เมื่อเห็นเหรียญตราสีดำทมิฬอันนี้ ดวงตาของหลิงตู้ฉิงก็สว่างวาบขึ้น เขาหยิบมาดูแล้วถามว่า “เหลือเวลาอีกเท่าไหร่?”
ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความสลดเสียใจว่า “เหลือ 53 ปี แต่ข้าไม่มีอีก 53 ปีที่จะมีชีวิตอยู่ แม้ว่ามันจะไม่นาน แต่ข้าก็คงจะอยู่ไม่ถึงแน่นอน”
“53 ปี…” หลิงตู้ฉิงพูดซ้ำและถามต่อไปว่า “ท่านจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหน?”
ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยรอยยิ้มว่า “อย่างมากสุดคือ 20 ปีหรือน้อยที่สุดคือเพียง 1 ปี ยิ่งข้าต่อสู้กับผู้คนมากเท่าไหร่อายุขัยของข้าก็จะหมดลงเร็วขึ้นเท่านั้น”
หลิงตู้ฉิงพยักหน้าพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง เขาคิดอยู่พักหนึ่งและพูดว่า “ถ้าท่านต้องการเพียงแค่แลกเปลี่ยนเลือดของจื่อซิน ข้าก็สามารถทำตามเงื่อนไขของท่านได้ แต่กุญแจนี้มีค่ามากกว่าเลือดของจื่อซินมาก ดังนั้นท่านจะขาดทุนจากการแลกเปลี่ยนนี้เป็นอย่างมาก”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มอย่างขมขื่นและพูดว่า “ข้ารู้ แต่เมื่อเทียบกับการใช้ชีวิตต่อไปมันก็คุ้มค่า ถ้าไม่ใช่เพราะข้าหมดหนทางจริง ๆ ข้าคงจะไม่แลกมันกับท่าน!”
“ข้าทำการแลกเปลี่ยนที่ยุติธรรมมาโดยตลอด เอาแบบนี้ก็แล้วกันข้าจะเสนอข้อตกลงที่แตกต่างออกไปให้กับท่าน” หลิงตู้ฉิงยิ้ม “ข้อแลกเปลี่ยนใหม่ของข้าก็คือ ข้าจะยืดอายุให้ท่าน แต่ท่านจะต้องมาเป็นผู้ติดตามของข้าไปอีกร้อยปีและเมื่อเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับเปิดขึ้น ข้าจะอนุญาตให้ท่านเข้าไปกับข้าได้”
ซือโถวเหวินหยวนพูดด้วยความตกใจ “ท่านหลิง หลังจากที่ข้าใช้เลือดที่มีสรรพคุณเดียวกับดอกไม้ฟื้นชีพแล้วมันมีโอกาสมากที่ข้าจะทะลวงขอบเขตเป็นผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ ดังนั้นแล้วข้าก็ไม่สามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้อีกต่อไป แม้ว่าที่นั่นจะเป็นสถานที่มหัศจรรย์ แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่ว่าผนึกของเขตแดนนั้นมันจะไม่อนุญาตให้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตสวรรค์ขึ้นไปสามารถเหยียบเข้าไปได้”
หลิงตู้ฉิงโบกมือและพูดว่า “อย่ากังวลเรื่องอื่นเลย ถ้าข้าพูดว่าได้ ข้าก็ทำได้ สิ่งเดียวที่ท่านต้องพิจารณาในตอนนี้คือ ท่านตัดสินใจที่จะแลกเปลี่ยนกับข้าหรือไม่? นอกจากนี้ถ้าท่านเห็นด้วยข้ากับท่าน เราจะต้องทำสัญญากัน”
ซือโถวเหวินหยวนครุ่นคิดอยู่พักหนึ่งและพูดด้วยการแสดงออกที่ซับซ้อน “ถ้าข้าสามารถเข้าสู่เขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับได้ แน่นอนว่าข้าต้องการเข้าไป ร้อยปีนั้นไม่ถือว่าเป็นอะไรได้ แต่ข้าสงสัยว่าท่านต้องการให้ข้าทำอะไรในอีกร้อยปีข้างหน้า?”
