“ไม่แน่ว่าเมื่อรับม่านหวากลับมาแล้ว ทั้งจวนจะได้รอลูกคนแรกของข้าคลอดออกมาด้วยกัน!”
“พูดไปพูดมา ทั้งหมดก็เป็นเพราะเจ้าเอะอะก่อเรื่อง ไม่เข้าใจกระทั่งหลักหลังออกเรือนเชื่อฟังสามี ไม่รู้เลยว่าชื่อเสียงดี ๆ ของเจ้าได้มาได้อย่างไร”
หรงจือจือคิดว่าตนเองคงชินกับความไร้ยางอายของครอบครัวเขาไปแล้ว อารมณ์จึงสงบไม่ไหวติงใด ๆ
ทว่าในตอนนี้ กลับทำให้ฉีจื่อฟู่กลับเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟสุด ๆ
ฉีอวี่เยียนที่หน้าคล้ำดำเขียวเงียบไปอยู่นานสองนาน ก็พูดแทรกขึ้นมาในตอนนี้ “ใช่ พี่สะใภ้ ก็แค่เพิ่มอีกสามสิบหาบเท่านั้น!”
“ตอนที่ท่านแต่งงานเข้ามา สินเดิมมีตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบหกหาบไม่ใช่หรือ? แบ่งให้ข้าสักหน่อยจะเป็นอะไรไป? หากของแค่นี้ท่านยังตัดใจไม่ได้ คนในบ้านใครจะเข้าข้างท่าน?”
หรงจือจือกล่าวอยู่ในใจว่าต่อให้ตนผ่าหัวใจให้คนในครอบครัวนี้ พวกเขาก็ไม่มีวันเข้าข้างตนหรอก
เมื่อเห็นพวกเขาเป็นเช่นนี้ นางก็ฉีกยิ้มชืด ๆ ออกมา “เพิ่มให้อีกสามสิบหาบอย่างนั้นหรือ? เพิ่งจะเท่าไรกันเชียว? รวมกับยี่สิบหาบก่อนหน้านี้ ข้าเพิ่มให้อีกหกสิบแปดหาบเลย รวมเพิ่มให้อวี่เยียนทั้งหมดหกสิบแปดหาบ คิดว่าเช่นนี้ท่านแม่กับท่านพี่คงจะพอใจแล้วใช่หรือไม่?”
อย่างไรก็แค่สัญญาส่งเดช ไม่จำเป็นต้องทำตามสัญญาจริง ๆ เหตุใดจะต้องไปทะเลาะกับพวกเขาด้วย ไม่สู้ทำให้พวกเขาดีใจเก้อจะดีกว่า
นัยน์ตาของฉีอวี่เยียนพลันเปล่งประกาย “พี่สะใภ้ จริงหรือ? เร็วเข้า ๆ ๆ บอกไปว่าตระกูลฉีจะเพิ่มสินเดิมให้ข้าอีกหกสิบแปดหาบ แพร่ไปให้ถึงจวนอ๋อง พวกเขาจะได้ไม่กล้าดูแคลนข้า!”
ทั้งหมดแปดสิบแปดหาบเชียวนะ! มากมายเช่นนี้เชียว! ก่อนหน้านี้ท่านแม่ยังไม่ได้เตรียมจะให้นางเยอะเท่านี้เลย
ครั้นหรงจือจือได้ยินปากนางบอกว่าตระกูลฉี ทว่าไม่พูดถึงตนเลยแม้แต่คำเดียว ก็ยิ่งเบาใจลงเข้าไปอีก เมื่อถึงเวลานั้นก็ให้ตระกูลฉีเปิดคลังหาไปเติมเองก็แล้วกัน ช่างวิเศษจริง ๆ
ทว่าตอนนี้นางถานกลับขมวดคิ้วมุ่น
ใช่ นางคิดจะฮุบสินเดิมของหรงจือจือ ทว่านางโง่ผู้นี้เลอะเลือนไปแล้วหรือเปล่า จะยกสินเดิมที่ติดตัวเจ้าสาวมาให้อวี่เยียนนี่มันอะไรกัน? หากยกให้ติดตัวเจ้าสาวไปห้าสิบหาบก็ไม่เป็นไร แต่นี่จะยกให้แปดสิบแปดหาบเชียวหรือ?

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น