นางถานได้ยินดังนั้นก็เดือดจนควันออกหู นางอยากให้หรงจือจือใจกว้างยกสินเดิมให้ตระกูลพวกเขา ทว่าก็ไม่ได้ให้ใช้วิธีที่ใจกว้างเช่นนี้เสียหน่อย
นางรีบส่งสายตาไม่ให้หรงจือจือปริปากอีกทันที
จากนั้นก็เอ่ยกับฉีอวี่เยียนว่า “พี่สะใภ้ของเจ้าเอาใจเจ้าเช่นนี้ ถึงขั้นยอมยกสินเดิมให้เจ้ามากมายขนาดนั้น เจ้าเองก็ควรนึกถึงพี่สะใภ้บ้างสิถึงจะถูก”
“เจ้าจะเห็นแก่ตัวเช่นนี้ได้อย่างไร เอาของดีมากมายขนาดนั้นไปคนเดียว ไม่คิดถึงอนาคตของพี่ชายกับพี่สะใภ้เจ้าบ้างหรือ?”
หรงจือจือได้ยินดังนั้นก็นึกอยากขำ เยี่ยมไปเลย ตอนนี้เริ่มกล่าวโทษว่าฉีอวี่เยียนเห็นแก่ตัวแล้ว หากทำไม่ถูกใจนางถาน ไม่ว่าจะเป็นใครหน้าไหนก็เห็นแก่ตัวทั้งนั้น
ฉีอวี่เยียนถลึงตาโต “ท่านแม่ ท่านพี่กับพี่สะใภ้มีอะไรให้ข้าต้องคิดเผื่อเล่า? วันหน้าจวนโหวนี่ท่านพี่ก็ได้เป็นผู้สืบทอด”
นางถานเอ่ยถามด้วยสีหน้าปั้นยาก “ใช่ว่าเจ้าไม่รู้เสียหน่อยว่า ตอนนี้สถานการณ์ของจวนโหวเป็นเช่นไร...”
ฉีอวี่เยียน “ข้ารู้ว่าจวนโหวไม่ได้มีเงินมากมาย แต่ก่อนหน้านี้ท่านแม่บอกว่ารวมยี่สิบหาบนั่นของพี่สะใภ้แล้ว จะให้สินเดิมข้าทั้งหมดหกสิบหกหาบ ท่านแม่ออกเองสี่สิบหกหาบ”
“แต่เราเป็นถึงคุณหนูแห่งจวนโหว จะไม่เห็นแก่หน้าตาเลยได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้พี่สะใภ้แต่งเข้ามาจากจวนมหาราชครู ก็มีตั้งหนึ่งร้อยยี่สิบกว่าหาบ”
“แต่ข้าไม่อยากให้ท่านแม่ลำบาก ฉะนั้นแม้ในใจจะรู้สึกว่ามันดูขัดสนไปหน่อย แต่สุดท้ายก็ไม่เคยว่าอะไร”
“ทว่าตอนนี้พี่สะใภ้เป็นฝ่ายออกปากจะออกให้ข้าหนึ่งร้อยหาบ รวมกับที่ท่านแม่ให้ก็หนึ่งร้อยสี่สิบหกหาบ เหตุใดข้ายังต้องกังวลว่าจะแต่งงานอย่างมีหน้ามีตาไม่ได้ด้วย? ท่านแม่ก็คิดถึงข้าให้มากหน่อยไม่ได้หรือ?”
ครั้นได้ยินคำพูดของฉีอวี่เยียนเมื่อครู่ หรงจือจือเองก็เข้าใจความเห็นแก่ตัวของน้องสาวสามีผู้นี้อย่างถ่องแท้ นางไม่คิดถึงตนซึ่งเป็นพี่สะใภ้ผู้นี้เลยสักนิดเลยจริง ๆ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น