เมื่อในอดีตเกือบ 30,000 ปีที่แล้ว หลิงตู้ฉิงได้พบกับดอกบัวเพลิงพิพากษาที่ตำหนักศักดิ์สิทธิ์หลีเทียน
ในตอนนั้นเขาได้แลกเปลี่ยนข้อมูลการเข้ามายังดินแดนแห่งบาปกับดอกบัวเพลิงพิพากษา ซึ่งดอกบัวก็ได้ตอบแทนเขาโดยการให้เมล็ดพันธุ์กลับมา และนั่นเป็นสาเหตุว่าทำไมตอนนี้ดอกบัวเพลิงพิพากษาถึงได้มาอยู่ที่นี่ได้
“สหายเต๋า ท่านมาที่นี่ด้วยสาเหตุอะไรงั้นเหรอ?” ดอกบัวเพลิงพิพากษาเอ่ยถามหลิงตู้ฉิง
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ภรรยาของข้าจำเป็นต้องเพิ่มระดับดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางให้ขึ้นไปถึงระดับ 9 หรือมากกว่า ซึ่งดินแดนแห่งบาปเป็นสถานที่แห่งเดียวที่ภรรยาของข้าจะสามารถบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางให้พัฒนาระดับไปถึงขั้นนั้นได้ และอีกอย่างในสถานที่แห่งนี้มีบางสิ่งบางอย่างที่ตัวข้าเองกำลังตามหาอยู่”
ดอกบัวเพลิงพิพากษาถอนหายใจ “สิ่งมีชีวิตแทบทั้งหมดที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนแล้วแต่แปดเปื้อนไปด้วยบาป ถึงแม้ว่าพวกเขาบางส่วนจะมีมลทินเพราะโชคชะตาบีบบังคับ แต่ส่วนใหญ่ล้วนมีบาปเพราะความเต็มใจของตนเอง ดังนั้นไม่ว่าสหายเต๋าจะมีจุดมุ่งหมายอะไร หากเป็นไปได้ท่านอย่าได้ปลดปล่อยสิ่งมีชีวิตที่อยู่ในที่แห่งนี้ออกไปข้างนอกเลยจะดีที่สุด”
สาเหตุที่ดอกบัวเพลิงพิพากษาจำเป็นต้องพูดเช่นนี้ เพราะมันรู้ดีว่าโจวจื่อซินจำเป็นต้องใช้บาปในสถานที่แห่งนี้ในการบ่มเพาะ ซึ่งการทำเช่นนั้นมันหมายถึงว่าบางครั้งโจวจื่อซินอาจจะจำเป็นต้องไปดึงบาปออกร่างของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ มาบ่มเพาะดอกบัวเพลิงพิพากษาของนางเอง
ต้องรู้เอาไว้ว่าเงื่อนไขการออกไปจากที่นี่ได้ของสิ่งมีชีวิตที่ถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่ก็คือบาปในตัวของพวกมันต้องไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป ดังนั้นเมื่อนางไปดึงบาปออกจากร่างของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ออกมาจนหมดเพื่อเอามาบ่มเพาะ สิ่งมีชีวิตเหล่านั้นจะกลายเป็นไร้ซึ่งบาป และนั่นจะทำให้พวกมันสามารถออกไปจากที่นี่ได้ทันที และนั่นจะกลายเป็นหายนะสำหรับโลกภายนอก เพราะสิ่งที่โจวจื่อซินทำนั้นเป็นเพียงแค่การล้างบาปออกไปไม่ได้ส่งผลต่อจิตใจที่หยาบช้าของสิ่งมีชีวิตเหล่านั้นให้ดีขึ้นตาม พวกมันยังคงมีสันดานที่ชั่วร้ายเหมือนเดิม และเมื่อออกไปโลกภายนอกพวกมันก็จะไม่ทำอะไรอย่างอื่นนอกจากสร้างวุ่นวายแค่เพียงอย่างเดียว
