พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸) นิยาย บท 119

บทที่ 119 สารภาพ[รีไรท์]

บทที่ 119 สารภาพ[รีไรท์]

เขาเริ่มอธิบายความคิดทั้งหมดของตัวเองแล้วพูดว่า “เมื่อวานหลังจากที่อาจารย์หลิงและอาจารย์โม่สอน ข้าก็รู้ว่าข้าคิดผิด ข้ามาที่นี่เพื่อบอกท่านว่าข้าจะเข้าร่วมคณะเปิดชั่วคราวอย่างเป็นทางการ ข้าขอโทษท่านด้วย!”

จิ๋นห้าวหมิง เมื่อรู้ตัวว่าเขาถูกหลอกและคณะศาสตร์ยุทธของเขาได้สูญเสียนักศึกษาหัวกะทิไปอีกคนแล้ว

เขามองไปที่เหวินเต๋าอย่างเย็นชาและถามด้วยอารมณ์โมโหว่า “ไอ้คณะเวรนั่นมันมีอะไรวิเศษนักหนา ถึงทำให้เจ้าตัดสินใจหลอกลวงข้าและไม่ยอมกลับมา!?”

เหวินเต๋าก้มหัวลงและพูดว่า “ท่านอาจารย์จิ๋น ต่อให้คณะเปิดชั่วคราวจะไม่มีอะไรวิเศษ แต่เมื่อข้าได้เลือกที่จะเข้าร่วมคณะเปิดชั่วคราวในตอนนั้นแล้ว ข้าก็ไม่ควรกลับมาที่นี่อีก ข้าเสียใจที่ในตอนนั้นข้าได้โกหกท่าน! ที่ข้ากลับมาวันนี้เพื่อขอให้ท่านให้อภัยที่ข้าได้ล่วงเกินท่าน…”

ก่อนที่จิ๋นห้าวหมิงจะพูดอะไรต่อ นักศึกษาที่ยืนอยู่ด้านข้างเขา กู่เจียเฉิงที่อยู่อันดับ 1 ของคณะศาสตร์ยุทธ ระดับการบ่มเพาะของเขานั้นอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 3 เขาพูดอย่างเย็นชาใส่เหวินเต๋าว่า “เจ้านี่มันน่ารังเกียจจริง ๆ ถึงกับกล้าหลอกลวงท่านอาจารย์จิ๋น ที่อุตส่าห์เอ็นดูเจ้ามาเป็นเวลานาน คนน่ารังเกียจเช่นเจ้าไม่คู่ควรที่จะเป็นหนึ่งในนักศึกษาคณะศาสตร์ยุทธเหมือนข้าเลยจริง ๆ เจ้ากับคณะตลกนั่นของเจ้าช่างเหมาะสมกันเหลือเกิน! วันนี้ในเมื่อเจ้ากล้ามาที่นี่แล้ว ขอข้าลองสิ่งที่เจ้าได้เรียนรู้จากคณะตลกนั่นสักหน่อย ก่อนเจ้ากลับไปก็แล้วกัน!”

เหวินเต๋าพูดเรียบ ๆ ว่า “ข้ามาที่นี่เพื่อขอโทษ ไม่ได้มาเพื่อหาเรื่องใคร ตอนนี้ข้าเสร็จธุระแล้วข้าคงต้องขอตัว!”

เมื่อพูดจบ เหวินเต๋าลุกขึ้นยืนและเริ่มออกเดินกลับไปยังคณะเปิดชั่วคราว

กู่เจียเฉิงที่เห็นว่าเหวินเต๋ากำลังจะจากไป เขารีบกระโจนไปขวางทางและตะคอกใส่ด้วยท่าทีดุร้าย “คิดจะมาก็มา คิดจะก็ไปก็ไปง่าย ๆ แบบนี้งั้นเหรอ? เจ้าเห็นคณะนี้เป็นอะไรกัน มา ขอข้าทดสอบเจ้าหน่อยว่าคณะเวรนั่นสอนอะไรเจ้าบ้างถึงทำให้เจ้าไร้มารยาทได้ถึงขนาดนี้!”

“วันนี้ข้าไม่อยากสู้ โปรดหลีกทางให้ด้วย!” เหวินเต๋าตอบอย่างชัดเจน “ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าก็รู้ว่าข้าสู้เจ้าไม่ได้ ถ้าเจ้ายืนกรานที่จะประลองกับข้า เช่นนั้นข้าขอประกาศยอมรับความพ่ายแพ้ตรงนี้!”

