มองรอยยิ้มที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดในดวงตาของฉีอวี่เยียน หรงจือจือรู้สึกว่า ความดีที่ตนมีต่อนางตลอดหลายปีมานี้ ล้วนเป็นการให้อาหารสุนัข ไม่สิ หากเป็นการให้อาหารสุนัข สุนัขก็ยังกระดิกหางให้นางบ้าง
จะเหมือนกับคนเนรคุณตรงหน้าที่ไหนกัน? ไม่มีความซาบซึ้งในบุญคุณแม้แต่น้อยก็มากเกินพอแล้ว แต่เมื่อมองดูท่าทางนี้ ยังมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีก!
รู้สึกโมโหที่คิดว่าตนเองนั้นฉลาด เหตุใดก่อนหน้านี้ถึงมองโฉมหน้าที่แท้จริงของนางไม่ออก? ซ้ำยังทำดีกับนางแบบนั้นอีก!
ฉีอวี่เยียนยังดึงแขนของหรงจือจือ กล่าวอย่างออดอ้อนต่อ “พี่สะใภ้ ท่านก็รับปากข้าเถอะนะ! ชั่วชีวิตนี้ของข้าก็มีวันมงคล เพียงครั้งเดียว หากข้ามีสินเดิมมากมาย ท่านก็ได้หน้าได้ตาไปด้วยไม่ใช่หรือ?”
หรงจือจือ “...”
เหอะ ๆ เอาสินเดิมของข้า ไปสร้างหน้าสร้างตาให้ครอบครัวเจ้ามากกว่า?
เมื่อเห็นว่าหรงจือจือไม่มีทีท่าว่าจะเอ่ยปาก ฉีอวี่เยียนก็เปลี่ยนหัวข้อสนทนาทันที กล่าวข่มขู่ “หากพี่สะใภ้ไม่ให้ ส่งผลกระทบต่อการแต่งงานของข้า เกรงว่าท่านแม่กับท่านพี่จะยิ่งไม่ชอบใจพี่สะใภ้มากกว่าเดิมนะ”
“หากเป็นเช่นนั้น องค์หญิงม่านหวาแต่งเข้ามาแล้ว พี่สะใภ้คงจะต้องใช้ชีวิตอยู่ในจวนอย่างลำบากมากกว่าเดิมเป็นแน่”
“วันนี้พี่สะใภ้กลับบ้านมารดา มหาราชครูหรงก็ไม่ได้รั้งให้ท่านอยู่ต่อ คิดว่าท่านมหาราชครูย่อมเข้าใจคำที่ว่ายอมรื้อวัดสิบแห่ง แต่ไม่ยอมทำลายงานแต่งงาน”
“พี่สะใภ้ สตรีที่ออกเรือนแล้ว อาศัยครอบครัวฝั่งมารดาย่อมทำไม่ได้ อย่างไรเสียก็ต้องอาศัยบ้านแม่สามีนะ!”
หรงจือจือเข้าใจแล้ว คิดว่าเรื่องที่ตนกลับบ้านมารดาในวันนี้ คนสกุลฉีคงจับตามองอยู่ตลอด เมื่อเห็นว่าตนกลับมา จึงคิดว่าท่านพ่อไม่สนใจ ดังนั้นคนสกุลฉีจึงวางใจ คิดว่าตนไม่มีหนทางถอยแล้ว สามารถบีบบังคับตนได้อย่างง่ายดาย
หากไม่ใช่แบบนี้ เกรงว่าฉีอวี่เยียนคงไม่กล้าเอ่ยปากขอมงกุฎหลากสี ไข่มุกเรืองแสง และปะการังตรง ๆ
ดี! ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้พวกเขาได้รับผลกรรมชั่วของตน
เมื่อครุ่นคิดถึงตรงนี้ หรงจือจือมองฉีอวี่เยียนแวบหนึ่ง กล่าวเสียงอ่อนโยน “สิ่งของสามอย่างนั่นที่เจ้าต้องการ ข้าให้เจ้าไม่ได้ ทั้งหมดนั่นเป็นสิ่งของที่ท่านย่าเตรียมให้ข้า หากให้เจ้าไปแล้ว ท่านย่ารู้เข้าเกรงว่าจะไม่พอใจ”
สีหน้าของฉีอวี่เยียนเปลี่ยนไปทันที กำลังจะโมโห

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น