ไกรศรนำรถมาจอดในร้านอาหารแห่งหนึ่งย่านพุทธมณฑล ซึ่งอยู่ห่างจากโรงแรมที่ช้องนางและเพชรหอมทำงานอยู่มาก และยิ่งห่างจากห้องเช่าของเพชรหอมอีกด้วย คราแรกสองสาวจะไม่ไปทานอาหารร้านที่ไกรศรจองไว้ อ้างว่าไกลไป เดินทางกลับลำบาก นั่งรถประจำทางก็หลายต่อ ครั้นจะนั่งแท็กซี่ก็น่าจะเกินสองร้อยบาท ทว่าไกรศรบอกสองสาวว่า เขาจะไปส่งทั้งคู่ถึงประตูบ้านเอง ช้องนางกับเพชรหอมจึงยอมมา
“รีบเข้าไปเถอะ เขารออยู่” ไกรศรบอกช้องนางกับเพชรหอม
“ใครรอ รอใคร” ช้องนางถามคนรักที่คบหากันมาสองปีด้วยความสงสัย “ต้าร์นัดใครไว้”
“อ๋อเพื่อนน่ะ เพื่อนสมัยเรียนม.ปลายชื่อมาร์ค ก่อนที่กุ้งกับเพ้นท์จะออกมาจากโรงแรม มาร์คโทรมาหาต้าร์ บอกว่าอยากปรึกษาเรื่องเปิดร้านกาแฟ ต้าร์เลยนัดมาร์คมาที่นี่ไง” ไกรศรตอบให้คนรักหายสงสัย
“ถ้าต้าร์คุยกับเพื่อนเพลิน กุ้งกับเพ้นท์กลับก่อนนะ” ช้องนางพูดออกตัว
“ไม่เพลินหรอก ถ้าอยากคุยไรเพิ่มเติมต้าร์จะไปส่งกุ้งกับเพ้นท์ที่บ้านก่อนแล้วค่อยไปหาที่คุยต่อกับมาร์ค” ไกรศรบอกสองสาวให้สบายใจ “เรารีบลงไปกันเถอะ ต้าร์หิวแล้ว”
ทั้งสามก้าวลงจากรถยนต์ก่อนพากันเดินเข้าไปในร้านอาหารที่วันนี้มีคนมาใช้บริการเกือบเต็มทุกโต๊ะ และพอเขาและเธอไปถึงโต๊ะที่จองไว้ก็พบว่า คนชื่อมาร์คหรืออำนาจได้มาถึงก่อนหน้าไม่กี่นาที
“มาร์ค คนนี้แฟนฉันชื่อกุ้ง ส่วนนี้เพื่อนของกุ้งชื่อเพ้นท์”
“สวัสดีค่ะ” สองสาวพูดพร้อมกัน และไม่ได้ยกมือไหว้เนื่องจากไกรศรบอกว่าอำนาจคือเพื่อน แม้ว่าใบหน้าของอำนาจจะดูแก่กว่าไกรศรก็ตาม และท่าทางเหมือนคนมีเงินด้วย
“สวัสดีครับกุ้ง เพ้นท์” อำนาจทักทายกลับ
“นั่งเถอะ จะได้สั่งอะไรกินกัน ต้าร์หิวจนไส้บิดแล้ว”
การทานอาหารของทั้งสี่เป็นไปตามปกติ ไกรศรพูดคุยกับอำนาจเรื่องเปิดร้านกาแฟ ซึ่งไกรศรให้คำปรึกษาได้อย่างดี เนื่องจากไกรศรเคยทำงานในตำแหน่งผู้จัดการร้านกาแฟชื่อดังแห่งหนึ่ง ประสบการณ์ห้าปีทำให้ไกรศรรู้ว่าต้องเริ่มต้นจากตรงไหน ซึ่งสองสาวไม่ได้สนใจกับการพูดคุยกับสองหนุ่มมากนัก และไม่ได้สังเกตสายตาของอำนาจที่มองช้องนางเป็นระยะ
หลังจากทานอาหารเสร็จและจัดการเรื่องค่าอาหารเรียบร้อย ทั้งสี่ได้เดินออกมาจากร้านอาหารตรงไปยังลานจอดรถหน้าร้าน
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โซ่รักใยพิศวาส