“ท่านไม่ต้องกังวลอะไรให้มันมากนักหรอก” หลิงตู้ฉิงยิ้มแปลก ๆ “อันที่จริงข้าไม่จำเป็นต้องแลกเปลี่ยนอะไรกับท่านเลยด้วยซ้ำ เพราะข้าเชื่อว่าหลังจากที่ข้าแสดงบางสิ่งให้ท่านดู ท่านเองจะเป็นฝ่ายที่ร้องไห้กราบกรานขอร้องให้ข้ายอมรับท่าน แต่เนื่องจากที่ข้าเป็นคนที่ยึดมั่นในการทำข้อตกลงอย่างยุติธรรม ดังนั้นข้าจึงมอบทางเลือกให้กับท่านเอาไว้ให้ตัดสินใจด้วยตัวเองด้วยว่าจะตกลงหรือไม่”
ซือโถวเหวินหยวนมองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยสายตาข้อข้องใจ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไรเขาที่มีฐานะเป็นถึงผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์และยังเป็นผู้ที่มาจากสำนักเต๋าสวรรค์ แม้ว่าเขากำลังจะตาย เขาก็ไม่ใช่คนธรรมดาสามัญ มันเกินจริงไปหรือเปล่าที่จะมีอะไรบางอย่างมาทำให้เขาต้องกราบกรานและขอที่พักพิง?
“อย่ามองข้าด้วยสายตาแบบนั้น สิ่งที่ข้าพูดไปข้ามั่นใจมันเป็นอย่างมาก เอาแบบนี้ไหมล่ะ ข้ากล้าพนันกับท่านได้เลย เมื่อถึงเวลาที่ท่านเห็นสิ่งนั้นแล้วถ้าท่านไม่คุกเข่าลงและขอร้องข้า ข้าจะมอบเลือดของจื่อซินให้ท่านไปแบบเปล่า ๆ เลยโดยที่ท่านไม่จำเป็นต้องแลกกุญแจนี้กับข้า” หลิงตู้ฉิงพูดด้วยความสนุกสนาน
“แล้วสัญญาล่ะ?” ซือโถวเหวินหยวนถามอย่างสงสัย
หลิงตู้ฉิงยิ้มและพูดว่า “สำหรับเรื่องการทำสัญญา หากท่านทำสัญญากับข้าตอนนี้ข้อกำหนดในสัญญาจะยังคงเดิมคือท่านต้องติดตามข้าเป็นเวลา 100 ปี แต่ถ้าหากท่านทำสัญญากับข้าหลังจากเห็นสิ่งนั้นแล้วข้อกำหนดในสัญญาจะถูกเปลี่ยนไปเป็นสัญญาผูกมัดระหว่างเจ้านายและบ่าวรับใช้แทน”
ข้อสัญญาที่เปลี่ยนไปนั้นต่างกับราวฟ้ากับเหว หากในสัญญาระบุไว้ให้เป็นเพียงแค่ผู้ติดตาม ซือโถวเหวินหยวนจะยังสามารถตัดสินใจอะไรหลายอย่างด้วยตัวเองได้บ้างและเมื่อถึงเวลาครบกำหนดเขาก็จะเป็นอิสระทันที แต่ถ้าหากได้ทำสัญญาระหว่างผู้เป็นนายและบ่าวรับใช้แล้ว ซือโถวเหวินหยวนจะไม่มีวันปฏิเสธคำสั่งใด ๆ ได้เลยหากเขาถูกสั่งให้ทำโดยเจ้านายของเขา และระยะเวลาของสัญญานี้จะไม่มีกำหนดจนกว่าผู้เป็นนายจะยอมปลดปล่อยเขาด้วยความเต็มใจ
ซือโถวเหวินหยวนพูด “ถ้าหากท่านสามารถทำให้ข้าคุกเข่าอ้อนวอนได้จริง การทำสัญญาผูกมัดผู้เป็นนายกับบ่าวรับใช้มันจะนับเป็นอะไรได้?”