นี่คือสิ่งที่ดอกบัวเพลิงพิพากษากังวล
หลิงตู้ฉิงยิ้มและตอบกลับ “ไม่ต้องกังวล ข้าไม่ทำให้มีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นแน่นอน”
เมื่อพูดจบ หลิงตู้ฉิงพาโจวจื่อซินเดินทางลึกเข้าไปในดินแดนแห่งบาปต่อ และไปหยุดตรงหน้ายักษ์ตัวหนึ่งที่มีศีรษะเป็นกระทิง
ยักษ์ตนนี้ที่มีศีรษะเป็นกระทิง มีร่างกายใหญ่ขนาดพอ ๆ กับภูเขาลูกหนึ่ง ร่างกายของมันทุกส่วนถูกตรึงแน่นเอาไว้ด้วยโซ่ขนาดยักษ์หลายสิบเส้น ซึ่งโซ่แต่ละเส้นแข็งแกร่งพอที่จะคร่ากุมตัวตนระดับจักรพรรดิเทพได้แบบสบาย ๆ และยิ่งไปกว่านั้นทั่วร่างของมันยังมีเพลิงบาปลงทัณฑ์ลุกท่วมไปทั่วส่งผลให้มันเจ็บปวดเป็นอย่างมาก
มอออ ~ ~
เมื่อเห็นว่าหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินเข้ามาใกล้ ยักษ์หัวกระทิงกระทืบเท้าของมันอย่างรุนแรงด้วยสีหน้าชั่วร้าย ส่งคลื่นกระแทกอันรุนแรงกวาดไปหาหลิงตู้ฉิงและโจวจื่อซินทันที
หลิงตู้ฉิงเอาตัวของเขาบังโจวจื่อซินเอาไว้พร้อมกับสร้างม่านพลังของร่างเบญจธาตุต้านทานคลื่นกระแทกที่กวาดเข้ามา
“เจ้าอยากตายงั้นเหรอ?” หลิงตู้ฉิงเอ่ยถามกลับ
ยักษ์หัวกระทิงหัวเราะลั่นด้วยสีหน้าเหยียดหยาม จากนั้นมันเอ่ยว่า “ใครหน้าไหนมันจะฆ่าข้าได้? แม้แต่สวรรค์ยังทำได้แค่คุมขังข้าไว้ที่นี่ได้เพียงอย่างเดียว และใช้ไอ้เพลิงเวรนี่ทรมานข้า ซึ่งจนบัดนี้เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่แล้วไม่รู้ข้ายังคงไม่เป็นอะไรเลยแม้แต่น้อย! ต่อให้ความแข็งแกร่งของเจ้าจะเทียบได้กับจักรพรรดิเทพ แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าข้าความแข็งแกร่งของเจ้าก็ไม่ต่างอะไรจากสุนัขตัวหนึ่งเมื่อเทียบกับข้า!”
หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดว่า “เจ้าเข้าใจผิดแล้ว หากสวรรค์อยากให้เจ้าตาย เจ้าจะไม่มีทางต้านทานอะไรได้เลย ตอนนี้ที่เจ้ายังมีชีวิตอยู่ได้นั้นเป็นเพราะสวรรค์ไม่ลำเอียง ไม่ว่าผู้ใดจะชั่วช้าสักแค่ไหนสวรรค์ยังคงให้โอกาสทุกชีวิตดำรงอยู่ต่อไปได้เพื่อหวังว่าจะให้สำนึกได้ด้วยตัวเอง ซึ่งนั่นก็รวมไปถึงเจ้าด้วย แต่จากที่ข้าดูเจ้าในตอนนี้ แม้เวลาจะผ่านมานานแต่เจ้าก็ไม่ได้สำนึกอะไรเลยใช่ไหม?”
“ข้าไม่ได้ผิด ทำไมข้าต้องสำนึก?” ยักษ์หัวกระทิงตวาดกลับ
“ก็ดี! ในเมื่อเจ้าไม่สำนึก งั้นข้าจะได้ฆ่าเจ้าได้โดยที่ไม่ผิดอะไร!” หลิงตู้ฉิงหัวเราะ
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)