“เจ้ายอมแพ้ตอนนี้มันก็สายไปแล้ว มา! มาให้ข้าได้เห็นทักษะที่เจ้าได้เรียนรู้จากคณะนั่นสักหน่อย!” กู่เจียเฉิงส่งสายตารังเกียจและออกหมัดไปที่เหวินเต๋า

เหวินเต๋าที่เคยอยู่อันดับ 5 ของคณะศาสตร์ยุทธ ในตอนนี้เขาอยู่ในขอบเขตประสานทะเลปราณระดับ 2 ความแตกต่างด้านความแข็งแกร่งของพลังวิญญาณพวกเขานั้นห่างกันถึงเท่าตัว ดังนั้นผลการต่อสู้จึงปรากฎขึ้นในเวลารวดเร็ว

เมื่อแลกกันไปได้ไม่กี่กระบวนท่า หน้าอกของเหวินเต๋าก็โดนหมัดของกู่เจียเฉิงกระแทกเข้าอย่างจัง จนทำให้เส้นลมปราณในร่างของเขาได้รับความเสียหาย เขาล้มลงกับพื้นและกระอักเลือดออกมาคำโต

“ดูเหมือนว่าคณะตลกนั่นจะสอนแต่สิ่งไร้ประโยชน์ให้เจ้าเท่านั้นสินะ!” กู่เจียเฉิงเย้ยหยัน “เอาล่ะข้าพอใจแล้ว จงกลับไปอยู่กับพวกตัวตลกคณะของเจ้าให้พอ วันหลังข้าอาจจะไปเยือนเจ้าถึงที่คณะนั่นและอาจจะขอทดสอบเจ้าใหม่อีกรอบ!”

เหวินเต๋าเช็ดเลือดออกจากมุมปากแล้วหันหลังเดินไปที่คณะเปิดชั่วคราวอย่างเงียบ ๆ

จิ๋นห้าวหมิงที่เฝ้าดูอยู่ด้านข้างก็ไม่ได้พูดอะไร

เหวินเต๋าที่อยู่ในสภาพกระเซอะกระเซิง หลังจากกลับมาที่คณะเปิดชั่วคราวเขาก็นั่งลงและโคจรพลังวิญญาณรักษาอาการบาดเจ็บของตนเองอย่างเงียบ ๆ

เจียงซิงเฉิงที่เห็นถึงสภาพอันกระเซอะกระเซิงของเหวินเต๋าจึงรีบวิ่งเข้ามาและถามว่า “เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า?”

“ไม่มีอะไร ข้าแค่กลับไปใช้หนี้ที่ข้าติดค้างไว้กับอาจารย์จิ๋นมา” เหวินเต๋าเอ่ยด้วยน้ำเสียงสำนึกผิด

เจียงซิงเฉิงมองไปที่หลิงตู้ฉิงอย่างเร่งรีบด้วยสาตาวิงวอนขอความช่วยเหลือ นักศึกษาของคณะได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นคณบดีควรมีท่าทีอะไรบ้างใช่ไหม?

อย่างไรก็ตาม หลิงตู้ฉิงเพียงแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวประจำโดยไม่ขยับเขยื้อนไปไหน เขาทำตัวราวกับว่าไม่มีอะไรผิดปกติเกิดขึ้นทั้งนั้นรอบ ๆ ตัวเขา

เจียงซิงเฉิงสาปแช่งหลิงตู้ฉิงในใจและพูดว่า “ไปกันเถอะ เจ้ากับข้าเราต้องไปแก้แค้นพวกเวรนั่น!”

เหวินเต๋ากลอกตาและพูดว่า “เราจะกลับไปอีกทำไม เจ้าคิดว่าเราสองคนสู้กู่เจียเฉิงนั่นได้หรือไง?”

เจียงซิงเฉิงที่ได้ยินเหวินเต๋า เอ่ยถึงชื่อนักศึกษาอันดับ 1 ของคณะเก่า เขาถึงกับพูดไม่ออก เขาเองเมื่อตอนอยู่คณะศาสตร์ยุทธ เขาอยู่แค่เพียงอันดับ 9 เท่านั้น เขาจะเอาอะไรไปสู้กับคนที่อยู่อันดับ 1 กัน

ในขณะที่เจียงซิงเฉิงกำลังรู้สึกหมดหวัง หลิงไช่หยุนก็วิ่งเข้ามาหา นางมองไปที่เหวินเต๋า และถามว่า “พี่ชายท่านเจ็บมากไหม?”

เหวินเต๋าพยักหน้าโดยไม่รู้ตัว เขารู้ว่าเด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้เป็นหนึ่ง ในบรรดาลูกของอาจารย์หลิง

“ถ้าอย่างนั้นข้าจะสอนวิชาที่จะทำให้ท่านหายเจ็บให้แล้วกันนะพี่ชาย!” หลิงไช่หยุนพูดพลางยิ้มให้กับพวกเขา

หลังจากนั้นนางก็เริ่มสอนทักษะพลังชีพหวนคืนให้กับเหวินเต๋า

เจียงซิงเฉิงและเหวินเต๋ามองหน้ากันอย่างตกตะลึง พวกเขาคิดมาตลอดว่าเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ นางตามพ่อของนางมาที่นี่เพื่อเล่นสนุกตามประสาเด็ก พวกเขาไม่คิดเลยว่าคณะแห่งนี้จะมีเรื่องราวอันแปลกประหลาดซ่อนไว้อยู่อีก แม้แต่เด็กผู้หญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ก็สามารถบ่มเพาะได้และตอนนี้นางยังสามารถสอนเคล็ดวิชาให้พวกเขาได้อีกต่างหาก?

หลิงไช่หยุนเริ่มอธิบายเคล็ดวิชาพลังชีพหวนคืนอย่างรวดเร็วและเมื่ออธิบายจบ นางจึงเอ่ยถามขึ้น “พวกท่านจำได้หมดไหม?”

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)