เขาไม่เชื่อว่าหลิงตู้ฉิงมีความสามารถที่จะทำให้เขาคุกเข่าและขอที่พักพิงได้ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาระดับ 12 เขาไม่เชื่อว่าจะมีอะไรสามารถทำให้เขายอมลดศักดิ์ศรีของตัวเองได้ขนาดนั้น
“ได้เลย!” หลิงตู้ฉิงพูดพลางยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ว่า “ท่านไปนั่งรออยู่ด้านข้างรอข้าก่อน และอย่าพยายามทำอะไรโง่ ๆ คฤหาสน์สราญรมย์ของข้าไม่ใช่ที่ที่ใครจะสัมผัสตรงนั้นตรงนี้ได้ตามที่พวกเขาต้องการ”
ซือโถวเหวินหยวนยิ้มและพูดว่า “เข้าใจแล้ว!”
ด้วยการที่เขาเป็นคนมาจากสำนักเต๋าสวรรค์ และได้รับการถ่ายทอดเคล็ดการบ่มเพาะที่พิเศษกว่าคนทั่วไป ดังนั้นเขาจึงมีความไวต่อพลังแห่งกฎของสวรรค์และโลกมากกว่าคนอื่น ๆ
เขารู้ดีว่าหากตัวเองทำอะไรโง่ ๆ ในขณะที่อยู่ภายในบริเวณคฤหาสน์แห่งนี้ เขาจะไม่มีวันรอดกลับออกไปด้านนอกได้แน่นอน ตั้งแต่แรกเขาจึงตั้งใจหยิบกุญแจของเขตแดนวิญญาณผู้ล่วงลับออกมา และทำข้อตกลงอย่างยุติธรรมโดยไร้ซึ่งเจตนาแอบแฝงอื่น
หลังจากรออยู่สักพัก เมื่อถึงช่วงเวลาบ่ายแก่ ๆ กงหนิวได้พาทุกคนกลับมาจากศาลาศักดิ์สิทธิ์
ด้วยความมั่นใจหลังจากที่รถม้าถูกปรับแต่งเรียบร้อย หลิงตู้ฉิงจึงกล้าพอที่จะส่งเด็ก ๆ ออกไปข้างนอกได้โดยที่ไม่ต้องมีเขาติดตามออกไปด้วย
ด้วยโม่หยูถังที่อยู่เคียงข้างพวกเขา ต่อให้พวกเขาจะเผชิญกับผู้เชี่ยวชาญขอบเขตครึ่งสวรรค์ พ่อบ้านชราก็สามารถต้านทานได้ชั่วระยะเวลาหนึ่ง แม้พียงแค่หนึ่งลมหายใจก็เพียงพอแล้วสำหรับกลุ่มเด็กที่จะสามารถเข้าไปแอบซ่อนตัวอยู่ในรถม้า
เมื่อรถม้าลงมาถึงคฤหาสน์สราญรมย์และทุกคนก็พากันเดินออกมา
หลิงตู้ฉิงซึ่งนั่งอยู่ด้านข้างเฝ้าดูปฏิกิริยาของซือโถวเหวินหยวน ส่วนซือโถวเหวินหยวนก็มองไปที่หลิงตู้ฉิงด้วยความประหลาดใจ
เขายังคงรอให้หลิงตู้ฉิงทำให้เขาคุกเข่าลงและอ้อนวอนด้วยความสมัครใจ!
เมื่อมองไปยังรถม้าที่กำลังมีผู้คนเดินออกมามากมาย เขาไม่ได้สนใจอะไรกับมันมากนัก เขาแค่คิดกับมันว่าเป็นเพียงพาหนะวิเศษที่บินได้
จากนั้นเขาก็ละสายตาจากรถม้ามองสังเกตไปยังผู้คนที่กำลังออกจากรถม้า
ความคิดเห็น
ความคิดเห็นของผู้อ่านเกี่ยวกับนิยาย: พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)