางทาง
“กุ้งว่าที่นี่น่ากลัวกว่าต่างจังหวัดอีก ข้างทางก็มืด มีไฟเป็นระยะๆ”
“ส่วนใหญ่คนที่อยู่แถวนี้จะอยู่กันตั้งแต่รุ่นปู่รุ่นตาน่ะ ที่ดินที่ว่างๆ ที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นมรดกตกทอดทั้งนั้นเลย ความที่ที่ดินอยู่ในซอยลึก ไม่ติดถนนทำให้ขายที่ได้ยาก มันก็เลยรกร้างอย่างที่เห็น แต่ฉันว่านะคนแถวนี้ไม่เดือดร้อนขายด้วย ขายไม่ได้ก็เก็บเอาไว้ให้ลูกให้หลาน” อำนาจบอกเพิ่มเติม
“ยายแกมีที่ดินหรือเปล่า” ไกรศรถามเพื่อน
“เมื่อก่อนมี มีห้าไร่แต่ถูกป้าเอาไปขายหมดแล้ว เหลือก็แค่ที่ดินที่บ้านนี่แหละ สองร้อยตารางวากว่าๆ ที่ป้าเอาไปขายไม่ได้เพราะมันเป็นชื่อของฉัน ยายยกให้ฉันตั้งแต่ฉันอายุสิบขวบ ถ้าไม่ยกให้ฉัน รับรองว่ายายได้ไปอยู่บ้านพักคนชราแน่” อำนาจเล่าสู่เรื่องราวให้คนที่นั่งตอนหน้ารู้ “ไอ้ต้าร์ แกจอดหน้าบ้านหลังนั้นเลย ทางด้านซ้ายมือน่ะ”
ไกรศรนำรถไปจอดหน้าบ้านไม้สองชั้นที่มีรั้วรอบขอบชิด มีแสงไฟหน้าบ้านส่องให้เห็นทาง ช้องนางมองบ้านยายอำนาจ ก่อนจะหันไปมองรถยนต์หรูคันหนึ่งที่จอดอยู่หน้าบ้านฝั่งตรงข้ามที่เยื้องไปเล็กน้อย บ้านหลังนั้นเป็นบ้านปูนสองชั้น ขนาดเนื้อที่น้อยกว่าบ้านยายอำนาจ ที่ไม่น่าจะรถหรูราคาสามสิบกว่าล้าน ทว่าหล่อนก็ไม่ได้ดูถูกเจ้าของบ้านหลังนั้น เจ้าของบ้านอาจร่ำรวย เป็นผ้าขี้ริ้วห่อทองก็เป็นได้ ช้องนางละความสนใจรถยนต์คันนั้น เมื่อเสียงอำนาจที่กำลังเปิดประตูรถดังขึ้น
“ฉันว่านายกับกุ้งเข้ามาในบ้านก่อนดีกว่า แกขับรถมาตั้งไกลยืดเส้นยืดสายสักสิบนาทีก็ดีนะ”
“ก็ดีเหมือนกัน ฉันจะได้ดูอาการยายนายด้วยว่าเป็นไงบ้าง” ไกรศรรับคำชวน “กุ้งเข้าไปด้วยกันนะ ไปไหว้ยายมาร์คมันซะหน่อย มาถึงที่แล้วไม่เข้าไปจะเสียมารยาท”
“อืม ไปสิ” ความที่ไม่ได้คิดอะไรมาก และไว้ใจคนรัก รวมถึงไม่อยากเสียมารยาทนั่งคอยในรถ ช้องนางจึงเปิดประตูรถแล้วก้าวมายืนข้างรถ ขณะที่หล่อนก้าวลงมาจากรถ หล่อนจึงไม่เห็นแววตาและใบหน้าของสองหนุ่มว่าเป็นอย่างไร หากเห็นความสงสัยต้องเกิดขึ้นแน่นอน ก่อนจะเดินตามสองหนุ่มเข้าไปในบ้านที่ภายในบ้านมีแสงไฟสว่างจ้า
“ต้าร์กับกุ้งนั่งก่อนนะ ฉันจะไปเอาน้ำให้ดื่ม” เจ้าของบ้านบอกไกรศรกับช้องนางที่เดินไปนั่งบนโซฟาหวาย อีกไม่กี่นาทีต่อมาอำนาจเดินกลับมาหาคู่รักพร้อมน้ำหวานสองแก้ว “ดื่มน้ำแดงหวานๆ จะได้ชื่นใจ”
“แล้วยายมาร์คไปไหนคะ หรือว่ามีคนพาไปหาหมอแล้ว” ช้องนางถาม
“สงสัยขึ้นไปนอนข้างบนแล้ว ฉันขอตัวขึ้นไปดูยายก่อนนะ” อำนาจไม่อยากให้ไก่ตื่น เขาตีเนียนสมบทบาท ก้าวเดินขึ้นไปบนชั้นสองของบ้าน
ไกรศรยกแก้วน้ำหวานสีแดงขึ้นมาดื่มไปเกือบครึ่งแก้ว ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะไม้
“ดื่มน้ำหวานสิกุ้ง หวานกำลังดี ชื่นใจด้วย” ไกรศรบอกคนรัก
“ไม่อ่ะ ไม่หิว ดึกแล้วด้วยกินหวานๆ เดี๋ยวอ้วน”
เป็นปกติของช้องนาง หลังสามทุ่มหล่อนจะไม่กินอาหารที่เป็นอันตรายต่อทรวดทรงองค์เอว ยิ่งน้ำหวานที่มีน้ำตาลอยู่มาก หล่อนยิ่งไม่แตะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส