สิ่งที่ราชันแห่งมวลมนุษย์เห็นและสัมผัสได้ในขณะนี้ก็คือภาพและกลิ่นอายของสิ่งต่าง ๆ ที่อยู่เหนือโลกนี้ไปอีก ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้มันไม่มีทางที่จักรพรรดิเทพผู้ใดมีสิทธิ์จะได้เห็นมาก่อน
ในเวลานี้เขารู้สึกได้ว่าดวงวิญญาณครึ่งหนึ่งที่เขาสูญเสียไปนั้นมันไม่มีค่าอะไรให้พูดถึงเลยหากเทียบสิ่งที่เขาเพิ่งเห็นและสัมผัสไป
นับจากนี้มุมมองของเขาต่อสิ่งต่าง ๆ ในโลกจะเหนือกว่าผู้คนทั้งหมด ไม่มีผู้ใดเข้าใจสิ่งต่าง ๆ ในโลกมากไปกว่าเขาแล้ว ยกเว้นหลิงตู้ฉิง ซึ่งเป็นเจ้าของร่าง
หลังจากผ่านไปพักใหญ่ ราชันแห่งมวลมนุษย์ก็เอ่ยขึ้นกับต้วนฉิงว่า “ข้าไปก่อนล่ะ มันถึงเวลาแล้วที่จะต้องดับฝันไอ้พวกอสูรสารเลวเหล่านั้น!”
หลังจากพูดจบ ทั้งร่างหลักของราชันแห่งมวลมนุษย์และร่างเดิมของหลิงตู้ฉิงก็บินมุ่งหน้าไปที่แม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้าทันที
เมื่อราชันแห่งมวลมนุษย์จากไป จิ๋นหลงและเสี่ยวเฟิงก็ปรากฏกายขึ้นด้วยสีหน้าซับซ้อนและเอ่ยขึ้นว่า “พันธะสุดท้ายใกล้จะได้รับการปลดเปลื้องแล้วสินะ…”
ต้วนฉิงถอนหายใจ “มันไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว พวกเราจำเป็นต้องจบมันลง และอีกอย่างร่างของท่านอาจารย์แข็งแกร่งเกินไป ยิ่งมันอยู่ที่นี่นานเท่าไหร่มันก็ยิ่งมีความเสี่ยงว่ามันจะให้กำเนิดจิตสำนึกของตัวเองได้มากเท่านั้น ซึ่งถ้าเป็นแบบนั้นโลกจะวุ่นวายอย่างไม่รู้จบในทันที โชคยังดีที่ดวงวิญญาณของอาจารย์ได้ออกไปจากร่างเดิมของเขาอย่างหมดจดแล้ว และไปเกิดใหม่อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นต่อให้ร่างนี้จะถูกทำลายลงมันก็ไม่มีวันฟื้นขึ้นมาอีก”
อันที่จริงหากเป็นตามปกติ ตัวตนระดับนิรันดร์กาลคือผู้ที่ไม่มีวันตายทั้งร่างกายและดวงวิญญาณ ต่อให้ร่างกายจะแหลกสลายกลายเป็นฝุ่นผงหรือดวงวิญญาณจะมอดไหม้เหลือแต่เถ้าถ่าน ร่างและดวงวิญญาณของตัวตนระดับนิรันดร์จะฟื้นกลับมาได้เสมอ
อย่างไรก็ตาม สำหรับในกรณีของหลิงตู้ฉิงนั้นนับได้ว่าเป็นกรณีพิเศษ เพราะตัวเขาจริง ๆ นั้นยังไม่ตายแถมร่างกายที่เขาใช้อยู่ตอนนี้มันถูกนับว่าเป็นร่างกายหลักไปแล้ว ดังนั้นต่อให้ร่างระดับนิรันดร์จะถูกทำลายไปมันก็จะไม่ฟื้นกลับมาอีก ซึ่งนี่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นช่องโหว่หนึ่งของร่างกายหลิงตู้ฉิง
ในขณะเดียวกันที่บริเวณแม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้า ทั้งฝ่างกองกำลังพันธมิตรและฝ่ายอสูรต่างก็จดจ้องกันพร้อมที่จะกระโจนเข้าหากันได้ทุกเมื่อ แต่แล้วหลังจากจดจ้องกันอยู่ไม่นาน พวกเขาทั้งสองฝ่ายต่างก็สัมผัสได้ว่ามีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามาและสิ่งนั้นมันเป็นตัวตนที่เหนือล้ำกว่าพวกเขาทั้งหมด
บรรดาตัวตนเก่าแก่ที่เคยเจอกับหลิงตู้ฉิงในอดีตมาก่อนต่างขมวดคิ้วทันที เพราะพวกเขาต่างสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเดิม ๆ ที่พวกเขาเคยหวาดกลัวเมื่อหลายหมื่นปีที่ผ่านมากำลังมุ่งหน้าเข้ามาหา!
“เขามาแล้ว!”
บรรยากาศในตอนนี้ของทั้งสองฝั่งแม่น้ำโลหิตเทพพระเจ้าต่างเงียบกริบราวกับเป็นป่าช้า
บรรดาจักรพรรดิเทพทั้งหลายต่างไม่รู้ว่าจะทำตัวยังไงต่อ เนื่องจากตอนนี้พวกเขาทั้งหลายต่างรู้เหมือนราวกับว่าหลิงตู้ฉิงมาปรากฏตัวขึ้นด้วยตนเอง
ในเวลานี้ไม่ใช่แค่ฝั่งอสูรที่ตื่นตระหนก แต่บรรดาฝั่งกองกำลังพันธมิตรก็ตื่นตระหนกด้วยเช่นกัน
ไม่ใช่เจ้าบอกว่าจะยืมมาแต่ร่างไม่ใช่เหรอ? ทำไมไอ้ร่างนี้มันถึงยังดูมีชีวิตชีวาเหมือนเดิมราวกับว่าเขาผู้นั้นเดินทางมาด้วยตัวเองแบบนี้!
แผนในตอนแรกของพวกเขาคือการยืมร่างของหลิงตู้ฉิงมาศึกษาก่อน จากนั้นถึงค่อยใช้ร่างนี้ไปจัดการกับเผ่าอสูร
แต่ตอนนี้ร่างที่ควรจะไม่มีชีวิตอยู่กลับกลายเป็นร่างที่มีดวงวิญญาณสมบูรณ์พร้อมมาปรากฏกายซะอย่างนั้น แล้วแบบนี้พวกเขาจะกล้าเข้าใกล้ได้ยังไง?
แน่นอนว่าในตอนนี้พวกเขาเชื่ออย่างหมดใจแล้วว่า หลิงตู้ฉิงพิสูจน์เต๋าสำเร็จจริง ๆ เมื่อชีวิตที่แล้ว
กลิ่นอายอันแข็งแกร่งที่แผ่ออกมาจากร่างระดับนี้มันไม่ใช่ของผู้เชี่ยวชาญที่กำลังพิสูจน์เต๋าแน่นอน แต่มันก็ทำให้พวกเขาวนกลับไปที่ข้อสงสัยเดิมอีกรอบก็คือ ในเมื่อพิสูจน์เต๋าได้สำเร็จแท้ ๆ แล้วหลิงตู้ฉิงจะไปเกิดใหม่ทำไมกัน?
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)