วันนี้คือวันคิดบัญชี บ่าวรับใช้ที่ดูแลเอาบัญชีทั้งหมดมาวางไว้ตรงหน้าหรงจือจือ รวมถึงเงินตำลึงที่ได้รับมาของทั้งฤดูใบไม้ร่วง ทั้งหมดห้าพันกว่าตำลึงเงิน
แต่หลังหรงจือจือตรวจสอบทรัพย์สินคงเหลือและตรวจสอบบัญชีเสร็จ ก็ชักออกไปสี่พันแปดร้อยตั๋วเงิน ฉะนั้นผู้ดูแลหลี่จึงลำบากใจด้วยเหตุนี้
หรงจือจือเอ่ยขึ้นชืด ๆ “ผู้ดูแลหลี่ ตอนแรกที่ข้าแต่งเข้ามา บัญชีร้านบางส่วนของจวนโหวขาดทุน ต้องการเงินโปะไปก่อน ถึงจะดูว่าสร้างกำไรได้หรือไม่”
“สี่พันแปดร้อยตำลึงนี้ เป็นสินเดิมที่ข้านำมาจากบ้านเดิม เพียงแค่ให้จวนโหวยืมชั่วคราว ต้องมีการลงบัญชีทั้งสิ้น”
“ตอนนี้ร้านมีกำไร ที่ขาดทุนก็เปลี่ยนเป็นรายได้แล้ว ข้าจะเอาเงินทุนของตัวเองคืน มีอะไรไม่เหมาะสมหรือ?”
นางไม่ได้คิดดอกเบี้ย ก็นับว่าบุญโขแล้ว
ผู้ดูแลหลี่ “พูด...พูดเช่นนี้ไม่ถูกนะขอรับ แต่ฮูหยินซื่อจื่อ อย่างไรก็เป็นครอบครัวเดียวกัน ท่านแบ่งเป็นสัดส่วนเช่นนี้ นี่...”
ลูกสะใภ้ควักเงินช่วยที่บ้าน ยังต้องเอาคืนอีก ฮูหยินซื่อจื่อไม่กลัวว่าทางฮูหยินจะไม่พอใจหรือ?
หรงจือจือหัวเราะเบา ๆ ออกมาเสียงหนึ่ง นางมองผู้ดูแลหลี่พลางเอ่ยว่า “ผู้ดูแลหลี่ แม้ท่านจะเป็นคนของจวนโหว แต่ก็ทำเรื่องให้ข้ามาหลายปี สามปีนี้เราสองฝ่ายทำงานร่วมกันอย่างสบายอกสบายใจ ข้าเองก็จะไม่ปิดบังเจ้า”
“ท่านซื่อจื่อของพวกเจ้าทำอะไรลงไปบ้าง พวกเจ้าย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ พวกเขาไม่เคยเห็นข้าเป็นคนในครอบครัวเดียวกัน แล้วเหตุใดข้าต้องควักหัวใจให้ด้วยเล่า?”
ผู้ดูแลหลี่ถอนหายใจเฮือกหนึ่ง เขาคือคนที่เข้าใจเหตุเข้าใจผลที่หาได้ยากเพียงไม่กี่คน ฉะนั้นหลายปีมานี้จึงได้รับการไว้วางใจให้ทำงานสำคัญจากฮูหยินซื่อจื่อเป็นอย่างมาก ก่อนหน้านี้ที่จวนมีผู้ใดมองเขาตรง ๆ เสียที่ไหน? หากไม่ใช่เพราะการสนับสนุนของฮูหยินซื่อจื่อ เขาก็ไม่มีทางได้เป็นผู้ดูแลใหญ่นี่หรอก
หลายปีมานี้ฮูหยินซื่อจื่อไม่เคยตำหนิพวกเขาอย่างรุนแรงมาก่อน ชีวิตในตอนนี้สุขสบายกว่าตอนหาเลี้ยงชีพด้วยการเป็นบ่าวรับใช้ของฮูหยินโหวมาก
เขาเองก็คิดว่าเรื่องที่ซื่อจื่อทำในตอนนี้ไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง
ผู้ดูแลหลี่เกิดลางสังหรณ์ไม่ดีอย่างหนึ่งขึ้นในใจ เขามองหรงจือจือแล้วเอ่ยว่า “ฉะนั้นฮูหยินซื่อจื่อ ท่านจะ...”
ไม่คิดอยู่ที่นี่ต่อแล้วหรือ?
เพียงแต่เขาไม่กล้ารีบเอ่ยประโยคนี้ต่อไปให้จบ

ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: โทษทีข้าเกิดมาต้องเป็นเมียเอกเท่านั้น